ReadyPlanet.com


ทีวีดิจิตอล , ดิจิตอลทีวี


โทรทัศน์ระบบดิจิทัล
โทรทัศน์ระบบดิจิทัล (อังกฤษ: Digital television) หรือทีวีดิจิตอล หรือ DTV คือการส่งผ่านของเสียงและวิดีโอโดยใช้ขบวนการและการผสมสัญญาณแบบดิจิทัลซึ่งมีความแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับการส่งผ่านสัญญาณแบบแอนะล็อกที่มีการแยกสัญญาณในช่องที่แยกออกจากกัน สิ่งนี้เป็นนวัตกรรมที่ปฏิวัติเทคโนโลยีโทรทัศน์ที่สำคญยิ่งนับแต่นวัตกรรมทีวีสีเมื่อปี 1950S[1] มันสามารถส่งข้อมูลได้มากกว่าแบบแอนะล็อกในหนึ่งช่องสัญญาณ จึงเรียกได้อีกอย่างว่า Multicasting การส่งสัญญาณเป็นแบบดิจิตอลจึงทำให้ได้คุณภาพของภาพและเสียงดีกว่าด้วย เช่น โทรทัศน์ระบบ HDTV หลายประเทศกำลังเปลี่ยนระบบการส่งสัญญาณจากแอนะล๊อกมาเป็นดิจิทัลซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่วิทยุในอีกรูปแบบหนึ่ง ในหลายๆส่วนของโลกอยู่ในระหว่างการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ ในขันตอนใดขั้นตอนหนึ่ง และอยู่ในระหว่างการพัฒนามาตรฐานที่แตกต่างกันออกไป มาตรฐานในการรับส่งสัญญาณในภาคพื้นดินในแนวราบที่ใช้กันอย่างกว้างขวางมี 4 ได้แก่

Advanced Television System Committee (ATSC) ใช้ eight-level vestigial sideband (8VSB) ถูกพัฒนาใน 6 ประเทศได้แก่ สหรัฐอเมริกา, คานาดา, เม็กซิโก, เกาหลีใต้, สาธารณรัฐโดมินิกันและฮอนดูรัส
Digital Video Broadcasting-Terrestrial (DVB-T) ใช้การผสมสัญญาณแบบ coded orthogonal frequency-division multiplexing (OFDM) และสนับสนุนการส่งแบบต่างระดับหรือ hierarchical transmission. ถูกพัฒนาในยุโรป, ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
Terrestrial Integrated Services Digital Broadcasting (ISDB-T) เป็นระบบหนึ่งที่ออกแบบมาให้มีการรับสัญญาณได้ดีทั้งเครื่องรับแบบอยู่กับที่หรือแบบเคลื่อนที่ มันใช้ประโยชน์จาก OFDM และ two-dimensional interleaving มันยังสนับสนุน hierarchical transmission ได้ถึง 3 เลเยอร์และใช้ MPEG-2 video และ Advanced Audio Coding. มันได้รับการพัฒนาในญี่ปุ่น, ฟิลิปปินส์ ISDB-T International เป็นมาตรฐานที่ถูกพัฒนาต่อมาโดยการใช้ H.264/MPEG-4 AVC ที่ถูกนำมาใช้ในประเทศในทวีปอเมริกาใต้เป็นส่วนใหญ่และประเทศในทวีปแอฟริกาที่พูดภาษาโปรตุเกส
Digital Terrestrial Multimedia Broadcasting (DTMB) พัฒนา OFDM technology แบบ time-domain synchronous (TDS) ที่ใช้ pseudo-random signal frame ให้ทำงานเป็น guard interval (GI) ของ OFDM block และเป็นสัญญลักษญ์ในการ training มาตรฐานนี้ถูกพัฒนาในประเทศจีนรวมทั้งฮ่องกงและมาเก๊า[2]
click ที่"ประเทศ"ในภาพประกอบสำหรับระบบในประเทศอื่นๆ





โทรทัศน์ระบบดิจิทัล (อังกฤษ: Digital television) หรือทีวีดิจิตอล หรือ DTV คือการส่งผ่านของเสียงและวิดีโอโดยใช้ขบวนการและการผสมสัญญาณแบบดิจิทัลซึ่งมีความแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับการส่งผ่านสัญญาณแบบแอนะล็อกที่มีการแยกสัญญาณในช่องที่แยกออกจากกัน สิ่งนี้เป็นนวัตกรรมที่ปฏิวัติเทคโนโลยีโทรทัศน์ที่สำคญยิ่งนับแต่นวัตกรรมทีวีสีเมื่อปี 1950S[1] มันสามารถส่งข้อมูลได้มากกว่าแบบแอนะล็อกในหนึ่งช่องสัญญาณ จึงเรียกได้อีกอย่างว่า Multicasting การส่งสัญญาณเป็นแบบดิจิตอลจึงทำให้ได้คุณภาพของภาพและเสียงดีกว่าด้วย เช่น โทรทัศน์ระบบ HDTV หลายประเทศกำลังเปลี่ยนระบบการส่งสัญญาณจากแอนะล๊อกมาเป็นดิจิทัลซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่วิทยุในอีกรูปแบบหนึ่ง ในหลายๆส่วนของโลกอยู่ในระหว่างการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ ในขันตอนใดขั้นตอนหนึ่ง และอยู่ในระหว่างการพัฒนามาตรฐานที่แตกต่างกันออกไป มาตรฐานในการรับส่งสัญญาณในภาคพื้นดินในแนวราบที่ใช้กันอย่างกว้างขวางมี 4 ได้แก่

Advanced Television System Committee (ATSC) ใช้ eight-level vestigial sideband (8VSB) ถูกพัฒนาใน 6 ประเทศได้แก่ สหรัฐอเมริกา, คานาดา, เม็กซิโก, เกาหลีใต้, สาธารณรัฐโดมินิกันและฮอนดูรัส
Digital Video Broadcasting-Terrestrial (DVB-T) ใช้การผสมสัญญาณแบบ coded orthogonal frequency-division multiplexing (OFDM) และสนับสนุนการส่งแบบต่างระดับหรือ hierarchical transmission. ถูกพัฒนาในยุโรป, ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
Terrestrial Integrated Services Digital Broadcasting (ISDB-T) เป็นระบบหนึ่งที่ออกแบบมาให้มีการรับสัญญาณได้ดีทั้งเครื่องรับแบบอยู่กับที่หรือแบบเคลื่อนที่ มันใช้ประโยชน์จาก OFDM และ two-dimensional interleaving มันยังสนับสนุน hierarchical transmission ได้ถึง 3 เลเยอร์และใช้ MPEG-2 video และ Advanced Audio Coding. มันได้รับการพัฒนาในญี่ปุ่น, ฟิลิปปินส์ ISDB-T International เป็นมาตรฐานที่ถูกพัฒนาต่อมาโดยการใช้ H.264/MPEG-4 AVC ที่ถูกนำมาใช้ในประเทศในทวีปอเมริกาใต้เป็นส่วนใหญ่และประเทศในทวีปแอฟริกาที่พูดภาษาโปรตุเกส
Digital Terrestrial Multimedia Broadcasting (DTMB) พัฒนา OFDM technology แบบ time-domain synchronous (TDS) ที่ใช้ pseudo-random signal frame ให้ทำงานเป็น guard interval (GI) ของ OFDM block และเป็นสัญญลักษญ์ในการ training มาตรฐานนี้ถูกพัฒนาในประเทศจีนรวมทั้งฮ่องกงและมาเก๊า[2]
click ที่"ประเทศ"ในภาพประกอบสำหรับระบบในประเทศอื่นๆ

System Parameters
(protection ratios)
Canada [13] USA [5] EBU [9, 12]
ITU-mode M3
Japan & Brazil [36, 37][4]
C/N for AWGN Channel +19.5 dB
(16.5 dB[5])
+15.19 dB +19.3 dB +19.2 dB
Co-Channel DTV into Analog TV +33.8 dB +34.44 dB +34 ~ 37 dB +38 dB
Co-Channel Analog TV into DTV +7.2 dB +1.81 dB +4 dB +4 dB
Co-Channel DTV into DTV +19.5 dB
(16.5 dB[5])
+15.27 dB +19 dB +19 dB
Lower Adjacent Channel DTV into Analog TV −16 dB −17.43 dB −5 ~ −11 dB[6] −6 dB
Upper Adjacent Channel DTV into Analog TV −12 dB −11.95 dB −1 ~ −10[6] −5 dB
Lower Adjacent Channel Analog TV into DTV −48 dB −47.33 dB −34 ~ −37 dB[6] −35 dB
Upper Adjacent Channel Analog TV into DTV −49 dB −48.71 dB −38 ~ −36 dB[6] −37 dB
Lower Adjacent Channel DTV into DTV −27 dB −28 dB −30 dB −28 dB
Upper Adjacent Channel DTV into DTV −27 dB −26 dB −30 dB −29 dB

การมีปฏิสัมพันธ์[แก้]มนุษย์สามารถโต้ตอบกับระบบ DTV ในรูปแบบต่างๆได้ เช่นการเรียกดูคำแนะนำโปรแกรมแบบอิเล็กทรอนิกส์

ระบบ DTV ที่ทันสมัย​​บางครั้งใช้เส้นทางกลับที่ฟีดแบ็คจากผู้ใช้ไปยังผู้ประกอบการ งานนี้เป็นไปได้ด้วยสายโคแอคหรือใยแก้วนำแสง โมเด็มโทรเข้าหรือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แต่เป็นไปไม่ได้ด้วยเสาอากาศมาตรฐาน

บางส่วนของระบบเหล่านี้สนับสนุนวิดีโอออนดีมานด์ที่ใช้ช่องทางในการติดต่อสื่อสารท้องถิ่นที่ไปยังพื้นที่ใกล้เคียงมากกว่าไปยังเมืองใหญ่ (ทางภาคพื้นดิน) หรือพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ (ทางดาวเทียม)

กระจายเสียง 1 เซ็กเมนท์[แก้]1 seg (1 ส่วน) เป็นรูปแบบพิเศษของ en:Integrated Services Digital Broadcasting หรือ ISDB แต่ละช่องจะถูกแบ่งออกเป็น 13 เซ็กเมนท์ - 12 เซ็กเมนท์ของมันจะถูกจัดสรรสำหรับ HDTV และส่วนที่เหลือ เซ็กเมนท์ที่ 13 จะถูกนำมาใช้สำหรับการรับ narrowband เช่นโทรทัศน์มือถือหรือโทรศัพท์มือถือ

ข้อจำกัดทางด้านเทคนิค[แก้]การบีบอัด ภาพหลอน และ แบนด์วิดธ์ที่ถูกจัดสรร[แก้]ภาพ DTV มีข้อบกพร่องบางอย่างที่ไม่พบบนจอโทรทัศน์แบบแอนะล็อกหรือภาพยนตร์ เคลื่อนไหว เนื่องจากข้อจำกัดในปัจจุบันของแบนด์วิดธ์ และขั้นตอนวิธีการบีบอัดเช่น MPEG -2 ข้อบกพร่องนี้บางครั้งจะถูกเรียกว่า"เสียงยุง"[7]

เนื่องจากการทำงานของระบบการมองเห็นของมนุษย์ ข้อบกพร่องต่างๆในภาพที่ได้รับการ แปลเป็นแบบท้องถิ่นให้เป็นคุณสมบัติเฉพาะของภาพหรือข้อบกพร่องที่ไปๆมาๆจะสามารถรับรู้ได้มากกว่าข้อบกพร่องที่มีความสม่ำเสมอและคงที่ อย่างไรก็ตามระบบ DTV ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อจำกัดอื่นๆของระบบการมองเห็นของมนุษย์ที่จะช่วย ปกปิดข้อบกพร่องเหล่านี้ เช่นโดยการยอมให้มีการบีบอัดภาพหลอนมากขึ้นในช่วงระหว่าง การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วที่ตาไม่สามารถติดตามและแก้ไขปัญหาได้อย่างง่ายดาย และ ในทางกลับกัน การลดภาพหลอนในภาพแบ๊กกราวด์นิ่งที่อาจมองเห็นได้ถ้าดูอย่างใกล้ชิด ในฉาก(ถ้าให้เวลานานพอ)

ผลกระทบจากการรับสัญญาณที่ไม่ดี[แก้]การเปลี่ยนแปลงต่างๆในการรับสัญญาณจากปัจจัยต่างๆเช่นการเชื่อมต่อเสาอากาศที่ลดประสิทธิภาพลงหรือการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอาจจะค่อยๆลดคุณภาพของทีวีอนาล็อก ธรรมชาติของดิจิตอลทีวีมีผลในวิดีโอที่สามารถถอดรหัสได้อย่างสมบูรณ์แบบในขั้นต้น จนกระทั่งอุปกรณ์รับสัญญาณเริ่มเก็บค่าสัญญาณรบกวนที่แรงเหนือสัญญาณที่ต้องการ หรือถ้า สัญญาณอ่อนเกินไปที่จะถอดรหัสได้ อุปกรณ์บางอย่างจะแสดงภาพขยะที่มีความเสียหาย อย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่อุปกรณ์อื่นๆอาจจะเปลี่ยนไปโดยตรงจากวิดีโอที่อ่านได้อย่างสมบูรณ์แบบไปเป็นรับวิดีโอไม่ได้เลยหรือล็อกไปเลย ปรากฏการณ์นี้เป็นที่รู้จักกันว่า เป็นผล กระทบหน้าผาดิจิตอล

สำหรับสถานที่ห่างไกล ถ้าเป็นสัญญาณอนาล็อกที่ก่อนเคยใช้ได้โดยจะเต็มไปด้วยหิมะและภาพที่คุณภาพเสื่อมโทรม แตเมื่อเป็นสัญญาณดิจิตอลอาจจะถอดรหัสได้อย่างสมบูรณ์ หรือ อาจกลายเป็นไม่สามารถใช้งานได้อย่างสิ้นเชิง การใช้ความถี่ที่สูงขึ้นจะเพิ่มปัญหาเหล่านี้ให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรณีที่ไม่อยู่ในระยะสายตาที่จะเห็นได้โดยชัดเจนระหว่างเสาอากาศและตัวส่งสัญญาณ

พรมแดนใหม่ในโลก[แก้]จนกระทั่งมีการแปลงให้เป็นโทรทัศน์ดิจิตอล มาตรฐานทั่วไปได้ถูกแบ่งออกเป็นสามอย่างหลักที่แตกต่างกัน ได้แก่ PAL, NTSC และ SECAM และโดยทั่วไปมีข้อยกเว้นบางอย่างที่ หลายประเทศในอดีตสหภาพโซเวียตได้ย้ายไปจาก SECAM ไปเป็น PAL

อย่างไรก็ตาม ถ้าทุกแผนของการปิดอนาล็อกทีวีจะถูกกระทำ จำนวนของเครื่องรับที่ต้องการ (ก่อนเคยเป็นทางเลือกราคาถูก) จะแตกต่างกันมากขึ้น (จะแพงขึ้น ) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่เดินทางรอบโลก ตัวอย่างที่ดีสามารถเป็นแล็ปท็อปที่มีทีวีรับสัญญาณหรือการย้ายถิ่นฐานของชาวต่างชาติ

