ReadyPlanet.com


รวมข่าวดาวเทียม วันที่23ตุลาคม2015


"รมช.ศึกษาฯ" ระดมส่วนราชการ ศธ.ขับเคลื่อน-ลดเหลื่อมล้ำการศึกษา ตามแผน รบ.

"รมช.ศึกษาฯ" ระดมทุกส่วนราชการ ศธ. ขับเคลื่อนการดำเนินงาน ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม นำสู่ความเท่าเทียม ตามนโยบายรัฐบาล


เมื่อวันที่ 31 ส.ค.58 พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำ นำสู่ความเท่าเทียม บรรลุซึ่งวัตถุประสงค์และเกิดสัมฤทธิผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อเป็นรากฐานแห่งความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของชาติ โดยกำหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ครั้งที่ 2 เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบข้อเสนอนโยบายลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดเข้าร่วมการดำเนินงานดังกล่าว ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) และสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2558 ณ อาคารราชวัลลภ ชั้น 1 กระทรวงศึกษาธิการ
 
 
ข้าราชการ ศธ.ตั้งใจรับนโยบาย
พล.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า กระทรวงศึกษาธิการได้มีขับเคลื่อนนโยบายลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง ตามแผนการดำเนินงานที่แบ่งเป็น 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เป็นการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายและแผนปฏิบัติการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ระยะที่ 2 และระยะที่ 3 เป็นการดำเนินการตามนโยบายลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา และระยะที่ 4 เป็นการส่งมอบภารกิจแก่รัฐบาลชุดต่อไป โดยในห้วงเวลาปัจจุบันนี้ จะเป็นการขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างเต็มรูปแบบจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใต้แผนระยะที่ 2 และระยะที่ 3 ตามเป้าประสงค์ คือ การสร้างระบบการศึกษาที่มีความเสมอภาคอย่างยุติธรรมเพื่อความเป็นธรรมในสังคม เพื่อให้ผู้เรียนในทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่ และทุกระดับ ได้รับการศึกษาที่เสมอภาค มีคุณภาพเท่าเทียมกันตามศักยภาพและเป้าหมายการศึกษา ซึ่งมีมาตรการที่สำคัญ 3 ประการ คือ การประกันโอกาสทางการศึกษา การประกันคุณภาพการศึกษา และการประกันประสิทธิภาพการบริหารจัดการ
 
 
การศึกษาไทยต้องก้าวไกล
โดยการดำเนินการตามมาตรการสำคัญทั้ง 3 ประการนั้น ได้กำหนดเป้าหมายและแนวทางการดำเนินการไว้อย่างชัดเจน เช่น 1) ด้านการประกันโอกาสทางการศึกษาของเด็กนักเรียนที่อยู่ห่างไกลโรงเรียนบนพื้นที่สูง ไม่สามารถเดินทางไป-กลับจากบ้านและโรงเรียนได้ มีการกำหนดเป้าหมายให้นักเรียนกลุ่มนี้ มีโอกาสได้รับการศึกษาเช่นเดียวกับเด็กทั่วไป โดยการจัดเรือนพักนอนและจัดอาหารให้ 3 มื้อต่อวัน 2) ด้านการประกันคุณภาพการศึกษาสำหรับนักเรียนในโรงเรียนขนาดเล็กที่มีครูไม่ครบชั้นเรียนและมีครูที่จบการศึกษาไม่ครบวิชาที่สอน ได้กำหนดเป้าหมายให้ได้รับการเรียนการสอนเต็มเวลาและเต็มหลักสูตร จากครูที่จบการศึกษาตรงตามวิชาที่สอนครบทุกวิชา ด้วยการจัดให้ได้เรียนทางไกลจากโรงเรียนต้นทาง คือ โรงเรียนไกลกังวล ด้วยระบบทางไกลผ่านดาวเทียมที่เรียกว่า ระบบ DLTV เป็นต้น 3) ด้านการประกันประสิทธิภาพการบริหารจัดการสำหรับโรงเรียนที่มีนักเรียนพักนอน นักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ หรือนักเรียนที่มีความยากจนตามเส้นแบ่งความยากจน ได้เตรียมปฏิรูประบบการจัดสรรงบประมาณ ให้มีการจัดสรรทั้งแบบอัตราส่วนสำหรับปัจจัยพื้นฐานของนักเรียน และโรงเรียนที่มีความจำเป็นเหมือนๆ กัน (BASE LINE) และจัดสรรแบบสมทบเป็นพิเศษ (TOP UP) ตามขนาด ตามความจำเป็น และบริบทของสถานศึกษา ตลอดจนตามสภาพความพร้อมของนักเรียน และสภาพความยากลำบากในการปฏิบัติงานของครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นต้น
 
