ReadyPlanet.com


รวมข่าวดาวเทียม วันที่ 18 มีนาคม 2014


กสทช.มีมติไม่ต่อใบอนุญาตทีวีดาวเทียม 2 ช่อง   น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติไม่ต่อใบอนุญาตให้ช่องดาวเทียม โอ้โหแชแนล และช่องรายการมิสทเวนตี้โฟร์วาไรตี้ หลังพบว่า 2 บริษัทนี้กระทำผิดกฎหมายว่าด้วยอาหารและยา ถือว่าเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค มีการโฆษณาคุณภาพ สรรพคุณอาหาร โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อวดอ้างเกินจริง ไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.อาหาร ของ อย. จึงเตรียมเสนอเข้าบอร์ด กสท.ไม่ต่อใบอนุญาตในวันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ พร้อมกับทำหนังสืออีก 20 ช่องรายการ เพื่อขอให้ระงับการโฆษณาอาหารและยาที่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายด้วย
        ขณะที่นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าว่า โทษของการโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก อย.นั้น มีโทษปรับ 5,000 บาท ถ้าเนื้อหาเป็นเท็จ เข้าข่ายหลอกลวง จะมีโทษทั้งจำทั้งปรับ เช่น ช่องทีวีดาวเทียม 2 ช่องดังกล่าว พบ 3 คดี เป็นการทำผิดซ้ำซาก
        นอกจากนี้ ยังเตือนเพิ่มเติมด้วยว่า จากนี้ กสท.และ อย.จะจับตาโฆษณาผลิตภัณฑ์เคมีด้านการเกษตร และช่องรายการที่เป็นเรื่องของความเชื่อ โหราศาสตร์ และไสยศาสตร์ ที่ผนวกกับการขายสินค้า เพื่อหาทางจัดการไม่ให้เป็นการหลอกลวงผู้บริโภคเพิ่มเติม



ผู้ตั้งกระทู้ ช.การไฟฟ้า :: วันที่ลงประกาศ 2014-03-19 06:09:07


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3592457)

 “สุภิญญา” ยืนกรานไม่ต่อไลเซนส์ช่อง “OHO-Mix 24 Variety”
คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ชงบอร์ด กสท.ในการประชุมวันที่ 17 ก.พ.ห้ามต่อไลเซนส์ทีวีดาวเทียมเป็น 2 ปีให้ 2 ช่องทีวีดาวเทียม “OHO-Mix 24 Variety” หลังยังคงโฆษณาผิดกฎหมายเช่นเดิม พร้อมร่อนหนังสือเตือนช่องอื่นที่ยังโฆษณาผิดกฎหมาย อย.ให้หยุดทันที
      
       น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 ก.พ. คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคฯ มีมติให้เตรียมเสนอบอร์ด กสท.ในวันที่ 17 ก.พ.นี้ ในกรณีไม่ให้ต่ออายุใบอนุญาตช่องทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวี หรือกิจการโทรทัศน์ประเภทไม่ใช้คลื่นความถี่ออกไปอีก 2 ปีให้กับ 2 ช่องรายการ คือ ช่อง OHO ของบริษัท อาธีน่า มีเดีย จำกัด และ ช่องรายการ Mix 24 Variety ของบริษัท มิกซ์ วาไรตี้ จำกัด
      
       เนื่องจากทั้ง 2 ช่องรายการดังกล่าวดำเนินการกระทำความผิดด้านอาหารและยาจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งมีการโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพหลอกลวง และเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค อีกทั้งที่ผ่านมาทาง อย. และ กสทช.ได้มีการส่งหนังสือแจ้งเตือนให้มีการระงับโฆษณาดังกล่าว อาทิ ช่อง OHO ให้ระงับโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหาร Size Maxx Gold และผลิตภัณฑ์อาหาร BB Maxxi (BB Max Big Brother) ส่วนช่อง Mix 24 Variety ให้ระงับผลิตภัณฑ์จิ่วเจิ้งเป่าเซินเจียวหนัง และผลิตภัณฑ์สินค้า Turbo Max ซึ่งทั้ง 2 ช่องกลับแจ้งว่าได้ระงับโฆษณาแล้ว แต่จากการติดตามการออกอากาศในวันที่ 1-7 ก.พ.ที่ผ่านมายังคงพบการโฆษณาอยู่ จึงสมควรไม่ได้รับการต่อใบอนุญาตอีก 2 ปี
      