การเปรียบเทียบระหว่างแอนะล็อกกับดิจิทัล[แก้]DTV มีข้อดีเหนือกว่าทีวีอนาล็อกอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนใหญ่ก็คือช่องทางดิจิตอลที่ใช้แบนด์วิดธ์น้อยกว่าและความต้องการแบนด์วิดธ์แปรเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง ที่สอดคล้องกับการลด คุณภาพของภาพอันขึ้นอยู่กับระดับของการบีบอัดรวมทั้งความละเอียดของภาพที่ส่ง ซึ่งหมายความว่า ผู้แพร่ภาพดิจิตอลสามารถให้บริการช่องทางดิจิตอลมากขึ้นในพื้นที่เดียวกัน, จัดให้บริการโทรทัศน์ความละเอียดสูง หรือให้บริการอื่นๆที่ไม่ใช่โทรทัศน์ เช่นมัลติมีเดียหรือ การโต้ตอบกัน DTV ยังอนุญาตให้มีบริการพิเศษต่างๆ เช่น มัลติเพล็กซิ่ง (มากกว่าหนึ่งโปรแกรมในช่องเดียวกัน), แนะนำโปรแกรมอิเล็กทรอนิกส์ และภาษาเพิ่มเติม (พูดหรือคำบรรยาย) การขายบริการที่ไม่ใช่โทรทัศน์อาจเป็นแหล่งรายได้เพิ่มเติม

สัญญาณดิจิตอลและอนาล็อกตอบสนองต่อการรบกวนแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น ปัญหาทั่วไปของโทรทัศน์อนาล็อกได้แก่ เงาของภาพ เสียงรบกวนเนื่องจากสัญญาณอ่อน และอีกหลายปัญหาอื่นๆที่อาจทำให้ลดคุณภาพของภาพและเสียง แม้ว่าเนื้อหาของโปรแกรมอาจจะยังสามารถรับชมได้ สำหรับโทรทัศน์ดิจิตอล, เสียงและภาพวิดีโอจะต้องเข้าจังหวะตรงกันพอดีแบบดิจิทัลเพื่อให้การรับสัญญาณดิจิตอลจะต้องใกล้สมบูรณ์มากๆ มิฉะนั้นเสียงหรือ วิดีโอจะใช้งานไม่ได้ สั้นๆของความล้มเหลวอย่างสมบูรณ์นี้ก็คือ จะเกิดการภาพที่เต็มไปด้วย "บล็อก" เมื่อสัญญาณดิจิตอลประสบกับการรบกวน

ทีวีอะนาล็อกเริ่มต้นด้วยเสียงทิศทางเดียวและต่อมาได้พัฒนาไปเป็นเสียงสเตริโอที่มีสองช่อง สัญญาณเสียงที่เป็นอิสระต่อกัน DTV จะทำให้ได้ถึง 5 ช่องสัญญาณเสียงบวกอีกหนึ่งช่อง เสียงเบสซับวูฟเฟอร์ ที่ออกอากาศด้วยคุณภาพที่คล้ายกับในโรงภาพยนตร์และดีวีดี[8]

ผลที่มีต่อเทคโนโลยีแบบอนาล็อกที่มีอยู่[แก้]โทรทัศน์ที่มีเพียงภาครับหรือจูนเนอร์แบบอนาล็อกจะไม่สามารถถอดรหัสสัญญาณดิจิตอลได้ เมื่อการกระจายภาพอนาล็อกผ่านอากาศสิ้นสุดลง ผู้ใช้ของโทรทัศน์ที่มีแต่จูนเนอร์แบบ analog เท่านั้นอาจจะใช้แหล่งโปรแกรมอื่นๆ (เช่นสายเคเบิล, สื่อบันทึก) หรืออาจจะซื้อ กล่องแปลงที่ตั้งด้านบนเครื่องเพื่อรับสัญญาณดิจิตอลแล้วแปลงเป็นแอนะล็อก ในประเทศสหรัฐอเมริกา รัฐบาลจะออกคูปองเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายของกล่องแปลงภายนอก ระบบ Analog ปิดตัวลงเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ปี ค.ศ. 2006 ใน เนเธอร์แลนด์[9], 12 มิถุนายน ค.ศ. 2009 ในสหรัฐอเมริกา[10], 24 กรกฎาคม ค.ศ. 2011 ในประเทศญี่ปุ่น[11], วันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 2011 ในแคนาดา[12], 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 ในรัฐ อาหรับ, 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2012 ในเยอรมนี, 24 ตุลาคม ค.ศ. 2012 ในสหราชอาณาจักร[13] และไอร์แลนด์[14], 31 ตุลาคม ค.ศ. 2012 ในบางเมืองของอินเดีย[15], และ 10 ธันวาคม ค.ศ. 2013 ในประเทศออสเตรเลีย[16] กำหนดการปิดระบบแอนะล็อกเสร็จสมบูรณ์ใน 31 ธันวาคม ค.ศ. 2014 สำหรับประเทศอินเดียทั้งหมด[17], ค.ศ. 2015 ในฟิลิปปินส์ และอุรุกวัย และ ค.ศ. 2017 ในคอสตาริกา

การหายตัวไปของเครื่องรับเสียงจากโทรทัศน์[แก้]ก่อนที่จะมีการแปลงเป็นดิจิตอล ทีวีอนาล็อกออกอากาศเสียงสำหรับโทรทัศน์บนคลื่นความถี่เอฟเอ็มที่แยกต่างหากจากสัญญาณวิดีโอ สัญญาณเสียงเอฟเอ็มนี้สามารถรับฟังได้โดยใช้วิทยุมาตรฐานที่มีการติดตั้งวงจรจูนนิ่งที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตามหลังจากที่การเปลี่ยนแปลงล่าสุดของหลายประเทศให้เป็นโทรทัศน์ดิจิตอล ไม่มีผู้ผลิตวิทยุแบบพกพาที่ยังพัฒนาวิธีการทางเลือกสำหรับวิทยุแบบพกพาในการเล่น เพียงแค่สัญญาณเสียงของช่องทีวีดิจิตอล (เสียง DTV ไม่ได้เป็นเช่นนั้น)

ประเด็นสิ่งแวดล้อม[แก้]การพัฒนามาตรฐานของการออกอากาศที่เข้ากันไม่ได้กับเครื่องรับแบบอะนาล็อกที่มีอยู่ ได้สร้างปัญหาที่เครื่องรับอนาล็อกจำนวนมากกำลังถูกทุบทิ้งในช่วงการเปลี่ยนแปลงให้เป็นโทรทัศน์ดิจิตอล หนึ่งในผู้กำกับงานโยธาธิการได้กล่าวในปี 2009 ว่า "บางส่วนของการศึกษาที่ข้าพเจ้าได้อ่านในนิตยสารการค้าพูดถึง หนึ่งในสี่ของครัวเรือนอเมริกันกำลังจะขว้างทิ้งทีวีในอีกสองปีข้างหน้าเป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ"[18] ในปี 2009 ประมาณ 99 ล้านเครื่องรับทีวีอนาล็อกถูกทิ้งไว้เฉยๆในบ้านในสหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียว และในขณะที่บางเครื่องรับที่ล้าสมัยกำลังถูกดัดแปลง เครื่องอื่นๆอีกมากมายก็จะทิ้งในหลุมฝังกลบ เนื่องจากพวกมันเป็นตัวแทนของแหล่งที่มาของสารพิษโลหะเช่นตะกั่ว เช่นเดียวกับปริมาณที่น้อยกว่าของสารเช่น แบเรียม แคดเมียม และโครเมียม[19][20]

จากข้อมูลของกลุ่มรณรงค์กลุ่มหนึ่ง จอคอมพิวเตอร์หรือจอโทรทัศน์ CRT ตัวหนึ่งมีตะกั่ว เฉลี่ย 8 ปอนด์ (3.6 กิโลกรัม)[21] อ้างอิงจากแหล่งอื่น ตะกั่วในแก้ว CRTมีจำนวนตั้งแต่ 1.08 ถึง 11.28 ปอนด์, ขึ้นอยู่กับขนาดและชนิดของหน้าจอ แต่สารตะกั่วจะอยู่ในรูปแบบของตะกั่ว ออกไซด์ที่ "เสถียรและไม่เคลื่อนที่" ผสมลงในแก้วที่ทำจอ[22] มีการอ้างว่าตะกั่วสามารถมีผลกระทบเชิงลบในระยะยาวต่อสิ่งแวดล้อม หากถูกทิ้งในที่ฝังกลบ[23] อย่างไรก็ตาม แก้วสามารถถูกนำกลับมาใช้เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสม[24] ส่วนอื่นๆของเครื่องรับอาจมีการกำจัดด้วยวิธีสำหรับวัสดุที่เป็นอันตรายด้วย

ข้อกำหนดท้องถิ่นในการกำจัดวัสดุเหล่านี้แตกต่างกันไปอย่างกว้างขวาง ในบางกรณี ร้านค้า มือสองปฏิเสธที่จะรับเครื่องรับโทรทัศน์สีที่ใช้ได้เพื่อนำไปขายต่ออันเนื่องมาจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการกำจัดทีวีที่ขายไม่ออก ร้านค้าที่รัดกุมเรื่องค่าใช้จ่ายที่ยังคงรับบริจาคทีวีได้รายงานการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของเครื่องรับใช้แล้วสภาพดีที่ถูกทอดทิ้งจากผู้ชมที่มักจะ คาดหวังว่าจะไม่ใช้พวกมันอีกหลังจากที่เปลี่ยนแปลงเป็นดิจิตอลแล้ว[25]

ในรัฐมิชิแกน ปี 2009 หนึ่งในผู้รีไซเคิลคาดว่า มากถึงหนึ่งในสี่ของครัวเรือนจะโยนทิ้งหรือจะ รีไซเคิลทีวีในปีต่อไป[26] การเปลี่ยนเป็นโทรทัศน์ดิจิตอล, การโยกย้ายไปใช้เครื่องรับโทรทัศน์ความละเอียดสูงและการเปลี่ยน CRTs ให้เป็นแบบจอแบนเป็นปัจจัยในการเพิ่มจำนวนของ เครื่องรับโทรทัศน์อนาล็อกที่ใช้จอแบบ CRT ที่ถูกทิ้ง

กลไกการทำงาน[แก้]เป็นระบบการรับส่งสัญญาณภาพและเสียงที่มีข้อมูลที่มีการเข้ารหัสเป็นดิจิตอล ทีมีค่า “0” กับ “1” เท่านั้น โดยมีกระบวนการต่าง ๆ ที่จะทำการแปลงสัญญาณภาพและเสียงให้เป็น ดิจิตอล มีการบีบอัดข้อมูล ทำการเข้ารหัสข้อมูล ก่อนที่จะทำการมอดูเลตข้อมูลดิจิทัลเหล่านี้เพื่อส่งผ่านตัวกลางไปสู่ผู้รับปลายทาง ซึ่งต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับโทรทัศน์ระบบอะนาล็อก เมื่อสัญญาณดิจิตอลถูกส่งมายังเครื่องรับโทรทัศน์ จะผ่านกระบวนการบีบอัดข้อมูลสัญญาณดิจิตอล โดย MPEG-2 หรือ MPEG-4 ทำการถอดรหัส หลังจากนั้นสัญญาณจะถูกส่งไปยังหลอดภาพ แล้วหลอดภาพจะยิงลำแสงออกไปยังหน้าจอโทรทัศน์ ทำให้เกิด Pixel (จุดภาพ) บนจอภาพ ซึ่งในระบบ HDTV นั้นจะให้ภาพที่มีความละเอียดของ Pixel สูงกว่าโทรทัศน์ทั่วไปมาก จึงทำให้ภาพที่ออกมามีความคมชัด ละเอียด และไม่มีการกระพริบของสัญญาณภาพ ลักษณะการยิงลำแสง แบ่งได้ 2 แบบ คือ Interlaced Scanning (ตัวย่อ i เป็นการสแกนลำแสงสลับเส้นคี่และคู่) และ Progressive Scanning[27](ตัวย่อ p เป็นการสแกนตามลำดับ 1,2,3,...)

480i/576i (SDTV) เป็นสัญญาณโทรทัศน์มาตรฐานที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เป็นแบบดิจิทัล[28]
480p/576p (EDTV) เป็นโทรทัศน์ที่มีความชัดเจนเพิ่มขึ้น (Enhanced Definition Television) หรือEDTV ที่ให้ภาพชัดเจนใกล้เคียงกับ HDTV ซึ่งดีกว่าที่รับชมกันในขณะนี้และทุกวันนี้สามารถ เล่นแผ่นดีวีดีทั้งหมดกับ EDTV ได้
720p (HDTV) เป็น HDTV format ที่ให้คุณภาพใกล้เคียงกับ 1080i แต่ก็ยอมให้ส่งสัญญาณ 480p ได้ด้วย
1080i (HDTV) เป็น HDTV image ที่มีคุณภาพของภาพที่คมชัดซึ่งเป็นแบบที่ผู้ให้บริการโทรทัศน์ใช้อยู่
ดิจิตอล คือ อะไร[แก้]ดิจิต แปลว่า นิ้ว ในสมัยโรมันการคิดเลขใช้วิธีนับนิ้ว ดังนั้น อะไรที่ใช้คิดเลขก็จะเรียกว่า ดิจิตอล เนื่องจากนิ้วมี 10 นิ้ว การนับจึงเรียกว่าเลขฐาน 10 คือ นับ ตั้งแต่ 1,2,3,4,5,6,7,8,9,0 เมื่อถึง 0 แล้วจะนับต่อต้องเอาเลขมาเรียงกันก็จะได้ 10,11,12,13,14,15 เป็นต้น มีวิธีนับอีกวิธีหนึ่ง ที่เรียกว่า เลขฐาน 2 คือ 1 และ 0 ตัวเลขฐาน 1 และ 0 ตัวเลขฐาน 2 นี้จะเรียงต่อกันไปและเปลี่ยนเป็นเลขฐาน 10 ได้เช่น 0 เท่ากับ 0 , 1 เท่ากับ 1 , 10 เท่ากับ 2 , 11 เท่ากับ 3 เป็นต้น ตัวเลข 0 และ 1 ที่วิ่งตามกันเป็นแถวก็จะสามารถปลี่ยนแปลงปรับปรุงให้ถูกต้องได้ไม่ยาก เพราะไม่ใช่ 0 ก็ต้องเป็น 1 ไม่ใช่ 1 ก็ต้องเป็น 0 คอมพิวเตอร์ใช้สัญญาณดิจิตอล คือ เลข 0 และ เลข 1 เวลาส่งสัญญาณก็แปลงเป็นไฟฟ้าก่อน ที่ใดมีสัญญาณ 0 คือ ปิดสวิทซ์ ถ้าเปิดสวิตซ์ สัญญาณก็จะเป็น 1 ด้วยวิธีการเปิด และปิดสวิตซ์นี้ เราก็สามารถส่งสัญญาณดิจิตอลได้ การเปิดและปิดสวิตซ์นี้ใช้วงจรอิเล็กทรอนิกส์ จึงทำให้เปิด-ปิดได้เร็วและเรียบร้อย