พล.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า การศึกษานโยบายการดำเนินการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการดังกล่าว มุ่งเน้น "การลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเพื่อความเป็นธรรมในสังคม ด้วยการประกันโอกาสทางการศึกษา การประกันคุณภาพการศึกษา และการประกัน ประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษา" มีเป้าหมายและแนวทางที่เป็นรูปธรรม ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ตอบสนองต่อความต้องการของนักเรียน ประชาชน และสังคม เพื่อให้ทุกคนในประเทศไทยได้รับการศึกษาที่สมบูรณ์อย่างเป็นธรรม เกิดผลสัมฤทธิ์เชิงประจักษ์ และมีความหมายที่ลึกซึ้งมากกว่าคำว่าความเสมอภาคในอดีต 


ผู้ตั้งกระทู้ ช.การไฟ้ฟ้า :: วันที่ลงประกาศ 2015-10-23 23:46:27


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3887031)
ขอเวลาพิสูจน์

ของฟรีไม่มีในโลกฉันใด จะได้ของดีก็ต้องลงทุนฉันนั้น!!

เฉกเช่นทีวีดิจิตอล...เมื่อต้องแข่งขันกันสุดเหวี่ยง ก็ต้องควักเงินมาผลิตรายการเพื่อให้ถูกรสนิยมชาวบ้าน

ใครโดนใจกว่าก็อยู่รอด ใครควักน้อย รูปแบบและงานผลิตไม่เนี้ยบ ก็ต้องสุ่มเสี่ยงยิ่ง

รายการทีวียุคใหม่ใช้เงินลงทุนสูง แต่ผลตอบแทนในส่วนค่าโฆษณายังคลานต้วมเตี้ยม ก็ด้วยสัญญาณดิจิตอลที่ยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศนี่แหละ!!

ครั้นจะเหนียวงบผลิตรายการ ก็ถูกคนดูส่ายหน้า กล่าวหาว่าย่ำเท้าอยู่กับที่ ไม่ได้แตกต่างไปจากฟรีทีวีเดิม (อนาล็อก)

เผลอๆอาจจะสู้ทีวีดาวเทียมบางช่องไม่ได้อีกด้วย

งบผลิตรายการน้อย ก็ยังลากถูลู่ถูกังกันไปก่อน แต่ปัญหาที่หนักอกของสถานีดิจิตอลขณะนี้กลับเป็นเรื่องของการขาด

แคลนบุคลากรสร้างสรรค์และผลิตรายการมากกว่า

เจ้าเดิมที่เคยรับจ้างผลิตงานคุณภาพ ก็ไม่ได้มีความคิดแตกหน่อมากนัก เราจึงเห็นรายการต่างๆมีรูปแบบซ้ำซากจำเจ

เพราะการแตกหน่อ...ย่อมหมายถึงเงินทุนในการผลิตจะต้องสูงขึ้น สวนทางกับรายได้ของทีวีดิจิตอลในขณะนี้

ทีวีดิจิตอลจึงเหมือนถูกมัดมือชก ส่วนหนึ่งก็มาจากปัญหาของ กสทช.ที่รู้ๆ กันอยู่ ซึ่งโยงไปถึงปัญหาเรตติ้งที่ไม่เป็นตามคาดหวัง!!

ใครสายป่านยาวก็เลยจำยอมอดทนเพื่อหวังว่าอนาคตจะดีขึ้น การแข่งขันจะเป็นธรรมมากขึ้น

แถมยังต้องประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านโทรทัศน์ไปทุกภาคส่วน ยิ่งทำให้ทีวีดิจิตอลดิ้นรนทุกนาที

ผู้ชมที่พอจะเข้าถึงช่องทีวีดิจิตอลได้ กรุณารับทราบเหตุผลดังที่กล่าวมาด้วย ต้องขอโอกาสให้ทีวีดิจิตอลพิสูจน์ตัวเองอีกสักระยะ

เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว วันนั้นเราก็จะเห็นการแข่งขันที่มีทั้งคุณภาพและสีสันเต็มอิ่ม

ว่าถึงประเด็นนี้แล้ว ยังคาใจ กสทช.ไม่หาย!!