       ขณะเดียวกันยังให้สำนักงาน กสทช.แจ้งเตือนช่องรายการที่ออกอากาศบนทีวีดาวเทียมอื่นๆ เช่น ช่อง Gift Channel, ช่อง MDTV Thailand, ช่อง OK TV, ช่อง Home Channel, ช่อง Doodee Channel, ช่อง MY TV, ช่องแกรนด์ ทีวี, ช่อง SAWASDEE TV, ช่อง Hi Channel, ช่อง TM TV, ช่อง Bangkok Channel, ช่อง P&P Channel, ช่องมงคลแชนแนล, ช่อง Nice Channel, ช่องพอใจ ชาแนล และช่อง MV5 Channel เป็นต้น เนื่องจากช่องรายการดังกล่าวมีการร้องเรียนเข้ามาที่ อย.ว่ามีการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่หลอกลวงผู้บริโภคเช่นเดียวกัน ซึ่งขั้นตอนต่อไปอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจะดำเนินการติดตามเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด หากภายหลังได้รับหนังสือแจ้งเตือนแล้วยังคงมีโฆษณาที่หลอกลวงผู้บริโภคอยู่ก็จะดำเนินการขั้นต่อไป
      
       อนึ่ง เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมาบอร์ด กสท.มีมติพิจารณาต่อใบอนุญาตช่องทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวี หรือกิจการโทรทัศน์ประเภทไม่ใช้คลื่นความถี่ในการยื่นคำขออนุญาตใหม่กรณีที่ใบอนุญาตเดิมสิ้นสุดลง 1 ปีจำนวน 177 ช่องรายการ โดยจะต่ออายุใบอนุญาตออกไปอีก 2 ปี แต่ยังมีอีก 4 ช่องรายการที่พิจารณาต่อใบอนุญาต 2 ปีเช่นเดียวกันแต่อยู่ภายใต้เงื่อนไข เนื่องจากมีเรื่องร้องเรียนในเรื่องการโฆษณาอาหาร และยาซึ่งอยู่ในชั้นดำเนินการยังไม่มีข้อยุติ ซึ่งหากมีข้อยุติ และ กสทช.มีคำสั่งลงโทษทางปกครองให้อายุใบอนุญาตเหลือเพียงอายุ 1 ปีเท่านั้น ซึ่งช่อง OHO และช่อง Mix 24 Variety อยู่ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าวด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น ch.electrical & electronic service วันที่ตอบ 2014-03-19 06:11:41


ความคิดเห็นที่ 2 (3592469)

ภาพถ่ายดาวเทียมชี้งานขุด “อุโมงค์ใหม่” ในสถานที่ทดสอบนิวเคลียร์โสมแดงคืบหน้าไปมาก

เอเอฟพี – ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดเผยให้เห็นงานขุดเจาะบริเวณสถานที่ทดสอบนิวเคลียร์ ปุงกเย-รี ของเกาหลีเหนือคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยพบว่ากองดินที่ได้จากการขุดอุโมงค์แห่งใหม่มีขนาดใหญ่กว่าเมื่อเดือนธันวาคมประมาณเท่าตัว สถาบันวิจัยสหรัฐฯรายงานวันนี้ (14)
      
       สถาบันวิจัยสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือแห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ระบุว่า วัตถุประสงค์ของการขุดอุโมงค์ยังไม่แน่ชัด แต่เชื่อว่าเกาหลีเหนือไม่น่าจะใช้ขุดอุโมงค์แห่งนี้เพื่อทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ครั้งถัดไป เนื่องจากอุโมงค์เดิมทั้ง 2 แห่งก็ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์
      
       บทวิเคราะห์ซึ่งเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ 38 North ระบุว่า อุปกรณ์ซึ่งจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการทดสอบนิวเคลียร์ ซึ่งได้แก่ ตาข่ายพรางตาและยานพาหนะชนิดพิเศษ จะสามารถตรวจจับได้ล่วงหน้าประมาณ 4-6 สัปดาห์ ทว่าจากภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุด “ยังไม่พบสัญญาณใดๆ”
      
       เกาหลีเหนือทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 3 ซึ่งมีอานุภาพรุนแรงที่สุดไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว และอีก 2 เดือนถัดมาก็ประกาศเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาด 5 เมกะวัตต์ที่โรงงานนิวเคลียร์ยองบยอน ซึ่งเป็นสถานที่ผลิตพลูโตเนียมเกรดอาวุธที่เกาหลีเหนือใช้เป็นวัตถุดิบในการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ผ่านๆ มา
      
       ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า เวลานี้เกาหลีเหนือมีวัสดุฟิสไซล์อยู่ในสต๊อกมากพอที่จะผลิตเป็นระเบิดนิวเคลียร์ได้ 6-10 ลูก



ผู้แสดงความคิดเห็น ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2014-03-19 06:13:45


ความคิดเห็นที่ 3 (3592487)

ดาวเทียมมหาภัย ร่วงตกสู่พื้นโลก  ดาวเทียมรัสเซียดวงโตหนักถึง 3 ตันที่หมดอายุแล้ว กำลังร่วงหล่นตกลงมาในชั้นบรรยากาศของโลกอย่างตามบุญตามกรรมเมื่อตอนช่วงกลางเดือนนี้ โดยมีรายงานว่าเป็นที่หวั่นว่าอาจจะก่ออันตรายร้ายแรงให้กับบริเวณที่มีผู้คนพักอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นขึ้นได้

เจ้าหน้าที่ด้านอวกาศของรัสเซียเปิดเผยว่า ดาวเทียม “คอสโมส-1220” ดาวเทียมของทหารรัสเซียที่ถูกปลดระวางแล้วได้เริ่มตกลงจากวงโคจรรอบโลกกลับสู่ชั้นบรรยากาศเอง เมื่อเสียดสีกับบรรยากาศส่วนใหญ่มักจะลุกไหม้หลอมละลายลง แต่ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่า มันอาจจะเหลือชิ้นส่วนบางส่วนกลับตกลงมาถึงพื้นโลกได้

พันเอกอเลกซิส โวโลตุกคิน เจ้าหน้าที่ด้านอวกาศรัสเซียแจ้งว่า คาดว่าเศษซากดาวเทียมอาจตกลงในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก “แต่ตำแหน่งและเวลาอาจจะขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกอื่นๆ”

โดยเหตุที่เหตุการณ์แวดล้อมการตกของดาวเทียมไม่เป็นที่ทราบแน่นอน ทำให้วิตกกันว่าเศษชิ้นส่วนของมันอาจจะตกลงมาตรงไหนก็ได้ สหภาพโซเวียตเองไม่เคยเปิดเผยว่าดาวเทียมหนักเท่าไร เพียงแต่ทราบกันว่าจรวดนำส่งแบบ “ไซคลอน-2” สามารถขนน้ำหนักบรรทุกได้มากถึง 3 ตัน

ตามสถิติที่แล้วว่าข่าวการตกของดาวเทียมที่ดังที่สุด ได้แก่ การตกของดาวเทียม “จีโอซีอี” มีฉายาว่า “รถเฟอร์รารี่ อวกาศ” ของสหภาพยุโรป เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีกลาย แต่ครั้งนั้นมันมีระบบควบคุมการขับเคลื่อนที่ทันสมัยจึงสามารถควบคุมการตกได้ตามสถิติในรอบ 56 ปีของการบินในอวกาศ เคยมีวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นกลับตกลงสู่ชั้นบรรยากาศหนักรวมกันประมาณ 15,000 ตัน ยังไม่เคยตกถูกหัวใครบาดเจ็บแม้แต่คนเดียว

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2014-03-19 06:17:53


ความคิดเห็นที่ 4 (3592492)

ไทยคม เผยธุรกิจดาวเทียมเติบโต ปี56กำไร1,128 ล้าน

ไทยคม ประกาศผลการดำเนินงานปี 56 มีกำไรสุทธิ 1,128 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 548% โดยมาจากความสำเร็จในการเพิ่มจำนวนช่องสัญญาณทีวีดาวเทียม ส่วนปี 57 วางแผนส่ง ไทยคม 7 ขึ้นวงโคจร เพื่อบุกตลาดช่องสัญญาณในแอฟริกา...