คอมพิวเตอร์เข้ามาในโทรทัศน์ได้อย่างไร[แก้]ในระยะแรกคอมพิวเตอร์เข้ามาในวงการโทรทัศน์เพื่อมาช่วยในบริหารและการจัดการ เช่น คิดบัญชี ทำบัญชีสิ่งของ ทำบัญชีบุคลากร และการใช้เป็นเครื่องมือในสำนักงาน เป็นต้น ต่อมาก็ใช้ในการทำระบบอัตโนมัติในสำนักงาน ใช้ในการช่วยส่งข่าวบ้าง ใช้ในการบันทึกข้อความบ้าง ต่อมาเมื่อมีระบบกราฟิกเข้ามา ได้ใช้คอมพิวเตอร์ทำตัวอักษรและทำกราฟิคต่างๆ ตลอดจนช่วยในการทำภาพโฆษณาต่างๆ ตลอดจนช่วยในการทำภาพโฆษณา ภาพพิเศษต่างๆ ภาพที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้นทำได้สวยงามวิจิตรพิสดารเป็นอย่างมาก เช่น ภาพนกกินหยดน้ำ นกที่ทำด้วยคอมพิวเตอร์สวยยิ่งนัก ทำให้เกิดภาพอื่นๆ ขึ้นมาอีกมากมายหลายแบบ จนกระทั่งทำให้ภาพนิ่งเคลื่อนไหวได้ (Animation) ตัวการ์ตูนตัวเดียว สามารถเคลื่อนไหวได้สารพัด ทำให้ สามารถสนองตอบจินตนาการของผู้สร้างภาพยนตร์การ์ตูน ได้เป็นอย่างดีทั้งนี้เพราะดิจิตอลสามารถเปลี่ยนแปลง และแปรผันได้ตามโปรแกรมที่จัดเข้ามา

การบันทึกภาพในระบบอนาลอกนั้น เมื่อนำไปกระทำซ้ำต่อกันหลายครั้ง ภาพจะมีคุณภาพลดลง คือ ไม่ชัดเท่ากับต้นฉบับ แต่ในระบบดิจิตอลนั้นแม้จะนำไปกระทำซ้ำ ต่อเนื่องกันหลายสิบครั้งภาพก็ยังคงมีคุณภาพคงเดิม ด้วยข้อดีนี้จึงมีการนำเอาระบบดิจิตอล มาใช้ในเครื่องบันทึกภาพโทรทัศน์และเครื่องบันทึกภาพ แบบอื่นๆ ต่อมาได้มีการพัฒนากล้องโทรทัศน์ให้เป็นระบบดิจิตอลบ้าง การนำเอาดิจิตอลมาใช้กับกล้องโทรทัศน์นี้ มิใช่ว่าจะทำให้คมชัดอย่างเดียวเพราะกล้องที่คมชัดมากๆ ภาพจะไม่สวย เพราะจะเห็นสิวฝ้า ตลอดจนรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ชนิดที่เจ้าของหน้าเห็นเข้าอาจเป็นลมไปเลยก็ได้ แต่ดิจิตอลมีข้อดีตรงที่บังคับ และเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ เพียงกดปุ่มอัตโนมัติ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยสิวและรอยเหี่ยวย่นก็จะกลายเป็นหน้าที่มีผิวสีชมพูระเรื่อ ผิวเนียนอย่างนางงามผิวเนียนอะไรอย่างนั้น แต่ก็จะเป็นเฉพาะบางกล้องเท่านั้น เพราะกล้องดิจิอตอลที่คุณภาพต่ำก็มี แตถ้าคุณภาพสูง ภาพจะสวยแต่ราคาก็จะแพงมากเช่นกัน

เมื่อกล้องก็เป็นดิจิตอลแล้วอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เครื่องตัดต่อภาพ เครื่องลำดับภาพ เครื่องทำภาพพิเศษ เครื่องกำเนิดสัญญาณซิงค์ เครื่องกระจายสัญญาณและเครื่องควบคุมอื่นๆ ก็ได้รับการพัฒนาให้เป็นดิจิตอลไปด้วยรวมถึงทั้งอุปกรณ์ห้องส่ง หรืออุปกรณ์ห้องผลิตรายการทั้งหมด แม้แต่การบังคับไฟที่ให้แสงในการถ่ายทำก็บังคับด้วยดิจิตอล รวมความแล้ว่าระบบในห้องส่งโทรทัศน์ได้รับการพัฒนาให้เป็นระบบเป็นดิจิตอลทั้งหมด สายที่ส่งสัญญาณเข้ามาก็ถูกเปลี่ยนเป็นระบบดิจิตอล แต่การส่ง สัญญาณ จากสถานีไปยังเครื่องรับโทรทัศน์ตามบ้านผู้ชมนั้นยังไม่ได้ ใช้ระบบดิจิตอล เพราะเครี่องรับโทรทัศน์ของผู้ชมยังเป็นอนาลอกอยู่ การที่จะเปลี่ยนเครื่องรับหลายพันล้านเครื่องให้เป็นระบบดิจิตอล โดยโยนเครื่องเก่าทิ้งหมดนั้นทำไม่ได้ เป็นการเดือดร้อนต่อประชาชนผู้รับชมแต่ความจำเป็นในการเปลี่ยนระบบก็ยังคงมีเพราะทุกวันนี้ความถี่วิทยุมีจำนวนจำกัด ส่วนสถานีวิทยุโทรทัศน์ตลอดจนการสื่อสารต่างๆ เกิดขึ้นทุกวันจึงมีความจำเป็นต้องใช้ความถี่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้นระบบดิจิตอลจึงสามารถตอบรับความต้องการนี้ได้เป็นอย่างดีเพราะระบบดิจิตอลสามารถบีบอัดความกว้างของช่องสัญญาณให้ลดลง ทำให้สามารถเพิ่มช่องทางการส่งสัญญาณได้อีกมากมาย

ตัวอย่างเช่น ดาวเทียม 1 ดวงมี ช่อง สัญญาณดาวเทียม 12 ช่องสัญญาณถ้าจะส่งโทรทัศน์ในระบบอนาลอกไม่มีการบีบอัดสัญญาณจะส่งได้ ทั้งหมด 24 ช่องโทรทัศน์ คือ 2 ช่องต่อ 1 ทรานสปอนเดอร์ แต่ถ้าส่งในระบบดิจิตอลและมีการบีบอัดสัญญาณ (Compression) จะสามาระส่งได้ถึง 10 ช่อง โทรทัศน์ต่อ 1 ทรานสปอนเดอร์ ดาวเทียมดวงหนึ่ง 12 ทรานสปอนเดอร์ จะส่งโทรทัศน์ได้ถึง 120 ช่อง สายเคเบิลก็เช่นเดียวกัน ถ้าส่งในระบบอนาลอกก็จะส่งได้น้อยช่องกว่าส่งด้วย

ระบบดิจิตอลที่มีการบีบอัดสัญญาณ[แก้]การส่งโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลนั้นได้เริ่มต้นโดยการส่งสัญญาณผ่านทางดาวเทียมและโทรทัศน์ทางสาย หรือ เคเบิลเทเลวิชั่น (Cable Television) และเนื่องจากระบบดิจิตอลนี้ ควบคุมได้ง่าย การสั่งการก็ง่าย จึงเกิดโทรทัศน์ 2 ทางขึ้นและเกิดรายการ เปย์เปอร์วิว (Pay Per View) หรือการรับชมรายการที่ต้องจ่ายเงินเป็นรายเรื่อง และเนียร์วีดิโอออนดีมานด์ (Near video on Demand) คือการรับชมตามเวลาที่กำหนดโดยต้องจ่ายค่าบริการเป็นรายเดือนและ วิดิโอออนดีมานด์ (Video on Demand) คือ การรับชมรายการใดก็ได้ตามรายการที่ระบุไว้โดยต้องจ่ายค่าบริการเป็นรายเดือน

ส่วนการรับสัญญาณนั้นก็จำเป็นจะต้องให้เครื่องรับโทรทัศน์ที่ใช้อยู่เดิมรับได้ด้วย ดังนั้นหากใครต้องการที่จะรับโทรทัศน์จากดาวเทียมก็ต้องมีจานรับประกอบกับอุปกรณ์ร่วม คือ กล่องไออาร์ดี (IRD) ซึ่งต้องนำมาติดตั้ง กับเครื่องรับโทรทัศน์ก็จะสามารถรับโทรทัศน์ จากดาวเทียมในระบบดิจิตอลได้ ซึ่งเรารู้จักกันในนาม ดีทีเอช ( DTH ) หรือ ไดเร็คทูโฮม ( Direct to home ) โดยจานจะรับสัญญาณจากดาวเทียมมาขยายและส่งเข้ากล่องไออาร์ดี กล่องนี้จะแปลงสัญญาณดิจิตอลจากดาวเทียมให้เป็นสัญญาณโทรทัศน์ ในระบบอนาล็อกแล้วส่งไปยังเครื่องรับโทรทัศน์

ส่วนระบบเคเบิลทีวีก็มีกล่องอยู่ด้านหน้าหรือด้านบนของเครื่องรับโทรทัศน์เดิมเช่นกัน เรียกว่าเซททอปบ๊อก (Set top box) กล่องนี้ก็จะทำหน้าที่แปลงสัญญาณโทรทัศน์ในระบบอนาล็อกและเปลี่ยนช่องสัญญาณส่งเข้าเครื่องรับโทรทัศน์ ส่วนการควบคุมการใช้ทางเคเบิลทีวีก็จะควบคุมจากรีโมทคอนโทรลและเนื่องจากเป็นระบบดิจิตอล การควบคุมก็จะทำได้อย่างสะดวก การสั่งฉายภาพยนตร์เรื่องที่ต้องการก็สามารถสั่งได้ตามเวลาที่กำหนดไว้ หรือเปลี่ยนช่องสัญญาณได้ง่ายการปรับแต่งต่าง ๆ ทำได้ง่าย ๆ

การพัฒนาโทรทัศน์ภาคพื้นดิน (Terrestial Television)[แก้]ในขณะที่โทรทัศน์จากดาวเทียมขยายกิจการมากขึ้น มีการถ่ายทอดข้ามโลกและครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น ทางเคเบิลทีวีก็พัฒนาระบบมากขึ้น มีการให้บริการมากขึ้น ทางโทรทัศน์ที่ส่งด้วยสายอากาศภาคพื้นดิน ก็ต้องขยับตัวเพราะต้องการช่องสัญญาณมากขึ้น การพัฒนาโทรทัศน์ภาคพื้นดินนั้น มีความพยายามที่จะเพิ่มสถานีโทรทัศน์ให้มากขึ้นโดยการใช้ช่องสัญญาณความถี่ในย่านยูเอชเอฟ นอกจากนั้นยังมีความพยายามทำโทรทัศน์ให้มีความคมชัดมากขึ้น และมีรายละเอียดมากขึ้นที่เรียกว่า เอชดีทีวี (HDTV) แต่ก็ต้องเลิกล้มไปเพราะเห็นว่าระบบที่พัฒนานั้นเป็นระบบอนาล็อก ซึ่งจะพัฒนาต่อไปก็คงยากจึงหันมาพัฒนาโทรทัศน์ HDTVในระบบดิจิตอลแทน

การส่งโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล (Digital)[แก้]เดิมทีการส่งโทรทัศน์จะส่งในระบบอนาลอก ( Analog ) แต่เมื่อมีสถานีส่งโทรทัศน์มากขึ้นก็เกิดปัญหาสัญญานรบกวนกันเกิดขึ้น เพราะความถี่มีจำนวนจำกัด การส่งโทรทัศน์ในระบบอนาลอกนั้น ในเมืองเดียวกันจะส่งความถี่ใกล้เคียงกันไม่ได้ ต้องส่งช่องเว้นช่อง เช่นใน กทม. ส่งช่อง 3 5 7 9 11 จะส่งช่อง 2 4 6 8 10 12 ไม่ได้ ถ้าจะส่งช่อง 2 4 6 8 10 12 จะต้องส่งให้ห่างจาก กทม. อย่างน้อย 200 กม. เช่นที่ นครสวรรค์ ระยอง หรือ ประจวบคีรีขันธ์ นอกจากนี้ยังมีปัญหาอื่น ๆ อีก อาทิ

1. สัญญาณรบกวนจากอุปกรณ์ไฟฟ้าและแม่เหล็กอื่น ๆ ทำให้ภาพไม่คมชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่องที่มีความถี่ต่ำ
2. สัญญาณที่ส่งมาจากสถานีวิทยุหรือโทรทัศน์อื่น ๆ มารบกวนทำให้รับไม่คมชัด
3. สัญญาณที่สะท้อนจากตึก สิ่งปลูกสร้าง หรือภูเขาทำให้เกิดเงาที่จอเครื่องรับโทรทัศน์ ทำให้ได้รับไม่ชัดเจนและน่ารำคาญ
4. เนื่องจากไม่สามารถบีบอัดสัญญาณได้ จึงต้องใช้ความถี่มากทำให้มีสถานีได้น้อย
5. การที่จะส่งสัญญาณอื่น ๆ ร่วมไปด้วยทำได้โดยยาก
ยังมีเหตุผลอื่น ๆ อีก แต่เหตุผลที่สำคัญคือ การมีช่องสัญญาณน้อยไม่พอใช้ จึงต้องนำระบบทีวีดิจิตอล มาแก้ปัญหาเพื่อให้มีช่องสัญญาณออกอากาศรายการได้มากขึ้น และมีช่องรายการที่มีความคมชัดสูง เพิ่มขึ้น โดยระบบโทรทัศน์ภาคพื้นมีหลายแบบที่ใช้เช่น

ISDB-T[แก้]ประวัติความเป็นมา

ในยุค ค.ศ.1980 กล้องถ่ายโทรทัศน์แบบ HD (ในสมัยนั้นคือ MUSE Hi-Vision) ระบบบันทึกภาพและระบบต่างๆทันสมัยกว่าทีวียุคแรก ทำให้ในปี ค.ศ.1982 ศูนย์วิจัยของ NHK ได้พัฒนา MUSE (ชื่อเต็มคือ Multiple sub-nyquist sampling Encoding) เป็นระบบภาพแบบ HD 16:9 ระบบแรกของโลก โดยใช้การบีบอัดข้อมูลแบบดิจิตอล และทาง NHK ได้คิดค้นระบบส่งสัญญาณแบบทีวีดิจิตอลไว้ด้วย แต่ในสมัยนั้นก็ต้องใช้ระบบทีวีอนาล๊อกออกอากาศ ทำให้ต้องแปลงจากดิจิตอลไปอนาล๊อกก่อนออกอากาศให้ได้รับชมกัน ในปี ค.ศ.1987 ทาง NHK ได้เอาระบบนี้ไปทดลองและไปแสดงตัวอย่างที่ Washington D.C. ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อให้เอาไปใช้กับระบบทีวีดิจิตอลที่ญี่ปุ่นคิดขึ้นมา ทางอเมริกาสนใจระบบนี้มาก แต่ในที่สุด อเมริกาก็ไปใช้ดิจิตอลทีวีระบ ATSC ที่คิดขึ้นเอง (ใช้ในกลุ่มประเทศของอเมริกาและเกาหลีใต้) ส่วนทางยุโรปไปใช้ DVB ที่ทางยุโรปคิดเองเช่นกัน (ใช้ในยุโรป แอฟริกา โอเชียเนีย และเอเซีย) ซึ่งทาง NHK ได้คิดค้นระบบการส่งสัญญาณโทรทัศน์แบบดิจิตอลได้เสร็จสมบูรณ์ในปลายยุค ค.ศ.1980 นั่นก็คือระบบ ISDB ซึ่งระบบ ISDB-T ซึ่งทาง NHK เป็นผู้คิดค้นได้นำมาใช้ในญี่ปุ่น โดยเริ่มออกอากาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ.2003