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2015-10-23 23:49:16


ความคิดเห็นที่ 2 (3887032)

 UN เผยภาพดาวเทียมยืนยัน “วิหารชื่อดังที่สุดในพัลไมรา” ถูกไอเอสระเบิดทำลายยับ


ซากวิหารเบล (Temple of Bel) ในเมืองพัลไมราของซีเรีย ถ่ายไว้เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2014 (แฟ้มภาพ)

        เอเอฟพี - องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิดเผยภาพถ่ายดาวเทียมที่ยืนยันว่า วิหารโบราณที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองพัลไมรา (Palmyra) ของซีเรียถูกระเบิดจนพังย่อยยับด้วยน้ำมือกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ซึ่งมุ่งทำลายมรดกทางวัฒนธรรมที่ขัดแย้งกับหลักอิสลามในดินแดนที่เข้าไปยึดครองไว้ได้
       
       ศูนย์วิจัยและฝึกอบรม UNITAR ในสังกัดยูเอ็นได้เผยภาพถ่ายดาวเทียมวิหารเบล (Temple of Bel) ทั้งช่วงก่อนและหลังถูกระเบิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (30 ส.ค.) โดยก่อนหน้านั้นพวกไอเอสก็ได้ระเบิดทำลายวิหาร “บาล ชามิน” ไปแล้วหลังหนึ่ง
       
       ภาพถ่ายดาวเทียมของ UNITAR เมื่อวันที่ 27 ส.ค. เผยให้เห็นโครงสร้างอาคารรูปสี่เหลี่ยมที่มีเสากลมล้อมรอบ แต่ภาพที่ถ่ายล่าสุดเมื่อวันจันทร์ (31) กลับพบว่าแทบไม่มีอะไรเหลือคงสภาพนอกจากเสา 2-3 ต้น และตัวกำแพงด้านนอกสุด
       
       “เราสามารถยืนยันได้ว่ามีการทำลายตัวอาคารหลักของวิหารเบล รวมถึงแนวเสาที่ตั้งอยู่ติดกับตัววิหาร”
       
       วิหารเบลซึ่งมีอายุราว 2,000 ปี ถือเป็นโบราณสถานที่มีชื่อเสียงและมีความสำคัญที่สุดในเขตเมืองเก่าพัลไมรา ซึ่งองค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ยกย่องว่า “มีคุณค่าโดดเด่นในระดับสากล”
       
       กองกำลังรัฐบาลซีเรียสูญเสียเมืองมรดกโลกแห่งนี้ให้แก่พวกไอเอสในเดือนพฤษภาคม ซึ่งหลังจากนั้นนักรบอิสลามิสต์ก็ได้ลงมือทำลายซากวิหารเก่าแก่ที่พวกเขาถือว่าเป็นการบูชาเทวรูปที่ขัดต่อหลักการของศาสนาอิสลาม
       
       ไอเอสยังได้ฆ่าตัดคอนักโบราณคดีผู้มีชื่อเสียงวัย 82 ปีที่เมืองพัลไมรา เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
       
       โบราณวัตถุล้ำค่าจำนวนมากถูกไอเอสขนไปขายในตลาดมืดเพื่อนำเงินมาทำทุน และยังเป็นการประกาศเป้าหมายของพวกเขาที่จะทำให้อิรักและซีเรียอยู่ภายใต้การปกครองด้วยหลักอิสลามที่ถูกตีความแบบสุดโต่ง
       
       ด้านศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียซึ่งมีฐานที่กรุงลอนดอน รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (30) ว่า ไอเอสได้นำกล่องและถังบรรจุระเบิดไปวางไว้ภายในวิหารเบล จากนั้นจึงกดระเบิดจนภายในตัววิหารพังเสียหาย
       
       “มันเป็นวิหารที่มีชื่อเสียงและสำคัญที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวเมืองพัลไมราด้วย พวกเขามักจะมาจัดเทศกาลเฉลิมฉลองกันที่นี่” โมฮัมหมัด ฮัลซัน อัล-ฮอมซี นักเคลื่อนไหวในเมืองพัลไมรากล่าว
       
       วิหารเบลก่อสร้างขึ้นในช่วง 32 ปีก่อนคริสตศักราชจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 2 และเคยถูกใช้เป็นทั้งโบสถ์และมัสยิดมาก่อน


ภาพถ่ายดาวเทียมเปรียบเทียบสภาพของวิหารเบลในวันที่ 27 ส.ค. (ภาพบน) และหลังจากที่ถูกไอเอสวางระเบิดทำลาย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมา (ภาพ: UNITAR)
 
ผู้แสดงความคิดเห็น ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2015-10-23 23:52:10


ความคิดเห็นที่ 3 (3887034)

ศาลปกครอง ไต่สวน เคเบิลทีวี ฟ้อง กสทช. บังคับนำทีวีดิจิตอลออนแอร์


ศาลปกครอง นัดไต่สวนคดีผู้ประกอบการเคเบิลทีวี ฟ้อง กสทช. กรณีบังคับให้นำช่องทีวีดิจิตอลมาออกอากาศในช่องเคเบิล ทำให้ได้รับผลกระทบทางธุรกิจ โดย กสทช.ไม่มีมาตรการเยียวยา โดยศาลปกครองยังไม่มีข้อสรุปที่จะนัดไต่สวนอีกครั้งเมื่อใด

วันที่ 1 ก.ย. ศาลปกครองนัดไต่สวนคดี บริษัท ซุปเปอร์เช็ง ปทุมธานี กับพวกรวม 97 ราย และสมาคมการค้าผู้ประกอบการเคเบิลทีวี กับพวกรวม 20 คน ฟ้องสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. และกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. ในมติที่บอร์ด กสท. กำหนดแนวปฏิบัติในการเผยแพร่โทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป หรือ มัสต์แครี่ สำหรับผู้ให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ เมื่อ วันที่ 3 มิถุนายน 2558 ให้นำช่องรายการทีวีดิจิตอลไปออกอากาศในช่องเคเบิลทีวี มีผลภายใน 15 วัน หากไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษปรับทางปกครองวันละ 2 หมื่นบาท โดยศาลใช้เวลาไต่สวน 3 ชั่วโมง แต่ยังไม่มีคำสั่งว่า จะนัดไต่สวนอีกครั้งเมื่อไร

นายนวมงคล คูสกุล ทนายความผู้รับมอบอำนาจ จากผู้ประกอบการเคเบิล 97 รายทั่วประเทศ กล่าวว่า ได้ชี้แจงต่อศาลว่า หากดำเนินการตาม มติบอร์ด กสท. จะส่งผลกระทบให้ผู้ประกอบการเคเบิลทีวี ได้รับความเดือดร้อน เพราะต้องลงทุนติดตั้งโครงข่ายเพิ่ม 3-5 ล้านบาทต่อสถานี และการลงทุนสร้างโครงข่ายเพื่อรองรับทีวีดิจิตอล ให้มาออกอากาศโดยที่ไม่ได้รับค่าตอบแทน ในการเช่าใช้โครงข่ายไม่ยุติธรรม เพราะทีวีดิจิตอล เป็นคู่แข่งทางธุรกิจ สำหรับ เคเบิลทีวี มีประมาณ 300 สถานี แบ่งเป็นระบบอนาล็อก 200 สถานี และระบบดิจิตอล 100 สถานี มีลูกค้า 1 ล้าน 5 แสนครัวเรือนทั่วประเทศ

ด้านนายสมบัติ ลีลาพตะ รักษาการรองเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า ชี้แจงต่อศาล ว่า หากผู้ประกอบการเคเบิลทีวี ที่ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎมัสต์แครี่ได้ จะต้องทำหนังสือ โดยระบุเหตุผลมาเพื่อให้พิจารณาขอยกเว้น แต่ถ้าเคเบิลทีวียินดีปฏิบัติตาม จะต้องนำทุกช่องดิจิตอลไปออกอากาศโดยไม่มีกรณียกเว้น หรือ เลือกช่องใดช่องหนึ่ง ขณะที่ล่าสุด บอร์ด กสท. ได้มอบหมายให้สำนักงาน กสทช.ไปตรวจสอบขั้นตอนและข้อเท็จจริงของกระบวนการติดตั้งโครงข่ายเคเบิลทีวี เพื่อรองรับช่องดิจิตอล เพื่อนำมารายงานต่อบอร์ด กสท. คาดว่า จะได้ข้อสรุปในเดือนกันยายนนี้ โดยยังไม่มีการระบุถึงมาตรการเยียวยา และ กสทช.ยังไม่ได้บังคับใช้ทางปกครองกับเคเบิลดาวเทียม