คุณสมบัติเด่นๆของ ISDB-T

ใช้คลื่น UHF ความถี่ 470-770MHz ในการออกอากาศ รวมใช้คลื่น 300MHz โดยสามารถแบ่งได้เป็น 50ช่องสัญญาณ โดยจะมีตั้งแต่ช่องสัญญาณที่ 13จนถึง62 1ช่องสัญญาณจะใช้ 6MHz (ที่จริงสัญญาณมี 5.572MHz แต่อีก 430 kHz ใช้สำหรับแบ่งช่วงช่องสัญญาณ ไม่ให้ช่องตีกัน)
สามารถผสมช่องได้หลายแบบ ทั้งเอาช่อง HD+SD และ 1Seg (ทีวีดิจิตอลในมือถือ) ใส่เข้าไปช่องสัญญาณช่องเดียวได้ โดยจะสามารถเปลี่ยนการใส่ช่องให้เป็น HD+HD, HD+SD, SD+SD ได้ทันที
สามารถรับสัญญาณจากเสาอากาศภายในบ้านได้ (จะยาวแค่20-30ซมก็ไหว แปะหลังทีวีได้เลย) โดยช่องอยู่ครบ ขอแค่สัญญาณไม่หาย
สามารถรับสัญญาณภาพแบบ HD ได้ แม้จะเคลื่อนที่ในความเร็ว 100กม/ชม
มีระบบป้องกันภาพซ้อน เงาซ้อน หรือคลื่นไฟฟ้ารบกวน เมื่อใช้กับไฟฟ้าที่มีความเสถียรต่ำ
สามารถส่งสัญญาณคลื่นความถี่เดิมได้ แม้จะทวนสัญญาณกี่ครั้งก็ตาม โดยช่องจะอยู่ช่องเดิมคลื่นเดิม ไม่โดนแทรกสัญญาณ (ยกตัวอย่างช่องทีวีของเขตโตเกียว ซึ่งจะออกอากาศในเขต Kanto ทั้งหมดที่มีพื้นที่ประมาณ 3หมื่น ตร.กม ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนคลื่น ใช้แค่การทวนสัญญาณ)
สามารถใส่ข้อมูลออกอากาศ เวลา ข้อมูลแบบโต้ตอบได้ (Interactive) ผสมมากับสัญญาณได้เลย โดยรองรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตผสมในคลื่นสัญญาณด้วย สามารถโต้ตอบข้อมูลส่งกลับไปทางสถานีได้ โดยที่ใช้สัญญาณทีวีนี่แหละ
การดำเนินการ

ทีวีดิจิตอลญี่ปุ่นไม่ต้องประมูล สามารถทำโครงข่ายได้ทันทีเพราะใช้เสาสัญญาณของตัวเองด้วย ไม่ต้องพึ่งใคร
ทีวีดิจิตอลญี่ปุ่นเริ่มออกอากาศใน3เมืองใหญ่ คือ โตเกียว นาโกย่า และโอซาก้า ออกอากาศได้ครบทั้งประเทศในปี ค.ศ.2006 และปิดทีวีอนาล๊อกพร้อมกันทั้งประเทศในวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ.2011 แต่3จังหวัดที่ได้รับผลกระทบสึนามิ ปิดทีวีอนาล๊อกเมื่อ 31 มีนาคม ค.ศ.2012 [3จังหวัดนั้นเป็นการเลื่อนโดยกำหนดฉุกเฉิน]
ในปี ค.ศ.2003 ในตอนที่เริ่มออกอากาศทีวีดิจิตอลในญี่ปุ่น ในขณะนั้นคาดการณ์ว่ามีทีวีอยู่ประมาณ 100ล้านเครื่องทั่วประเทศ ในเดือน เมษายน ค.ศ.2005 มีผู้ใช้ทีวีดิจิตอลแล้วประมาณ 10ล้านเครื่อง ซึ่งที่ประชาชนเปลี่ยนไปใช้ระบบทีวีดิจิตอลกันได้ไวนั้น เพราะค่าอุปกรณ์ที่ถูก เพราะไม่ต้องนำเข้า โดยราคาเครื่องรับในปี ค.ศ.2006 อยู่ที่ 19800เยน (เงินไทยตอนนี้ก็ 6พันกว่าบาท ซึ่งถือว่ารับได้ถ้าเทียบกับค่าครองชีพ) ซึ่งในสมัยนั้นคนก็เริ่มไปใช้การซื้อทีวีใหม่ซึ่งมีตัวรับทีวีดิจิตอลในตัวหรือซื้อกล่องราคาแพงหน่อย เพื่อได้คุณสมบัติครบถ้วน เช่น อัดรายการเก็บไว้ ในปี ค.ศ.2009 ทางห้าง AEON ได้เปิดตัวกล่องทีวีดิจิตอลราคาถูก ราคาแค่ประมาณ 5-6พันเยนเท่านั้น (เงินไทยประมาณ1500-1800บาท) ซึ่งกล่องรุ่นนี้ผลิตสำหรับคนงบน้อย โดยกล่องนี้จะไม่มีช่อง HDMI (ดูภาพแบบ HD ไม่ได้) ซึ่งจะที่ดูโดยรวมแล้ว ประชาชนจะหันไปซื้อทีวีใหม่กันมากกว่าจะซื้อกล่อง เพราะในเมื่อทันสมัยขึ้น ทีวีก็สามารถทำได้ครบเหมือนที่กล่องทีวีดิจิตอลทำได้

การเข้าถึงทีวีดิจิตอลโดยใช้บัตร B-CAS ในประเทศญี่ปุ่น การจะดูทีวีดิจิตอลได้จะต้องมีบัตรที่เรียกว่า B-CAS ถ้าไม่มีบัตร ก็จะดูไม่ได้ โดยบัตรจะมีให้เมื่อซื้ออุปกรณ์ที่มีตัวรับทีวีดิจิตอล ทั้ง ทีวีที่รองรับทีวีดิจิตอล กล่องทีวีดิจิตอล ทีวีติดรถยนต์ โน๊ตบุ๊คที่มีตัวรับทีวีดิจิตอลในตัว จะยกเว้นแต่ 1Seg หรือ ทีวีดิจิตอลมือถือที่ไม่ต้องใช้ B-CAS สามารถดูได้เลย การใช้ก็แค่เสียบเข้าไปในช่องใส่บัตร B-CAS ก็จะใช้ดูทีวีได้เลย โดยเราจะต้องนำบัตรไปลงทะเบียนก่อน โดยจะมีใบลงทะเบียนมาให้พร้อมบัตรเลย (สมมติซื้อทีวี จะมีบัตรและใบลงทะเบียนมาให้ในกล่องเลย) ที่จริงบัตรนั้นก็ยังใช้ดูทีวีได้แม้ยังไม่ได้ลงทะเบียน ที่จริงบัตรนั้นก็ยังใช้ดูทีวีได้ แต่จะไม่ได้เต็มความสามารถ เช่น ถ้าเราไม่นำไปยืนยันก็จะมีลายน้ำของโลโก้ช่องขึ้นที่มุมของจอ(โลโก้ช่องนั่นแหละ อัดรายการมาก็จะมีลายน้ำติดมาด้วย) และจะใช้ระบบInteractive ของรายการทีวีไม่ได้ โดยคนญี่ปุ่นส่วนมากจะไม่นำบัตรไปลงทะเบียน เพราะกลัวโดนนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้ทำอย่างอื่น โดยถ้าบัตรหายหรือบัตรใช้ไม่ได้ ก็สามารถทำบัตรใหม่ได้โดยใช้เลขทะเบียนเดิม เสียค่าทำใหม่ 2พันเยน (ประมาณ620บาท)

ระบบ ISDB-T ในต่างประเทศ

ประเทศบราซิล ก็สนใจ ISDB-T เพื่อใช้ในทีวีดิจิตอลของประเทศตัวเอง เลยขอนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ โดยเปลี่ยนคุณสมบัติใหม่ จนกลายเป็น ISDB-Tb ซึ่งระบบนี้ประเทศอื่นๆในอเมริกาใต้ก็นำไปใช้ด้วย (แต่มีระบบที่แยกย่อยไปอีก รวมทั้งหมดมีระบบISDBที่ใช้กันอยู่4ประเภท เพราะระบบปรับแต่งง่ายจึงแยกย่อยตามแต่ละประเทศ) โดยทางบราซิลได้นำไปปรับปรุงให้ใช้กับการบีบอัดภาพแบบ MPEG4 (ต้นตำรับของญี่ปุ่นใช้ MPEG2และใช้จนถึงปัจจุบัน) โดยบราซิลให้เหตุผลที่ใช้ระบบนี้ว่าระบบ ISDB-T ของญี่ปุ่น มีคุณสมบัติที่ยืดหยุ่นกว่า ปรับแต่งระบบได้ง่าย และรองรับการออกอากาศทั้งในทีวีและมือถือในระบบเดียวกัน ไม่ต้องแบ่งช่องสัญญาณใหม่ด้วย โดยวันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ.2006 บราซิลได้เลือกระบบนี้ในการออกอากาศทีวีดิจิตอล เริ่มออกอากาศเป็นทางการในเดือนพฤษจิกายน ค.ศ.2007 โดยจะให้ครอบคลุมและดำเนินการให้เสร็จในปี ค.ศ.2016

ส่วนเรื่องทีวีดิจิตอลบนมือถือ ทางบราซิลก็ให้เหตุผลว่าระบบของญี่ปุ่นนั้น ปรับแต่งง่าย ไม่ต้องทำระบบใหม่ รับสัญญาณได้ทุกที่ๆทีวีออกอากาศได้ ทำให้ออกอากาศได้ฟรี มีคนใช้เยอะ ไม่เหมือนอเมริกาและยุโรปที่ใช้กันไม่ทั่วถึงและในบางประเทศมีการเก็บค่าดู ทำให้ระบบอื่นไปไม่รอด

ประเทศที่ใช้ระบบ ISDB-T เป็นมาตรฐานทีวีดิจิตอลอย่างเป็นทางการ

เปรู ประกาศเมื่อ 23 เมษายน ค.ศ.2009 ใช้ตามญี่ปุ่น (ISDB-T ต้นฉบับ)
อาร์เจนติน่า ประกาศเมื่อ 28 สิงหาคม ค.ศ.2009 ใช้ระบบ ISDB-T แบบ SATVD-T (เป็นระบบปรับปรุงเฉพาะอาร์เจนติน่า)
ชิลี ประกาศเมื่อ 14 กันยายน ค.ศ.2009 ใช้ตามญี่ปุ่น
เวเนซุเอลา ประกาศเมื่อ 6 ตุลาคม ค.ศ.2009 ใช้ตามญี่ปุ่น
เอกวาดอร์ ประกาศเมื่อ 26 มีนาคม ค.ศ.2010 ใช้ตามญี่ปุ่น
คอสตา ริกา ประกาศเมื่อ 29 เมษายน ค.ศ.2010 ใช้ ISDB-Tb (ใช้ตามบราซิล)
ปารากวัย ประกาศเมื่อ 1 มิถุนายน ค.ศ.2010 ใช้ ISDB-T International
ฟิลิปปินส์ ประกาศเมื่อ 11 มิถุนายน ค.ศ.2010 ใช้ตามญี่ปุ่น (ตอนนี้มีออกอากาศในหัวเมืองใหญ่ ทดลองช่องHDในเมืองมะนิลา มา2ปีแล้ว)
โบลิเวีย ประกาศเมื่อ 6 กรกฎาคม ค.ศ.2010 ใช้ ISDB-T International
อุรุกวัย ประกาศเมื่อ 27 ธันวาคม ค.ศ.2010 ใช้ตามญี่ปุ่น (ที่จริงเลือก DVB-T ของยุโรปไว้เมื่อ ค.ศ.2007 แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้ ISDB-T)
มัลดีฟส์ ประกาศเมื่อ 15 พฤศจิกายน ค.ศ.2011 ใช้ตามญี่ปุ่น (ใช้การจัดคลื่นความถี่แบบเดียวกับยุโรปคือ1ช่องสัญญาณใช้ 8MHz โดยระบบญี่ปุ่นใช้ 6MHz)
1ช่องสัญญาณใส่ได้เท่าไร?

ตามสเปคของ ISDB-T ต้นตำรับจากญี่ปุ่น
รุปแบบคลื่นสัญญาณ = VHF/UHF, SHF (ใช้จริงคือ UHF)
บิตเรตสัญญาณต่อ1ช่องสัญญาณ = 23Mb/s
แบนวิทช่องสัญญาณ = 5.6MHz (ที่จริงมันก็คือ 6MHz นั่นแหละ ที่ขาดคือ สัญญาณที่ป้องกันช่องตีกัน)
2คุณสมบัติช่อง HD ที่ช่องทีวีญี่ปุ่นใช้

ระบบบีบอัดสัญญาณ = MPEG2
บิตเรตรวมต่อ1ช่องทีวี = 14-14.5Mb/s
ความละเอียดภาพ = 1440x1080 (ถือเป็น 1080i เหมือนกัน เป็นการใช้พิกเซลแนวนอนแบบ 2:1)
บิตเรตภาพ = 13.5-14Mb/s
เฟรมเรตจริง = 59.94FPS
เสียง = AAC 2CH (บิตเรต192Kb/s), Dolby Digital 2CH (บิตเรต256Kb/S) ส่วน 5.1CH
ATSC[แก้]ประวัติความเป็นมา

ระบบ ATSC (ชื่อเต็มคือ Advanced Television Systems Committee) เป็นระบบที่ถูกคิดค้นในปี ค.ศ.1983 และเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1987 ซึ่งในปีที่พัฒนาได้สำเร็จเนี่ย ทาง NHK จากญี่ปุ่นได้มาแสดงระบบภาพ MUSE Hi-Vision พร้อมนำ ISDB-T มาแสดงที่ Washington D.C. เพื่อให้อเมริกาได้เลือกใช้ แต่อเมริกาไม่เลือก เพราะมีระบบของตัวเองอยู่แล้ว โดยระบบสร้างขึ้นมาเพื่อจัดสรรช่องให้เป็นระบบ ให้ภาพนั้นชัดไม่มีสัญญาณรบกวน รองรับภาพความละเอียดสูง และใส่ช่องได้จำนวนมาก โดยระบบนี้ได้รับการรับรองจาก คณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติสหรัฐในปี ค.ศ.1996 ในปี ค.ศ.1998 ได้มีการเริ่มทดลองทีวีดิจิตอลระบบ ATSC และในปลายปี ค.ศ.2006 ก็ถึงกำหนดเวลาที่จะเริ่มออกอากาศเต็มตัวทั้งประเทศ ตามข้อกำหนดที่เขียนไว้ในปี ค.ศ.1996 และเริ่มปิดทีวีอนาล๊อกในประมาณกลางปี ค.ศ.2009 ในปี ค.ศ.2008 อเมริกามีการประมูลคลื่นความถี่ครั้งใหญ่ นั่นคือคลื่น 700MHz งานนนี้ประมูลทั้งคลื่นสัญญาณโทรทัศน์ คลื่นโทรศัพท์ ทำให้เปลี่ยนคลื่นการออกอากาศทีวี จากช่องสัญญาณที่ 52-69 (แต่เดิมใช้ทำทีวีอนาล๊อกตั้งแต่ยุคเริ่มแรก) มาให้อยู่ในช่องสัญญาณที่ 2 ถึง 51 (เอาทีวีอนาล๊อกที่ยังเหลืออยู่และทีวีดิจิตอลมาใส่ในคลื่นนี้) ส่วนช่องสัญญาณ 52-69 นั้น เอาไปทำคลื่นโทรศัพท์