ส่วนกรณีที่ ก่อนหน้านี้ กสทช. เคยมีมติให้เคเบิลทีวี สามารถเลือกนำช่องทีวีดิจิตอล มาออกอากาศได้ แต่ล่าสุด เมื่อมีปัญหากับผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล กลับบังคับให้นำทุกช่องทีวีดิจิตอลมาออกอากาศ โดยที่ กสทช.ไม่ได้ออกมาตรการเยียวยาให้ผู้ประกอบการ เคเบิลทีวี นั้น รักษาการรองเลขาธิการ กสทช. ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะ กสทช.ยึดตามประกาศมัสต์แครี่
ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-10-23 23:55:46


ความคิดเห็นที่ 4 (3887035)

ก.วิทย์สบช่องส่งคนไป "นาซา"


นายชาร์ลส์ โบลเดน ระหว่างเดินทางเยือนไทยเพื่อติดตามงาน และบรรยายพิเศษแก่เยาวชนไทยที่เข้าร่วมโครงการ GLOBE ณ สสวท.

        ก.วิทย์สบช่องส่งคนไปเรียนรู้ที่ "นาซา" หลัง ผอ.ใหญ่มาเยือนถึงไทย พร้อมหารือการใช้ดาวเทียมจัดการภัยพิบัติ โดยประสานงานผ่านสถานทูตสหรัฐฯ 


       
       เมื่อวันที่ 2 ก.ย.58 ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เผยถึงการรือหลัง นายชาร์ลส์ โบลเดน (Charles Bolden) ผู้อำนวยการองค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ขอเข้าพบ ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
       
       ดร.พิเชฐเผยว่านายโบลเดนได้หารือในเรื่องการใช้เครือข่ายดาวเทียมสำรวจเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ อุทกภัยและภัยธรรมชาติ โดยไทยมี 2 หน่วยงานที่ทำเรื่องดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องคือ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.)
       
       "หลังจากทราบว่า ก.วิทย์ได้ทำเรื่องนี้มาอย่างเข้มข้นโดย สทอภ. และ สสนก. เขาก็อยากให้ไทยช่วยเป็นศูนย์กลางของลุ่มน้ำโขง โดยเชื่อมโยงกับสถานทูตสหรัฐฯ และศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (ADPC)" ดร.พิเชฐกล่าว
       
       พร้อมกันนี้ ดร.พิเชฐกล่าว ก.วิทย์จะโครงการอวกาศแห่งชาติ และอยากส่งไปเรียนรู้ที่นาซา ซึ่งนายโบลเดนเผยว่ามีกลไกที่ทำได้ โดยเปิดช่องให้คุยผ่านสถานทูตสหรัฐฯ และองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) 
ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-10-23 23:58:04


ความคิดเห็นที่ 5 (3887037)

นักวิจัยชี้ โลกมีต้นไม้ 3 ล้านล้านต้น มากกว่าที่คาด 8 เท่า


(ภาพ: REUTERS)

เมื่อ 2 ก.ย. ทีมนักวิจัยจาก 15 ประเทศ นำโดยมหาวิทยาลัย เยล ในสหรัฐฯเผยมีจำนวนต้นไม้ทั่วโลกทั้งหมดประมาณ 3.04 ล้านล้านต้น คิดเป็น 422 ต้น ต่อ 1 คนบนโลก เพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ 4 แสนล้านต้น ถึง 8 เท่า โดยทีมวิจัยเก็บข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมและสำรวจความหนาแน่นของป่ากว่า 400,000 แห่งทั่วโลก

อีกทั้งพบว่าจำนวนต้นไม้บนโลกลดลงถึงร้อยละ 46 จาก 12,000 ปีก่อน และมีการตัดต้นไม้กว่า 15 พันล้านต้นในแต่ละปี ขณะอาจารย์ด้านสิ่งแวดล้อมจากหลายมหาวิทยาลัยในอังกฤษเห็นว่า งานวิจัยดังกล่าวมีข้อผิดพลาด โดยคาดว่าตัวเลขที่แท้จริงสูงกว่าประมาณ 2 ถึง 10 เท่า เพราะทีมวิจัยเก็บข้อมูลส่วนใหญ่ในป่าของยุโรปและอเมริกาเหนือ แต่มีข้อมูลจากจีนและอินเดียน้อยมาก.
ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-10-24 00:00:18


ความคิดเห็นที่ 6 (3887038)

 รอง ผอ.สถาบันดาราศาสตร์ฟันธง ลูกไฟกลางฟ้าเป็นอุกกาบาตนอกโลก คาดตกในทะเล


ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ

        เชียงใหม่ - รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติยันลูกไฟกลางท้องฟ้าไม่ใช่ขยะอวกาศ หรือซากชิ้นส่วนดาวเทียม แต่เป็นอุกกาบาตจากนอกโลก ความสูงที่มองเห็นในชั้นบรรยากาศไม่ต่ำกว่า 100 กิโลเมตร คาดว่าจะตกในทะเล
       
       วันนี้ (7 ก.ย.) ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ได้ออกมายืนยันว่าลูกไฟที่พุ่งเข้ามาในชั้นบรรยากาศของโลก ประชาชนมองเห็นและถ่ายคลิปไว้ได้หลายพื้นที่ ทั้งจากท่าม่วง จ.กาญจนบุรี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น ไม่ใช่ขยะอวกาศ หรือซากดาวเทียม แต่เป็นอุกกาบาตที่พุ่งตกลงมาจากนอกโลก
       
       โดยเป็นอุกกาบาตที่พุ่งจากทางตะวันออกเฉียงใต้ ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งที่กาญจนบุรีอยู่ในระดับความสูงประมาณ 50 องศา ส่วนจังหวัดนนทบุรีอยู่ในระดับความสูงที่มองเห็น 20 องศา หรือความสูงจากผิวโลกไม่ต่ำกว่า 100 กิโลเมตร พุ่งลงมาด้วยความเร็วสูงจนเกิดการเสียดสีกับชั้นบรรยากาศจนเป็นลูกไฟ
       
       “ดูจากขนาดลูกไฟที่เห็นแล้วขนาดไม่น่าจะใหญ่มาก แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าตกในพื้นที่ไหน คาดว่าอาจจะตกในทะเล ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่ออากาศยาน หรือเครื่องบินเนื่องจากอยู่ในระดับความสูงมาก ขณะนี้กำลังเช็กว่าตกในพื้นที่ใด แต่ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อมูลหรือรู้สถานที่ตกให้ส่งข้อมูลให้สถาบันดาราศาสตร์ด้วย แต่เชื่อว่าไม่น่าจะตกในประเทศไทย ประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนก”
ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-10-24 00:02:46


ความคิดเห็นที่ 7 (3887039)

สวยแบบ..ไม่รู้จะพูดยังไง! ชมผู้เข้าประกวด "ดาวเทียม" สื่อสารมวลชน มช.

 งานนี้ยอมกันไม่ได้..หลังจากที่ Life on campus ได้นำเสนอภาพหนุ่มหล่อ สาวสวย จากการประกวดเฟรชชี่ ดาว-เดือน ของหลายมหาวิทยาลัยกันไปแล้ว ยังขาดอีกหนึ่งการประกวดที่เรียกว่าแซ่บไม่แพ้กัน นั่นก็คือ การประกวดดาวเทียม หรือการประกวดเฟรชชี่สาวประเภทสอง ที่เรียกได้ว่าสร้างสีสันให้กับงานรับน้องเป็นอย่างมากเลยทีเดียว แต่จะแซ่บขนาดไหนขอเชิญไปพิสูจน์ให้เห็นกับตา จากภาพผู้เข้าประกวดดาวเทียม หรือ “Miss Queen of Mass Communication” คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทั้ง 14 คน นอกจากความสวยสะกดวิญญาณของพวกเธอแล้ว ชื่อแต่ละคนยังเก๋อย่าบอกใคร หลายคนเสียเวลาสะกดชื่ออยู่นานจนลืมมองหน้าไปเลยก็มี
ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-10-24 00:04:55



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.