คุณสมบัติเด่นของ ATSC รุ่น 1.0 (มาตรฐาน A/53 ประเทศที่ใช้ระบบATSCยังใช้ตามาตรฐานนี้อยู่)

ใช้การจัดแบ่งคลื่นช่องสัญญาณ ช่องสัญญาณละ 6MHz
รองรับภาพระบบ HD บีบอัดภาพแบบ MPEG2
รองรับเสียง Dolby 5.1
รองรับ Datacasting หรือ เมนูโต้ตอบแบบ Interactive ได้
รองรับการจัดเก็บไฟล์ที่อัดตรงจากทีวี โดยจะออกมาเป็นไฟล์ .ts (ญี่ปุ่นจะใช้ .ts และ .mpg)
รองรับซับไตเติ้ลแบบ Closed Caption
สมารถทำ Sub-Channels ได้ โดย1ช่องสัญญาณสามารถทำช่อง HD 1ช่องพร้อมช่อง SD ได้มากสุด6ช่อง
รุ่น 2.0 (มาตรฐาน A/72 รับรองมาตรฐานในปี ค.ศ.2008 ยังไม่ได้เริ่มใช้งาน) สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาจาก รุ่น 1.0

รองรับภาพระบบ HD บีบอัดภาพแบบ H.264/MPEG4 AVC
รองรับการผสมสัญญาณอินเทอร์เน็ตเข้าไปสัญญาณทีวี
รุ่น 3.0 (ยังไม่ได้เริ่มใช้) สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาจาก รุ่น 1.0 และ 2.0

รองรับภาพแบบ 4K (3840x2160) บนเฟรมเรต 60FPS
การดำเนินการ

อเมริกา
ในอเมริกาหลังจากที่ได้เริ่มออกอากาศทีวีดิจิตอลไปแล้ว ก็ได้มีมาตรการในการให้คนเปลี่ยนไปใช้ทีวีดิจิตอลให้เร็วที่สุดโดยการแจกคูปองบ้านละ 50ดอลลาร์ เพื่อไปซื้อกล่องทีวีดิจิตอลหรือซื้อทีวีที่รองรับทีวีดิจิตอลในตัว ในการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้มีคนประท้วงกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากพวกเค้าคิดว่ามันทำให้การดูทีวีเป็นเรื่องยุ่งยาก แถมยังเกิดปัญหาในการรับชมทีวีดิจิตอลในหลายจุดทั่วประเทศ เช่น ตอนที่เริ่มทดลองออกอากาศในปี ค.ศ.1998 ซึ่งตอนนั้นเสาส่งอยู่ที่ตึก World Trade Center ในนิวยอร์ก พอเหตุการณ์ 911 ผ่านไป ทำให้ทีวีดิจิตอลในเขตเกาะแมนฮัตตันช่วงนั้นมีปัญหาสัญญาณตีกัน เพราะเสาส่งไม่ทั่วถึง แต่ตอนนี้แก้เสร็จนานหลายปีแล้ว หรือการที่สถานีโทรทัศน์ในแถบเทือกเขาร๊อกกี้ขอใช้การออกอากาศทีวีอนาล๊อกแบบเดิมเพราะการตั้งระบบทีวีดิจิตอลใหม่ยุ่งยาก เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย และขอใช้กฎหมาย DTV Delay Act (อเมริกาให้ทุกช่องเป็นทีวีดิจิตอลทุกช่องและปิดทีวีอนาล๊อกทั้งหมดในวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ.2009 แต่กฎหมายนี้จะยกเว้นเส้นตายให้สถานีขนาดเล็กหรือ Low Power Station) ทำให้เลื่อนการออกอากาศทีวีดิจิตอลไปก่อน แต่ตอนนี้ได้ทำการเปลี่ยนเป็นทีวีดิจิตอลทั้งหมดแล้ว โดยอเมริกาขีดเส้นตายใหม่สำหรับสถานีโทรทัศน์ขนาดเล็กที่ใช้กฎ DTV Delay Act ที่ต้องเปลี่ยนเป็นทีวีดิจิตอลและต้องยกเลิกทีวีอนาล๊อกถาวร ในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ.2015

เกาหลีใต้
ในเกาหลีใต้เริ่มทดลองออกอากาศทีวีดิจิตอลในปี ค.ศ.1998 โดยออกอากาศควบคู่กัน2ระบบทั้ง DVB-T และ ATSC และออกอากาศอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.2001 (แต่ก็ยังใช้2ระบบอยู่) โดยได้เริ่มออกอากาศระบบภาพ HD ในช่วงที่มีการแข่งขัน ฟุตบอลโลกปี ค.ศ.2002 ที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพร่วมกัน และหลังจากนั้นก็ใช้ระบบภาพแบบ HD อย่างจริงจัง ทั้งในรายการเพลง รายการข่าว รายการกีฬา ละครซีรีส์ ในทุกช่องใหญ่ของประเทศ นั่นก็คือ KBS1, KBS2, SBS, MBC, EBS และช่องท้องถิ่นของแต่ละเขตทั่วประเทศ ให้เป็นระบบภาพแบบ HD ในปี ค.ศ.2005 ทางรัฐบาลเกาหลีใต้เลือกระบบ ATSC เป็นมาตรฐานทีวีดิจิตอล โดยได้เริ่มออกอากาศทีวีดิจิตอลมือถือในระบบ DMB ด้วยในปีเดียวกัน ในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ.2010 เวลา 14.00น. ได้เริ่มการปิดทีวีอนาล๊อกในเขตอัลจิน และค่อยๆปิดไปเรื่อยๆที่เขต จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ.2012 เวลา 4.00น ได้ปิดทีวีอนาล๊อกเสร็จสมบูรณ์ทั้งประเทศ ทำให้ในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ.2013 ทุกช่องฟรีทีวีได้ร่วมใจกันตัดคำว่า HD ออกจากโลโก้ช่อง (เพราะทุกช่องเป็น HD กันหมดแล้ว) พร้อมเอาโลโก้และตัวหนังสือต่างๆชิดขอบจอ

 



ผู้ตั้งกระทู้ เสาทีวีดิจิตอล , ทีวีดิจิตอล , ดิจิตอลทีวี :: วันที่ลงประกาศ 2014-01-24 04:16:47


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3315574)

DVB-T2[แก้]DVB-T2 คืออะไร

DVB-T2 เป็นมาตรฐานการส่งโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัลที่ก้าวหน้าและทันสมัยที่สุด ที่มี ประสิทธิภาพการใช้งานสูงสุดในขณะนี้ สัญญาณมีความคงทน และมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน ได้นำเสนอ การผสมสัญญาณ (modulation) ระบบใหม่สุด และเทคนิคการเข้ารหัสสัญญาณที่มีประสิทธิภาพสูงเท่าที่มีใช้งาน ในการส่งโทรทัศน์ในคลื่นความถี่ที่ส่งสัญญาณภาพ และเสียง และการบริการส่งข้อมูลที่ใช้สำหรับ เครื่องรับ โทรทัศน์แบบเคลื่อนที่ (portable) และเครื่องรับโทรทัศน์แบบมือถือ (mobile) การใช้เทคนิคใหม่นี้ทำให้ DVB-T2 มีประสิทธิภาพอย่างน้อยสูงกว่า 50% ของประสิทธิภาพการส่งโทรทัศน์ภาคพื้น ดินระบบดิจิทัลอื่น ๆ ที่ใช้งานใน โลก ช่อง DVB-T2จะรับช่องได้มากกว่า ISDB-T ATSC

 


ความเป็นมาของ DVB-T
DVB-T เป็นมาตรฐานการส่งโทรทัศน์ภาคพื้น ดินระบบดิจิทัล ที่หลายประเทศนำมาใช้งานอย่าง กว้างขวาง โดยเริ่มประกาศตัวเป็นทางการในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2540 และมี 68 ประเทศ นำ DVB-T ไปใช้งาน บริการส่งโทรทัศน์ และมากกว่า 59 ประเทศยอมรับมาตรฐานไปใช้งาน ส่วนที่สำคัญที่ยอมรับในการประกาศใช้ มาตรฐาน DVB-T สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดหาเครื่องรับโทรทัศน์ที่มีราคาต่ำ และมีความยืดหยุ่น เพียงพอในการดำเนินการเชิงธุรกิจ ดังนัน้ ในช่วงระยะเวลาที่เลิกการส่งโทรทัศน์ภาคพืน้ ดินระบบอนาล็อกใกล้เข้า มา ในกลุ่มประเทศยุโรป ได้สร้างแรงผลักดันในการปรับปรุงมาตรฐานการส่งโทรทัศน์ในเรื่องประสิทธิภาพการใช้ คลื่นความถี่ให้ทันสมัย เหมือนความสำเร็จในการปรับปรุงมาตรฐานการส่งโทรทัศน์ผ่านระบบดาวเทียม DVB-S2 ที่ได้ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกันมาตรฐานการส่งโทรทัศน์ทัง้ หมดของ DVB การส่งโทรทัศน์ภาคพืน้ ดินระบบดิจิทัล DVB-T2 มีพืน้ ฐานขึน้ อยู่กับความต้องการในการตอบสนองเชิงธุรกิจ ส่วนที่สำคัญคือ ความต้องการที่จะเพิ่มขนาด สัญญาณการส่งรายการโทรทัศน์ให้มากขึน้ ปรับปรุงคุณภาพของสัญญาณให้มีความทนทาน และสามารถที่จะ ใช้งานกับสายอากาศเครื่องรับโทรทัศน์เดิมที่ใช้งานอยู่ได้ DVB-T2 รุ่นแรกได้ประกาศใช้งานด้วยมาตรฐาน ETSI ในเดือน กันยายน พ.ศ. 2552 (EN302 755) และต่อมารุ่นปรับปรุงใหม่ ซงึ่ ได้กำหนดเป็นกลุ่มย่อยของ DVB-T2 เหมาะสมสำหรับการรับโทรทัศน์แบบเคลื่อนที่ (portable) และการรับโทรทัศน์แบบมือถือ (T2-Lite) ถูกนำเสนอ ในเดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2554 (DVB BlueBook A122)

เช่นเดียวกับ DVB-T คุณสมบัติทางเทคนิคของ DVB-T2 ใช้หลักการผสมสัญญาณ OFDM (orthogonal frequency division multiplex) โดยการแบ่งคลื่นความถี่วิทยุเป็นความถี่ย่อยจำนวนมาก เพื่อให้ส่งสัญญาณที่มี ความคงทน สิ่งที่เหมือนกันของ DVB-T และ DVB-T2 มีการเสนอให้มีการปรับโหมดการทำงานได้หลายแบบ เป็นมาตรฐานการส่งโทรทัศน์ที่มีความยืดหยุ่นอ่อนตัว DVB-T2 ใช้เทคนิคระบบป้องกันแก้ไขความผิดพลาดของ สัญญาณเหมือนกับมาตรฐานการส่งโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม (DVB-S2) และมาตรฐานการส่งโทรทัศน์ผ่านสาย นำส่งสัญญาณ (DVB-C2) เทคนิคการเข้ารหัสสัญญาณ LDPC (Low Density Parity Check) รวมกันกับการ เข้ารหัสสัญญาณ BCN (Bose-Chaudhuri-Hocquengham) เพื่อให้สัญญาณมีความคงทน หลาย ๆทางเลือกมี

ให้ใช้ในการกำหนดจำนวนคลื่นความถี่ที่ใช้ออกอากาศ และกำหนดขนาดช่วงคาบเวลา (guard interval size) ใน การกำหนดสัญญาณนำร่อง (pilot signal) ดังนัน้ สงิ่ ที่กล่าวมาข้างต้น จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพเป้ าหมายใน ระบบส่งสัญญาณโทรทัศน์ในช่องคลื่นความถี่ที่กำหนด คุณสมบัติที่สำคัญของเทคโนโลยีใหม่ DVB-T คือ

Multiple Physical Layer Pipe ให้มีการแยกปรับโหมดเกี่ยวกับการกำหนดค่าความคงทนของสัญญาณ
โทรทัศน์ ในการที่จะรองรับการให้บริการส่งโทรทัศน์ในรูปแบบต่างสภาพการใช้งาน ตัวอย่าง เช่น การรับ สัญญาณโทรทัศน์ภายในอาคาร หรือการรับสัญญาณโทรทัศน์จากสายอากาศที่ติดตัง้ บนหลังคาของ อาคารที่พักอาศัย อีกทัง้ ช่วยให้การส่งสัญญาณโทรทัศน์ โดยเฉพาะเครื่องรับโทรทัศน์ชว่ ยประหยัด พลังงานในการถอดรหัสสัญญาณเฉพาะการส่งสัญญาณโทรทัศน์รายการเดียวเมื่อเทียบกับการถอดรหัส การให้บริการส่งสัญญาณหลายรายการรวมกัน (Multiplex)

Alamouti coding วิธีการหลากหลายในการส่งสัญญาณโทรทัศน์ จะช่วยปรับปรุงเขตบริการรับ
สัญญาณโทรทัศน์ ในเครือข่ายการส่งโทรทัศน์ความถี่เดียวกัน ในขนาดพืน้ ที่บริการขนาดเล็ก

Rotated Constellations ให้การเพมิ่ ความคงทนของสัญญาณโทรทัศน์ ในการสงั่ การระดับต่ำ
Extended interval ขยายช่องสัญญาณในการส่งข้อมูลสัญญาณ ในการเพมิ่ ข้อมูล (bit) เพิ่มขนาดกลุ่ม
ข้อมูล (cell) เพิ่มช่องคาบเวลา และเพิ่มช่วงการใช้คลื่นความถี่

Future Extension Frame (FEF) ให้มาตรฐานการส่งสัญญาณโทรทัศน์ที่สอดคล้องการปรับคุณภาพสูง
ขึ้น ในอนาคต

จากผลสรุปดังกล่าว DVB-T2 สามารถเสนออัตราการส่งข้อมูลสูงกว่า DVB-T หรือสัญญาณโทรทัศน์มีความ คงทนมากกว่า จากการเปรียบเทียมตามตารางข้างล่าง แสดงอัตราส่งข้อมูลสูงสุด เมื่อกำหนดค่าสัญญาณ รบกวนเท่ากัน และเป็นค่าความต้องการในการใช้งานของอัตราส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์

 


T2-Lite
T2-Lite คือการเพิ่มกรอบบรรจุข้อมูลในการส่งสัญญาณโทรทัศน์ครั้ง แรกที่ให้เทคนิคสู่ระบบ FEF รายละเอียดถูกนำเสนอในเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2554 ซึ่งรองรับการส่งโทรทัศน์แบบชนิดเคลื่อนที่ (portable) และยังทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงในการดำเนินการ รายละเอียดใหม่ที่เสนอเป็นส่วนย่อย ในการเพิ่มเติมอัตราการใช้ใน การเข้ารหัสสัญญาณ LDPC ในข้อกำหนดเทคนิคของ DVB-T2 เมื่อให้อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเฉพาะการรับ 15สัญญาณโทรทัศน์แบบชนิดเคลื่อนที่ (Portable) ประกอบด้วยส่วนย่อยของ T2-Lite และอัตราข้อมูลที่จำกัด 4 Mbit/s ต่อระบบท่อส่งข้อมูล (Physical Layer Pipe : PLP) วิธีการดำเนินที่ซัดซ้อนถูกลดลง 50% กลไกของ ระบบ FEF ช่วยให้การส่งข้อมูล T2-Lite และ T2-Base สามารถส่งข้อมูลในช่องสัญญาณคลื่นความถี่วิทยุ (RF) ในหนึ่งช่องสัญญาณ

ประโยชน์ของการส่งโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล[แก้]การส่งโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลนั้นได้ประโยชน์หลายประการ เช่น

1.ทำให้ใช้ประโยชน์จากช่องสัญญาณได้มากขึ้น เช่น เดิม 1 ช่องใช้ได้ 1 รายการ เมื่อหันมาใช้ระบบดิจิตอล มีการบีบอัดสัญญาณ ( Digital Compression ) ก็จะสามารถส่งได้ถึง 4-6 รายการทางภาคพื้นดิน และ 8-10 รายการทางดาวเทียม
2. ให้บริการเสริมได้ ( ถ้ากฎหมายอนุญาต )
3. สามารถรับชมขณะอยู่ในพาหนะเคลื่อนที่ได้ เช่น รับโทรทัศน์บนรถยนต์ได้ชัดเจนในบางความถี่
4. สามารถให้บริการฟรี ( Free to Air ) หรือบริการเก็บค่าสมาชิกได้
5. ค่าใช้จ่ายในการออกอากาศต่อ 1 รายการลดลง เพราะเครื่องส่ง 1 เครื่อง สามารถส่งได้หลายรายการ
6. พัฒนาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้ เพื่อรับกับวิวัฒนาการของการส่งและรับโทรทัศน์ในอนาคต เช่น โทรทัศน์จอกว้าง ( WIDE SCREEN ) โทรทัศน์ความคมชัดสูง ( HDTV )
7. ประหยัดพลังงานในการส่งโทรทัศน์ เนื่องจากเครื่องส่งใช้กำลังออกอากาศลดลง
8. คุณภาพในการรับชมดีขึ้น ไม่มีเงา การรบกวนน้อย เพราะถ้าจะรับได้ชัดก็ชัดเลยแต่ถ้าอยู่ในที่รับไม่ชัดก็จะรับไม่ได้ ดังนั้นหากต้องการรับชมก็ต้องขวนขวายหาวิธีรับจากทางอื่น เช่น จากเคเบิลทีวี หรือจากดาวเทียม ซึ่งถ้ารับได้ก็จะได้ชัดเจนไม่มีเงาและสิ่งรบกวน หรือถ้ามีการรบกวนก็จะมีในเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมาก
การรับโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล[แก้]เมื่อมีการส่งโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล เป็นการส่งในเชิงตัวเลข แต่เครื่องรับโทรทัศน์ในปัจจุบัน เป็นเครื่องรับแบบอนาลอก ซึ่งมีอยู่มากมาย ทั่วโลกนับพันล้านเครื่อง เฉพาะในประเทศไทยมีถึง 15,586,000 เครื่อง ( ตามข้อมูลของสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย ) ถ้าจะให้ทิ้งเครื่องรับโทรทัศน์เก่าทั้งหมด ก็จะเป็นปัญหาแน่ คือ

1. จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อเครื่องใหม่ซึ่งจะประมาณเท่ากับ 15 ล้าน คูณด้วย 1 หมื่นบาท เท่ากับ 1 แสนห้าหมื่นล้านบาท
2. การที่จะสร้างเครื่องรับ 15 ล้านเครื่องในวันเดียวกันนั้นทำไม่ได้ดังนั้นจึงต้องใช้เครื่องรับโทรทัศน์เก่าไปก่อนและ แก้ปัญหาโดยทางสถานีโทรทัศน์ส่งสัญญาณทั้งในระบบอนาลอกแบบเดิม และส่งในระบบดิจิตอลควบคู่กันไป ผู้ใดที่ต้องการรับในระบบอนาลอกกรับไป ผู้ใดต้องการรัรบในระบบดิจิตอลก็รับไป
การรับสัญญาณในระบบดิจิตอลใช้เครื่องรับในระบบอนาลอกธรรมดานั้นเพียงแต่ติดเซททอป (SET TOP) ไว้ที่ด้านหน้าเพื่อแปลงสัญญาณดิจิตอลให้เป็นอนาล็อกก่อนที่รับสัญญาณจากสายอากาศและถ้ามีการบีบอัดสัญญาณด้วย ก็จะต้องมีเครื่องขยายสัญญาณจากสายอากาศและถ้ามีการบีบอัดสัญญาณด้วย ก็จะต้องมีเครื่องขยายสัญญาณออกให้เท่าเดิมจึงจะรับกันได้ หรือมีเครื่องที่รับได้เฉพาะสมาชิกบอกรับก็จะต้องมีเครื่องถอดรหัสสมาชิกบอกรับด้วย

ปัญหาที่จะเกิดก็คือเครื่องเซททอป (SET TOP) ราคายังค่อนข้างแพง ถ้าเครื่องนี้มีราคาถูกลงก็จะทำให้คนรับโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลมากขึ้น ผู้ประกอบการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลจึงต้องคำนึงถึงเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แต่เมื่อมีความจำเป็นต้องส่งออกอากาศให้ได้ ทุกฝ่ายก็ต้องหาทางเอาเองเช่น

1. ทำเครือข่ายเล็ก ๆ ซึ่งเมื่อคำนวณค่าเครื่องรับแล้วมีไม่เกิน 1000 เครื่อง ค่าใช้จ่ายก็คงไม่มาก
2. ในที่ที่ไม่สามารถจะส่งระบบอนาลอกได้จริง ๆ ก็จำเป็นที่จะส่งในระบบดิจิตอล เช่น ในท้องถิ่นที่ความถี่เต็มแล้วหรือโทรทัศน์ท้องถิ่น เป็นต้น
3. ทางด้านการศึกษาซึ่งต้องการรายการมาก เนื่องจากมีหลายสาขาสวิชาและแต่ละสาขาก็มีวิชาที่จะต้องสอนอย่างหลากหลาย ดังนั้นการที่จะไปสร้างสถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดินตั้ง 20 ช่อง ก็คงไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ถ้าส่งในระบบดิจิตอลไปยังผู้รับชมกลุ่มเป้าหมายจำนวนจำกัดก็คงไม่ต้องใช้งบประมาณมากนัก
4. สถานีที่ทำไว้เพื่อความทันสมัยในวันข้างหน้า ควรทำการส่งในระบบดิจิตอลทางภาคพื้นดินขนาน ไปกับการส่งในระบบอนาลอกด้วย รายการเดียวกัน อาทิเช่น สถานโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ในอนาคต ข้างหน้าอาจส่งออกอากาศทั้ง 2 ระบบ ดังนั้นใครรับช่อง 3 ไม่ชัดก็สามารถหันไปรับสัญญาณในระบบดิจิตอลได้ ทำให้ประชาชนมีทางเลือก ระยะแรกคนที่รับดิจิตอลก็อาจมีไม่มากนัก แต่เมื่อเซททอปมีราคาถูกลงหรือมีผู้ทำเครื่องรับโทรทัศน์ที่รับได้ทั้งอนาลอกและดิจิตอลในตัวของมันเองขึ้นมา ราคาก็คงจะไม่แพงมากนัด เหมือนกันซื้อเครื่องรับธรรมดากับเครื่องรับที่รับได้ทุกระบบทั่วโลกในขณะนี้ ซึ่งผู้ซื้อไม่รู้สึกว่าแพงเลย แต่มีความคมชัดมาก
5. โทรทัศน์ 2 ทาง ซึ่งใช้ในการศึกษา การแพทย์ การประชุมทางไกล และอื่น ๆ ที่ใช้ดิจิตอล
6. มหาวิทยาลัย โรงงานอุตสาหกรรม โรงเรียน วิทยาลัย กิจการทหารและกิจการพิเศษบางอย่างจะใช้ดิจิตอล เพราะต้องการนำเสนอรายการมากรายการ
7. โทรทัศน์ท้องถิ่นจะใช้ดิจิตอล เพราะเป็นเครื่องส่งเล็กสามารถใช้ความถี่ซ้ำกันได้
8. โทรทัศน์พิเศษอื่น ๆ เช่น โทรทัศน์เพื่อคนพิการ โทรทัศน์เพื่อการกีฬา จะใช้ดิจิตอล เพราะสามารถส่งข้อมูลอื่นควบคู่ไปได้ด้วย
9. โทรทัศน์โรงแรมซึ่งมีรายการพิเศษเฉพาะในโรงแรมของตนจะใช้ระบบดิจิตอล เพราะความสามารถให้ความหลายหลายทางด้านรายการกับผู้มาใช้บริการและที่สำคัญค่าใช้จ่ายต่อรายการถูกกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
10. โทรทัศน์สมาชิกบอกรับ จะใช้ดิจิตอล เพราะต้องการช่องรายการมาก
11. โทรทัศน์ที่มีความคมชัดสูง (HDTV)
12. โทรทัศน์กิจการพิเศษ ซึ่งใช้เฉพาะกลุ่มเป้าหมายในเชิงปิดลับจะใช้ดิจิตอล
13. โทรทัศน์ผ่านโครงข่ายโทรคมนาคม (Telecom Network) เช่น อินเทอร์เน็ต ฯลฯ
โทรทัศน์ระบบดิจิทัลในไทย[แก้]ในประเทศไทยจะใช้มาตรฐาน DVB เป็นหลักในการออกอากาศระบบดิจิทัล ทั้งภาคดาวเทียมและผ่านสายเคเบิล (DVB-S, DVB-C) ที่มีผู้ให้บริการหลายราย ทั้งแบบบอกรับสมาชิก และแบบซื้อขาดไม่มีรายเดือน ส่วนภาคพื้นดินนั้นเดิมทีจะใช้ระบบ DVB-T ซึ่งเคยมีการทดสอบเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2543 ถึงพฤษภาคม 2544 จากตึกใบหยก 2 แต่ความล้าช้าของการออกกฎหมายกสช ผ่านมา 10 ปี เทคโนโลยี DVB พัฒนาดีขึ้น ประเทศไทย และสมาชิกอาเซียนจึงมีการตกลงจะใช้ระบบ DVB-T2 ประเทศไทยต้องรอการอนุญาตจากกสทช.ก่อน ซึ่งเดือนมีนาคม พ.ศ. 2555 จะประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา[29] เพื่อเริ่มนำร่องโครงการทดลอง ดิจิทัล ทีวี ภาคพื้นดิน และในรูปแบบโทรศัพท์ที่สามารถดูโทรทัศน์ได้ เป็นลำดับแรกในเดือนมิถุนายน 2555[29] การทดลองดิจิทัลทีวี DVB-T2 เคยทดลองมาแล้วโดยช่อง 5 ในปี พ.ศ. 2554[30] และจะยุติระบบอะนาล็อกในปี พ.ศ. 2558 - พ.ศ. 2563[31]

ปัจจุบัน อยู่ระหว่างทดลองออกอากาศอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556 โดยใช้ย่านความถี่ยูเอชเอฟ จำนวน 2 ช่องความถี่คือ 594 เมกะเฮิร์ตซ์ (ช่อง 36) และ 626 เมกะเฮิร์ตซ์ (ช่อง 40)[32]

มาตรฐานการส่งโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล[แก้]การส่งโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลมีการส่งในมาตรฐานต่างกัน เช่น

1.ประเทศอเมริกาใช้มาตรฐาน เอทีเอสซี (ATSC) ซึ่งย่อมาจาก อเมริกัน แอดวานซ์ เทเลวิชั่น ซิสเต็ม ( AMERICAN ADVANCE TELEVISION SYSTEM ) ซึ่งเริ่มใช้มาตั้งแต่ ปี ค.ศ.1998
2.ยุโรป ใช้มาตรฐาน ดีวีบี (DVB) ย่อมาจาก ดิจิตอลวิดิโอ บรอดคาสติ้ง ( DIGITAL VIDEO BROADCASTING ) ติดตั้งและใช้งานในปี 1998
3.ญี่ปุ่นใช้มาตรฐาน ไอเอสดีบี (ISDB) ย่อมาจากคำว่า อินทีเกรดเต็ด เซอร์วิส ดิจิตอล บรอดคาสติ้ง (INTEGRATED SERVICE DIGITAL BROADCASTING) ในปี ค.ศ.1998
ส่วนประเทศอื่น ๆ ก็ได้เริ่มทดลองใช้งานหรือศึกษาว่าจะใช้ระบบใด เช่น จีน ไต้หวัน ใช้ระบบอเมริกัน (ATSC) กลุ่มประเทศยุโรป สแกนดิเนเวีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ใช้ระบบ ดีวีบี (DVB) สำหรับสิงคโปร์ติดตั้งและทดลองใช้ทั้ง 2 ระบบ คือทั้งอเมริกัน (ATSC) และยุโรป (DVB) ทั้งนี้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจะค้าขาย 2 ระบบนี้ ผ่านประเทศของตนเองสำหรับลูกค้าในภูมิภาคนี้ เพราะเล็งเห็นว่าลูกค้าสามารถจะไปดูตัวอย่างสถานีที่สิงคโปร์ได้ง่ายเพราะใกล้กว่าค่าใช้จ่ายถูกกว่า และสิงคโปร์ก็สามารถเรียกเก็บค่าบริการได้อย่างสบาย และเนื่องจากสิงคโปร์ไม่มีความประสงค์จะแข่งขันกับญี่ปุ่นจึงไม่นำระบบของญี่ปุ่นมาติดตั้ง ส่วนประเทศไทยจะคิดอย่างไรก็ไม่ทราบ ขอกราบเรียนว่าน่าจะใช้ระบบเดียวกันก็จะดี เพราะจะเป็นผลดีกับประชาชน จะได้ไม่ต้องซื้อเครื่อง 2 ระบบ อย่างระบบเสียง 2 ภาษาซึ่งมี 2 ระบบอย่างทุกวันนี้ ส่วนถ้าจะคิดค้าขายแบบสิงคโปร์ก็ควรจะตั้งสถานีระบบอเมริกันเพียงสถานีเล็กสถานีเดียวก็พอ เรื่องนี้สุดแต่จะพิจารณา

ระบบการส่งและการรับโทรทัศน์[แก้]การส่งและรับโทรทัศน์ในอนาคตอันใกล้นี้ น่าจะเป็นดังนี้

1. การส่งและรับโทรทัศน์ในระบบอนาลอกโดยคลื่นความถี่ภาคพื้นดิน (Terrestrial Television)
2. การส่งโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลด้วยคลื่นความถี่ภาคพื้นดิน (Digital Terrstrial Television)
3. การส่งโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมในระบบอนาลอก
4. การส่งโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมในระบบดิจิตอล
5. การส่งโทรทัศน์ระบบสมาชิกบอกรับ ชนิดไร้สาย หรือระบบมัลติพอยท์ มัลติแชนแนล ดิสทริบิวชั่น ซีสเต็ม (Multipoint Multichannel Distribution System) หรือ MMDS เป็นการส่งโทรทัศน์โดยใช้คลื่นผ่านไมโครเวฟเป็นตัวกระจายคลื่น 1-2.3 จิกะเฮิรตซ์ ความถี่ย่านนี้จะรับโดยใช้ระบบอนาลอก
6. การส่งโทรทัศน์ระบบสมาชิกบอกรับชนิดไร้สาย หรือ MMDS โดยใช้ระบบดิจิตอล
7. การส่งเคเบิลทีวีชนิดใช้สายในระบบอนาลอก
8. การส่งเคเบิลทีวีชนิดใช้สายในระบบดิจิตอล
9. การให้บริการโทรทัศน์โดยผ่านโครงข่ายโทรคมนาคมในระบบดิจิตอล
10. การส่งโทรทัศน์โดยการบีบอัดสัญญาณในระบบดิจิตอล ผ่านดาวเทียม
11. การส่งโทรทัศน์ 2 ทาง ( Interactive Television ) ในระบบดิจิตอล
12. การส่งโทรทัศน์ 2 ทาง โดยผ่านดาวเทียมทางหนึ่ง และผ่านเคเบิลใยแก้อีกทางหนึ่ง
13. การส่งโทรทัศน์ความคมชัดสูงผ่านดาวเทียม (HDTV VIA SATELLITE)
14. การส่งโทรทัศน์ความคมชัดสูงผ่านเคเบิลในระบบดิจิตอล
การแพร่ภาพโทรทัศน์[แก้]
ระบบการแพร่ภาพโทรท้ศน์โทรทัศน์ (television)การถ่ายทอดเสียงและภาพพร้อมกันจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยเครื่องที่เปลี่ยนสัญญาณภาพและเสียงเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เรียกว่า เครื่องส่งโทรทัศน์ และเครื่องที่เปลี่ยนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นสัญญาณภาพและเสียง เรียกว่า เครื่องรับโทรทัศน์

โทรทัศน์แอนะล็อก (analog television) คือ โทรทัศน์ที่มีระบบการรับ- ส่งสัญญาณภาพและเสียงในรูปสัญญาณแอนะล็อกแบบ A.M. และ F.M เช่น โทรทัศน์ที่ระบบ NTSC PAL และ SECAM ซึ่งก็คือโทรทัศน์ทั่วไปที่ใช้ตามบ้านเรือน
โทรทัศน์ดิจิตอล (digital television) คือ โทรทัศน์ที่มีระบบการรับ – ส่งสัญญาณภาพและเสียงในรูปดิจิตอลคือส่งข้อมูลเป็นบิต ซึ่งหลายช่องสัญญาณที่มีความถี่เดียวกันสามารถนำมาส่งเป็นช่องสัญญาณเดียวกันได้ โทรทัศน์ดิจิตอลจะให้คุณภาพของภาพและเสียงดีกว่าแบบแอนะล็อก เช่น HDTV
1.ระบบเอ็นทีเอสซี (NTSC) เป็นระบบการส่งสัญญาณโทรทัศน์ของประเทศสหรัฐอเมริกาย่อมาจาก Nation Television System Committee โดยมีการส่ง 525 เส้น 30 ภาพต่อวินาที อาจเรียกระบบนี้ว่าระบบ เอฟซีซี(FCC) ระบบนี้ใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศที่เคยอยู่ภายใต้อำนาจของประเทศสหรัฐอเมริกา
2.ระบบพัล (PAL) ระบบการส่งสัญญาณโทรทัศน์ย่อมาจาก Phase Alternative Line อาจเรียกว่าระบบ ซีซีไออาร์ (CCIR) ซึ่งเป็นระบบที่พัฒนามาจากระบบโทรทัศน์สีเอ็นทีเอสซี โดยมีการส่ง 625 เส้น 25 ภาพต่อวินาที เช่น ระบบการส่งโทรทัศน์ของสถานีโทรทัศน์ไนประเทศไทย
3.ระบบซีแคม (SECAM) ระบบการส่งสัญญาณโทรทัศน์ของประเทศฝรั่งเศสย่อมาจาก Se"quantiel Couleur à Me"moire (sequential color with a memory) โดยมีการส่ง 625 เส้น 25 ภาพต่อวินาที เป็นระบบที่ใช้ในประเทศฝรั่งเศส ประเทศทางแถบยุโรปและแอฟริกา
การที่จะรับและส่งข้อมูลข่าวสารมีได้หลายวิธี แต่การที่จะรับและส่งข้อมูลได้ดีคือการที่ผู้รับสามารถรับข้อมูลได้ทั้งภาพและเสียง การแพร่ภาพโทรทัศน์เป็นการส่งข้อมูลอีกวิธีหนึ่งที่สามารถที่ให้ผู้รับได้ทั้งข้อมูลทางภาพและทางเสียงเหมือนกับแหล่งที่มา ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ การแพร่ภาพโทรทัศน์แบบแอนะล็อก และการแพร่ภาพโทรทัศน์แบบดิจิตอล ซึ่งการแพร่ภาพในแต่ละประเภทสามารถรับและส่งข้อมูลได้หลายแบบ เช่น การส่งสัญญาณผ่านสายเคเบิล การส่งสัญญาณผ่านดาวเทียม และ การส่งสัญญาณภาคพื้นดิน ซึ่งอาจจะมากจากการถ่ายทอดสดหรือจากการบันทึกเทปไว้

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทีวีดิจิตอล วันที่ตอบ 2014-01-24 04:18:26


ความคิดเห็นที่ 2 (3315575)

แฮร์ริสเสร็จสิ้นการทดลอง DVB-T2 ในประเทศไทย

Harris has successfully completed the first DVB-T2 digital terrestrial transmission trials in Thailand at Channel 5, the Royal Thai Army Radio and Television station, using itsMaxiva UAX air-cooled UHF transmitters. แฮร์ริสได้สำเร็จเป็นครั้งแรก DVB-T2 ดิจิตอลทดลองส่งภาคพื้นดินในประเทศไทยที่ช่อง 5, กองทัพบกและสถานีวิทยุโทรทัศน์โดยใช้เครื่องส่งสัญญาณ itsMaxiva UAX UHF อากาศเย็น

Based in Bangkok, Channel 5 is a 24-hour TV station produced by the Royal Thai Army that is broadcast over the air and streamed live over the internet for the citizens of Thailand. ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ, ช่อง 5 เป็นสถานีโทรทัศน์ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผลิตโดยกองทัพบกที่ออกอากาศผ่านทางอากาศและมีการถ่ายทอดสดผ่านทางอินเทอร์เน็ตสำหรับประชาชนแห่งประเทศไทย The trial was managed and supported locally by Harris dealer Loxley. การทดลองได้รับการจัดการและการสนับสนุนตัวแทนจำหน่ายในประเทศโดยแฮร์ริสล็อกซเล่ย์

“Channel 5 is now ready for stepping into the digital television domain,” said Col. Setsiri Trisaksri, chief of Technic. "ช่อง 5 ตอนนี้พร้อมสำหรับการก้าวเข้าสู่โดเมนโทรทัศน์ดิจิตอล" พ.อ. เศรษฐศิริ Trisaksri หัวหน้าเทคนิคกล่าวว่า

“Channel 5 has set up a digital TV working group to study and prepare for DVB-T2, and we are currently testing the field strength to assess this alongside our technical requirements. "ช่อง 5 มีการตั้งค่าทีวีดิจิตอลคณะทำงานเพื่อศึกษาและเตรียมความพร้อมสำหรับ DVB-T2 และขณะนี้เรากำลังทดสอบความแรงของสนามในการประเมินนี้ควบคู่ไปกับข้อกำหนดทางเทคนิคของเรา The longstanding knowledge and expertise provided jointly by Loxley and Harris has helped with our understanding of the DVB-T2 standard and increased our staff awareness in preparation for its future use.” ความรู้และความเชี่ยวชาญที่ยาวนานร่วมกันโดยให้ล็อกซเล่ย์และแฮร์ริสได้ช่วยให้มีความเข้าใจของเรามาตรฐาน DVB-T2 และเพิ่มการรับรู้ของพนักงานของเราในการเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้งานในอนาคต. "

The DVB-T2 standard delivers efficiencies of 30-50% in spectrum use compared with the DVB-T standard. มาตรฐาน DVB-T2 ให้ประสิทธิภาพของ 30-50% ในการใช้งานคลื่นความถี่เมื่อเทียบกับมาตรฐาน DVB-T Global broadcasters are showing strong interest in using DVB-T2 to gain significant transmission efficiency improvements, allowing for increased capabilities for high definition, mobile and multicast content while reducing costs. ออกอากาศทั่วโลกมีการแสดงความสนใจอย่างมากในการใช้ DVB-T2 ที่จะได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพการส่งผ่านที่สำคัญเพื่อให้ความสามารถที่เพิ่มขึ้นสำหรับความละเอียดสูงบนมือถือและเนื้อหาหลายผู้รับในขณะที่ลดค่าใช้จ่าย

Harris Maxiva transmitters are designed to help DVB-T2 and other digital broadcasters maximise transmission performance as they deploy country-wide digital transmission networks. เครื่องส่งสัญญาณแฮร์ริส Maxiva ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ DVB-T2 และประกาศดิจิตอลอื่น ๆ เพิ่มประสิทธิภาพการส่งผ่านที่พวกเขาปรับใช้ทั่วประเทศเครือข่ายการส่งแบบดิจิตอล

“Harris has been actively involved with a number of DVB-T2 trials around the world to help broadcasters implement the additional over-the-air capacity required for new services like 3D television and mobile applications,” said Jishun Mei, sales director, transmission products, Asia Pacific, Harris Broadcast Communications. "แฮร์ริสได้รับการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับจำนวนของการทดลอง DVB-T2 ทั่วโลกเพื่อช่วยให้ประกาศใช้กำลังการผลิตในช่วงที่อากาศเพิ่มเติมที่จำเป็นสำหรับการให้บริการใหม่ ๆ เช่นโทรทัศน์ 3D และโปรแกรมมือถือ" Jishun Mei อำนวยการฝ่ายขายผลิตภัณฑ์ส่งกล่าวว่า เอเชียแปซิฟิกแฮร์ริสออกอากาศสื่อสาร

“With these trials in Thailand, Harris has successfully demonstrated to the Royal Thai Army Radio and Television that the proven technology of its Maxiva UAX transmitters will provide an efficient and effective analogue solution today while supporting an easy and cost-effective path to digital in the future.” "ด้วยการทดลองเหล่านี้ในประเทศไทยแฮร์ริสได้แสดงให้เห็นประสบความสำเร็จในกองทัพบกวิทยุและโทรทัศน์ว่าเทคโนโลยีที่พิสูจน์แล้วของเครื่องส่งสัญญาณ Maxiva UAX จะให้การแก้ปัญหาที่คล้ายกันที่มีประสิทธิภาพและมีประสิทธิภาพในวันนี้ในขณะที่สนับสนุนเส้นทางที่ง่ายและประหยัดค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพเพื่อดิจิตอลใน ในอนาคต. "

Read more: แฮร์ริสเสร็จสิ้นการทดลอง DVB-T2 ในประเทศไทย | ข่าวทีวีอย่างรวดเร็ว http://www.rapidtvnews.com/index.php/2011033111257/harris-corporation-completes-dvb-t2-trials-in-thailand.html#ixzz2rG7Yl0sk
ผู้แสดงความคิดเห็น เสาทีวีดิจิตอล วันที่ตอบ 2014-01-24 04:23:42


ความคิดเห็นที่ 3 (3315576)

กสทช. เดินหน้าทดลอง "ดิจิทัล ทีวี" เดือนมิ.ย.นี้ คาด 5 ปี เปิดประมูล 100 ช่อง ชูจุดเด่นอินเตอร์แอ็คทีฟ รับชมผ่านทุกแพลตฟอร์ม

 พันเอกนที ศุกลรัตน์  กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เปิดเผยว่า กสทช. ได้แต่งตั้งอนุกรรมการการเปลี่ยนไปสู่ระบบการส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล ซึ่งจะมีการประชุมครั้งแรกในวันที่ 16 ก.พ.นี้ เพื่อกำหนดกรอบการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมวิทยุโทรทัศน์ไทยไปสู่ระบบดิจิทัล ให้สอดคล้องกับร่างแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ ในยุทธศาสตร์การเปลี่ยนไปสู่ระบบการส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล ที่กำหนดให้เริ่มต้นการรับส่งสัญญาณดิจิทัลภายใน 4 ปี


  ทั้งนี้ หลังจากแผนแม่บททั้ง 3 ฉบับ ผ่านเวทีประชาพิจารณ์ในเดือนก.พ.  ปรับปรุงแก้ไขร่างในเดือนมี.ค. และประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว  กสทช. จะเริ่มนำร่องโครงการทดลอง "ดิจิทัล ทีวี" เป็นลำดับแรกในเดือนมิ.ย.นี้  โดยจะเปิดกว้างให้ผู้ประกอบการฟรีทีวีทุกช่องในปัจจุบันมาร่วมทดลองออกอากาศดิจิทัล
 "การทดลองโครงการดิจิทัล ทีวี จะต้องเปิดโอกาสให้ทุกรายที่พร้อมเข้ามาทดลองดำเนินการในวงกว้าง เพื่อให้ทุกภาคส่วนของสังคมเห็นประโยชน์ในโครงการนี้  และไม่ซ้ำรอยการประมูล 3จี ในอดีตที่ถูกห้ามดำเนินการ" พันเอกนที กล่าว

 ประมูลไลเซ่น 100 ช่องดิจิทัลทีวี
 สำหรับขั้นตอนและกรอบเวลาการเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัล ทีวี ในปีนี้ จะเป็นขั้นตอนการวางหลักเกณฑ์ และการทดลองออกอากาศระบบดิจิทัล  คาดว่าช่วงปลายปีนี้จะเริ่มการประมูลเพื่อให้ใบอนุญาตดิจิทัลทีวีได้ โดยจะเปิดประมูลใบอนุญาตครั้งละ 50 ช่อง แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คาดว่าภายใน 5 ปี จะออกใบอนุญาตดิจิทัลทีวีได้ประมาณ 100 ช่อง โดยจำนวนดังกล่าวจะเป็น ดิจิทัล ทีวี ระบบ HD สัดส่วน 20%

ปัจจุบัน 1 คลื่นความถี่ฟรีทีวี ในระบบอนาล็อก สามารถจัดสรรเป็นดิจิทัลทีวี  8-10 ช่อง  นอกจากนี้ยังมีคลื่นความถี่ระหว่างช่องฟรีทีวีปัจจุบัน เช่น ช่อง 2,ช่อง 4 และช่อง 6  ที่ยังไม่มีการใช้งาน สามารถนำมาจัดสรรเป็นดิจิทัล ทีวีได้อีก ดังนั้นหากประเทศไทยเปลี่ยนระบบรับส่งสัญญาณเป็นดิจิทัลแล้ว จะมีคลื่นความถี่ที่นำมาจัดสรรเป็น ดิจิทัล ทีวี ได้จำนวนมาก

 แม้ว่าปัจจุบันจะมีการขยายตัวและการลงทุนในช่องทีวีดาวเทียมจำนวนมาก เนื่องจากเป็นสื่อที่มีการลงทุนไม่สูง  แต่เชื่อว่าหาก กสทช. เปิดให้ประมูลใบอนุญาตดิจิทัลทีวี จะมีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสื่อสนใจเข้าประมูล เนื่องจากเป็นคลื่นความถี่มีประสิทธิภาพสูงด้านการรับชมที่ให้ภาพคมชัด มีความเสถียรด้านสัญญาณการออกอากาศ  พัฒนาไปสู่การให้บริการอินเตอร์แอ็คทีฟ  ซึ่งสามารถรับชมช่องดิจิทัล ทีวี ได้ทุกแพลตฟอร์มการออกอากาศ  โดยเฉพาะในรูปแบบ "โมบาย ทีวี"  ซึ่งจะช่วยขยายฐานผู้ชมได้เพิ่มขึ้นจำนวนมาก

 พันเอกนที กล่าวอีกว่าปัจจุบันฟรีทีวี ภาคพื้นดิน 6 ช่อง มีฐานผู้ชมทั่วประเทศประมาณ 20 ล้านครัวเรือน หรือ 20 ล้านเครื่องรับชมทีวี  แต่หากเป็น ดิจิทัล ทีวี ซึ่งสามารถรับชมผ่านโทรศัพท์มือถือได้ เท่ากับสามารถขยายฐานผู้ชมทีวีไปยังเจ้าของโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยกว่า 60 ล้านรายในปัจจุบัน  เชื่อว่าด้วยศักยภาพด้านสัญญาณและจำนวนผู้มีโอกาสรับชม จะทำให้มีผู้ประกอบการสนใจประมูลใบอนุญาตดิจิทัล ทีวีแน่นอน แต่ยังไม่สามารถกำหนดราคาประมูลได้ในขณะนี้  โดยต้องรอให้อนุกรรมการฯ  เป็นผู้ศึกษาและจัดทำแผนก่อน

 สำหรับแนวทางการลงทุนด้านโครงข่ายส่งสัญญาณดิจิทัลทีวี  กสทช. จะกำหนดหลักเกณฑ์โดยจัดทำเป็นโครงข่ายแห่งชาติ  และเปิดให้ผู้ประกอบการที่สนใจเสนอแผนเข้าประมูลเพื่อลงทุน  โดยรูปแบบการลงทุนจะเป็นโครงข่ายเดียว แต่ผู้ประกอบการทุกรายที่ประมูลขอใบอนุญาตช่องดิจิทัลทีวี สามารถเข้ามาเช่าสัญญาณออกอากาศกับโครงข่ายแห่งชาติได้โดยไม่ต้องลงทุน ปัจจุบันสถานีส่งสัญญาณออกอากาศฟรีทีวี ทั้งช่องไทยพีบีเอส ช่อง 11 และ อสมท มีศักยภาพที่จะลงทุนเพื่อปรับเป็นโครงข่ายดิจิทัลทีวี ทั้งสิ้น  โดยมีการประเมินว่าการลงทุนโครงข่ายดังกล่าวจะไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท  ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ได้รับเลือกให้ลงทุนโครงข่ายสัญญาณดิจิทัล จะต้องเสนอแผนการลงทุนด้านการขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศเช่นเดียวกับการขยายโครงข่าย 3จี เช่นกัน

 กสทช.นัดถกร่างไอเอ็ม3จี
 ด้าน พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ กสทช. กล่าวว่า วันที่ 6 ก.พ. นี้ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) จะมีประชุมนัดแรก เรื่องการจัดทำร่างหนังสือชี้ชวนการลงทุน (ไอเอ็ม) เพื่อเข้าประมูลใบอนุญาต (ไลเซ่น) 3จี 2.1 กิกะเฮิรตซ์ โดยที่ผ่านมาที่ประชุม กทค. ได้ตั้งคณะอนุกรรมการร่างหลักเกณฑ์ไอเอ็มแล้ว โดยคณะอนุกรรมการดังกล่าวประกอบด้วย  พ.อ.เศรษฐพงค์ ดำรงดำแหน่งประธานอนุกรรมการ ส่วนกรรมการที่เหลือจะมาจากกรรมการกทค.ที่เหลืออีก 4 คน คือ นายสุทธิพล ทวีชัยการ นายประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ พล.ท. พีระพงษ์ มานะกิจ และ นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ซึ่งทุกคนสามารถเลือกกรรมการผู้เชี่ยวชาญได้อีกคนละ 2 คน รวมเป็น 15 คนด้วย

ทั้งนี้ รายละเอียดของการหารือจะพิจารณาถึงร่างไอเอ็ม 3.9จี ที่รักษาการ กสทช. ชุดที่มี พ.อ.นที ศุกลรัตน์ เป็นประธานดำเนินการได้จัดทำมาแล้ว ดังนั้น คณะอนุกรรมการชุดปัจจุบันจะลงรายละเอียดเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 (พ.ร.บ.กสทช.) รวมทั้ง ยังต้องพิจารณาว่า หากประกาศร่างไอเอ็มฉบับใหม่แล้ว จะมีผลกระทบการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติหรือไม่ โดยยอมรับว่า ยังมีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับประกาศ กสทช. ว่าด้วยเรื่องการกำหนดข้อห้ามการกระทำที่มีลักษณะเป็นการครอบงำกิจการโดยคนต่างด้าว พ.ศ. 2554

 "การประชุมของคณะอนุกรรมการไอเอ็ม เราจะไม่เริ่มต้นจากศูนย์ เพราะจะยิ่งล่าช้า เราเอาไอเอ็มเดิมที่เคยทำไว้แล้ว และก็เห็นว่าเป็นไอเอ็มที่ค่อนข้างสมบูรณ์ในทุกมิติมาปัดฝุ่นใหม่ เพราะเราต้องการให้การเปิดประมูลไลเซ่น 3จี 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ซึ่งเป็นรอยต่อไปสู่ 4จี นี้ดำเนินการได้ทันตามไทม์ไลน์ที่ตั้งไว้ว่าจะเริ่มเปิดประมูลในไตรมาส 3 ปีนี้"
 ส่วนราคากลางการประมูลไลเซ่น ไอเอ็ม เดิมเคยกำหนดไว้ที่ 12,800 ล้านบาท ซึ่งตนเองและนักเศรษฐศาสตร์เห็นว่าเป็นราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย แต่ท้ายที่สุดต้องนำวาระเรื่องราคากลางการประมูลเข้าสู่ที่ประชุม กสทช. อีกครั้ง ซึ่งแนวโน้มราคากลางเป็นไปได้ที่จะลดลงจากเดิม

 เดินหน้าประชาพิจารณ์ 10 ก.พ.
 ขณะที่หลักเกณฑ์ N-1 หรือที่กำหนดว่า หากมีผู้เข้าประมูล 3 ราย จะออกไลเซ่นได้ 2 ใบก็เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณารายละเอียดอีกครั้งด้วย อย่างไรก็ดี เชื่อว่า เรื่องของราคากลาง และหลักเกณฑ์ N-1 จะได้เห็นความชัดเจนในเดือนเม.ย.นี้อย่างแน่นอน แต่มูลค่าการประมูลจะเป็นเท่าไรอยู่ที่ความสามารถนำไปทำธุรกิจของผู้ให้บริการแต่ละราย

 สำหรับการจัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) ต่อร่างแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ และร่างแผนแม่บทกิจการโทรคมนาคมที่จะมีขึ้นวันที่ 10 ก.พ. นี้ พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า เดิม กสทช.จะจัดประชาพิจารณ์เวียนไปทั่วประเทศ ตามจังหวัดที่เป็นหัวเมืองใหญ่ๆ แต่ด้วยระยะเวลาของการประมูลไลเซ่น 3จี ที่จะมีขึ้นในไตรมาส 3 กสทช. จึงจัดประชาพิจารณ์ขึ้นในวันดังกล่าวเพียงวันเดียว แต่พร้อมกัน 4 จังหวัด คือ กทม. ที่ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี, อุดรธานี, ภูเก็ต และ เชียงราย โดยจะมีเทคโนโลยีการประชุมทางไกลผ่านวีดิโอคอนเฟอเรนซ์รับฟังความเห็นของผู้เข้าร่วมในทุกภาค

 อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทำประชาพิจารณ์ร่างแผนแม่บททั้ง 2 ฉบับเสร็จแล้ว กสทช.จะนำความเห็นของผู้เข้าร่วมมารับปรับปรุงแก้ไข โดยขั้นตอนต่อไป จะนำเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ด กสทช.เพื่อขอรับรองมติ และหลังจากนั้น จะประกาศเผยแพร่ในเว็บไซต์ของ กสทช. เป็นเวลา 30 วัน และจึงนำไปลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ คาดว่ากระบวนทั้งหมดจะเสร็จภายในเดือนมี.ค. นี้
 ด้าน พ.อ.นที กล่าวว่า การประมูล 3จี ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการยุติยุคผูกขาด หรือกึ่งผูกขาด ระยะเวลาที่ผ่านมาผู้ใช้บริการได้เรียนรู้ถึงการใช้งาน 3จี ซึ่งไม่ใช่ 3จี เต็มรูปแบบ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ดิจิตอลทีวี วันที่ตอบ 2014-01-24 04:26:14


ความคิดเห็นที่ 4 (3315577)

เสาอากาศและทีวีดิจิตอล
หลังจากทีประเทศไทยเริ่มเปลี่ยนระบบการออกอากาศโทรทัศน์จากระบบอนาลอกเป็นดิจิตอล คำถามหนึ่งที่อาจจะต้องพบเจอคือจะใช้สายอากาศประเภทไหนดี เพื่อที่จะได้รับสัญญาณที่คมชัด บทความนี้จะนำเสนอลักษณะของเสาอากาศแบบต่างๆ เพื่อการรับชมทีวีดิจิตอลที่คมชัดที่สุด

เสาอากาศแบบไหนที่จะต้องใช้กับดิจิตอลทีวี
ในการที่จะรับสัญญาณทีวีดิจิตอลได้จากทุกสถานีนั้น เสาอากาศของเราจะต้องรับได้ทั้งช่วงสัญญาณย่าน VHF และ UHF สายอากาศบางชนิดนั้นเหมาะสำหรับรับสัญญาณอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ตัวอย่างเช่นเสาหนวดกุ้งที่ใช้ในบ้านนั้น จะต้องมีลวดเพิ่มอีก 1 วงเพื่อที่จะรับสัญญาณในช่วง UHF ได้ ผู้บริโภคจึงควรตระหนักว่าแม้จะได้ไปซื้อหากล่อง set-top-box มาแล้วก็ตาม ก็ไม่ควรจะลืมว่าต้องมีเสาอากาศไว้รับสัญญาณด้วย บางเสาอากาศจะโฆษณาออกมาว่าเป็นเสาอากาศสำหรับ HDTV แต่หากมองลึกลงไปแล้วจะเป็นเสาอากาศย่าย UHF เสียเป็นส่วนใหญ่ การซื้อเสาอากาศเลยควรจะซื้ออันที่มีคุณสมบัติรับได้ทั้ง VHF และ UHF

ความสามารถในการรับสัญญาณของเสาอากาศนั้นก็มีความหลากหลาย อย่าลืมที่จะสอบถามคนขายว่าเสาอากาศที่จะซื้อนั้นสามารถรองรับทั้งสองช่วงความถี่หรือไม่ นอกจากนี้หากบ้านอยู่่ไกลจากสถานีทวนสัญญาณมากๆ เราอาจจะต้องใช้เสาอากาศภายนอกจึงอาจจะต้องมีการเพิ่มตัวขยายสัญญาณหรือ Booster เพิ่มอีกด้วย

ด้วยลักษณะสัญญาณการรับส่งเป็นแบบดิจิตอล ทำให้ธรรมชาติของการรับสัญญาณนั้นมีลักษณะเป็นดิจิตอลไปด้วยคือ รับได้หรือรับไม่ได้เท่านั้น จะไม่มีลักษณะเช่นเสาอากาศอนาลอกเดิมที่เป็นแบบชัดหรือไม่ชัดต่อเนื่องกันไป คือจากจอขาวมีจุดวิ่งเต็มหน้าจอเสียงซ่าไปเป็นแบบลูกน้ำจางๆแล้วค่อยๆชัดขึ้น ดังนั้นเราอาจจะเห็นเสาอากาศทีวีดิจิตอลที่มีความแตกต่างกันออกไปได้แล้วแต่การออกแบบ เพราะหากรับสัญญาณได้ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปแบบเดิมๆอีกต่อไป อาจจะออกมาแบนๆ เพื่อประหยัดพื้นที่และเพื่อความสวยงามก็ได้ แม้แต่เสาที่เป็นแบบก้างปลาก็อาจจะมีหน้าตาที่แตกต่างกันหลากหลายรูปแบบ

ระบบทีวีดิจิตอลจะมีจุดเด่นอีกอย่างคือการไม่มีภาพซ้อน ทำให้การออกแบบเสาอากาศทำได้ง่ายขึ้นไม่ต้องห่วงในเรื่องการบังคับทิศทางและแก้ปัญหาสัญญาณสะท้อนจากแหล่งอื่นๆ ทั้งนี้เพราะเสาอากาศแบบอนาลอกไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอันไหนคือสัญญาณหลักอันไหนคือสัญญาณที่สะท้อนจากตึกรามบ้านช่อง ภาพที่เกิดขึ้นจึงมีการซ้อนทับกันทำให้ดูทีวีได้ไม่คมชัด

อย่างไรก็ตามเรายังมีเวลาอีกนานในการที่จะเลือกและทดลองหาสายอากาศที่ดีที่สุดสำหรับตำแหน่งและที่ตั้งของเรา เพราะถึงตอนนั้นก็คงมีหลากหลายรุ่นให้เลือก ทาง ThaiDigitalTelevision ก็จะได้นำเสนอข้อมูลการรีวิวมาให้ทราบกันต่อไปนะครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เสาอากาศและทีวีดิจิตอล วันที่ตอบ 2014-01-24 04:30:54


ความคิดเห็นที่ 5 (4197386)

สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการเลือกซื้อกล่องทีวีดิจิตอล มีดังนี้
1.เลือกซื้อที่ผ่านมาตรฐานเบื้องต้นของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ โดยมีสติ๊กเกอร์ "น้องดูดี" คือ รีโมทและคู่มือการใช้งานต้องมีเมนูภาษาไทยด้วยเพื่อช่วยในการใช้งานและประกันกล่องทีวีดิจิตอลและใส่ใจหลังการขายอย่างน้อย 3 ปี
2.เลือกกล่องทีวีดิจิตอลที่มีปุ่ม ปิด-เปิด และปุ่มเปลี่ยนช่อง บนกล่องทีวีเมื่อรีโมทหายและใช้Adapterภายนอก

ผู้แสดงความคิดเห็น ดิจจี้ วันที่ตอบ 2017-07-03 10:27:47



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.