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัทไทยคม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2556 ที่ผ่านมา นับเป็นปีที่ 2 ที่บริษัทฯ ทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทฯ เติบโตขึ้นจากปี 2555 อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจดาวเทียม ซึ่งบริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการเพิ่มจำนวนช่องสัญญาณให้กับอุตสาหกรรมโทรทัศน์ดาวเทียม และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้จำนวนผู้ชมโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ซีอีโอ ไทยคม กล่าวต่อว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา รวมถึงการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเติมในต่างประเทศ ได้ช่วยสนับสนุนผลประกอบการของเราให้เติบโตและแข็งแกร่งในฐานะผู้ให้บริการดาวเทียมของไทย นับตั้งแต่ต้นปี 2556 บริษัทฯ ได้บรรลุข้อตกลงการขายช่องสัญญาณไอพีสตาร์ครอบคลุมทั่วประเทศจีน กับซีเนอร์โทน คอมมิวนิเคชั่น คอร์ปอเรชั่น จากนั้นในเดือนสิงหาคม บริษัทฯ สามารถจัดหาดาวเทียมมาให้บริการ เพื่อรองรับการใช้งานให้กับลูกค้าล่วงหน้า ก่อนการส่งดาวเทียมไทยคม 6 อีกทั้งยังได้เซ็นสัญญากับพันธมิตรต่างประเทศหลายราย เช่น บริษัท จิลาท แซทเทลไลท์ เน็ตเวิร์ค, บริษัท โกลบอล อีเกิ้ล เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เป็นต้น โดยความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ได้ทำให้บริษัทฯ ขับเคลื่อนธุรกิจในประเทศให้เติบโตและรุกสู่ตลาดต่างประเทศได้ และในปี 2557 ไทยคมมีแผนจัดส่งดาวเทียมไทยคม 7 ขึ้นสู่วงโคจร รวมถึงการเพิ่มยอดขายช่องสัญญาณในตลาดแอฟริกาจากช่องสัญญาณของดาวเทียมไทยคม 6 ที่ได้นำขึ้นสู่วงโคจรเมื่อต้นปี 2557 ที่ผ่านมา

นางศุภจี กล่าวอีกว่า ไทยคมได้วางรากฐานการเติบโตอย่างมั่นคง และเราจะมุ่งเน้นการขยายธุรกิจให้เติบโต ทั้งในด้านการขยายตลาดและบริการ รวมทั้งการต่อยอดสร้างธุรกิจใหม่ ตลอดเวลากว่า 20 ปี ไทยคมมีความภาคภูมิใจที่ได้แสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยีดาวเทียมของไทยให้เป็นที่ยอมรับทั่วทั้งภูมิภาค ด้วยบริการที่มีคุณภาพและความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี และไทยคมจะยังคงมุ่งสู่ความเป็นผู้นำด้านดาวเทียมของไทย โดยจะพัฒนาบริการโซลูชั่นแบบครบวงจร การพัฒนาบริการโครงข่ายข้อมูลความเร็วสูง (Content Delivery Network) การพัฒนาบริการดาวเทียมเพื่อการสื่อสารแบบโมบิลิตี้ควบคู่ไปกับการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเติม

ในปี 2556 ไทยคม มีรายได้รวมจากการขายและการให้บริการ รวมทั้งสิ้น 7,896 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,128 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้น 548% จากปีก่อน มีกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการ 802 ล้านบาท โดยธุรกิจดาวเทียมยังคงเป็นธุรกิจที่ทำรายได้หลักให้บริษัทฯ ถึง 88% ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการอยู่ที่ 14% ในส่วนของกลุ่มบริษัทในเครือนั้น บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) ซึ่งให้บริการด้านอินเทอร์เน็ตและสื่อ ยังคงมีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิประจำปี 2556 อยู่ที่ 462 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากธุรกิจการให้บริการไอซีทีและ Cloud Services ในส่วนของ บริษัท ลาว เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ในประเทศลาวนั้น ยังคงครองความเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ด้วยกำไร 95 ล้านบาท.

ผู้แสดงความคิดเห็น ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2014-03-19 06:30:50


ความคิดเห็นที่ 5 (3592502)

เล็งไม่ต่อใบอนุญาต2ช่อง ทีวีดาวเทียมโฆษณาผิด อย.

คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการกระจายเสียงฯ เตรียมเสนอ บอร์ด กสท. ระงับต่ออายุใบอนุญาตรายการทีวีดาวเทียมช่องโอ้โห และช่องมิกซ์ทเวนตี้โฟร์วาไรตี้ หลังพบโฆษณาหลอกลวงผู้บริโภค ผิดกฎหมายอาหารและยา...

นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ ประธานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่าในวันที่ 17 ก.พ.2557 นี้ เตรียมเสนอคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. ไม่ต่อใบอนุญาตช่องรายการทีวีดาวเทียมทั้ง 2 ช่อง ที่จะหมดอายุใบอนุญาต 1 ปี

ปธ.คณะอนุ กก.คุ้มครองผู้บริโภคฯ กสทช .กล่าวต่อว่า หลังจากที่ผ่านมา อย. และ กสทช. ได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนให้ระงับโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารที่เข้าข่ายผิดกฎหมายแล้ว ซึ่งทั้ง 2 ช่องแจ้งว่าได้ระงับแล้ว แต่ยังพบการโฆษณาอยู่ ในช่องโอ้โห ของบริษัท อาธีน่า มีเดีย จำกัด ช่องมิกซ์ทเวนตี้โฟร์วาไรตี้ ของบริษัท มิกซ์ วาไรตี้ จำกัด มีโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพ ระหว่างวันที่ 1-7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค ผิดกฎหมายของคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

นางสาวสุภิญญา กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังให้ กสทช. แจ้งเตือนช่องรายการที่ร้องเรียนเข้ามาที่ อย.ว่ามีโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่หลอกลวงผู้บริโภค เช่น ช่อง กิฟท์ ชาแนล ช่อง เอ็มดี ทีวี ไทยแลนด์ ช่องดูดี ทีวี ช่องมาย ทีวี ช่องแกรนด์ ทีวี ช่องสวัสดี ทีวี ช่องฮิต แชนแนล ช่องทีเอ็ม ทีวี ช่องแบงคอก แชนแนล ช่องโอเค ทีวี ช่องโฮม แชนแนล ช่องพี แอนด์ พี แชนแนล ช่องไนท์ ชาแนล ช่องพอใจ แชนแนล ช่องเอ็มวี ไฟว์ แชนแนล และช่องมงคล แชนแนล โดยจะดำเนินการเฝ้าระวังต่อไป

ผู้แสดงความคิดเห็น ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2014-03-19 06:36:36


ความคิดเห็นที่ 6 (3592506)

DNA ปี 56 กวาดรายได้ 1,686 ล. ปันผล 0.02 บ.ต่อหุ้น   “ดีเอ็นเอ 2002” โชว์ผลประกอบการปี 56 ทำรายได้ 1,686 ล้านบาท เติบโต 17% ดันกำไรสุทธิ 48 ล้านบาท จากปัจจัยยอดขายสินค้ากลุ่มโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์เติบโตต่อเนื่อง แถมรับปัจจัยบวกจากธุรกิจทีวีดาวเทียม และธุรกิจขนมปังอบแบรนด์มิสเตอร์บันช่วยหนุน บอร์ดเดินหน้าเสนอจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น จากผลการดำเนินงานงวดปี 2556 อัตราหุ้นละ 0.02 บาท ลั่นปี 2557 เป็นปีเติบโตแข็งแกร่ง เดินหน้าเจรจาขยายช่องทางขายขนมปังมิสเตอร์บันผ่านร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท.พร้อมจับมือพันธมิตรลุยทำกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล หวังสิ้นปีดันรายได้รวมโต 20-30%

นายสามารถ ฉั่วศิริพัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ DNA ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าสื่อโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ประเภทภาพยนตร์ เพลง และนิตยสารที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ผ่านช่องทางร้านค้าปลีก เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในรอบปี 2556 มีรายได้รวม 1,686 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 1,439 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 48 ล้านบาท

“ผลการดำเนินงานในปี56 เรายังสามารถเติบโตได้ดี เนื่องจากการดำเนินกลยุทธ์มุ่งสู่ธุรกิจต้นน้ำ โดยร่วมมือกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญในการผลิต Content ด้านเอนเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งทำให้เราสามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นจาก Content ที่ได้พัฒนาขึ้น โดยออกอากาศในระบบอะนาล็อก และระบบ HD ผ่านช่องทรูส์ และจานพีเอสไอ ขณะที่เดียวกัน ก็มีรายได้เสริมจากธุรกิจที่บริษัทฯ ได้เข้าไปลงทุนในบริษัท บัน จำกัด เพื่อทำตลาดขนมปังอบแบรนด์ มิสเตอร์บัน ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตที่ดี และจะเป็นรายได้ที่ช่วยผลักดันให้ DNA เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อไป” นายสามารถกล่าว

ทั้งนี้ จากผลการดำเนินการดังกล่าว คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานในรอบปี 2556 ในอัตราหุ้นละ 0.02 บาท โดยกำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 30 เมษายน 2557 และกำหนดจ่ายเงินปันผล และจัดสรรหุ้นปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม 2557

สำหรับแผนในปี 2557 บริษัทฯ มีแผนสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจเพิ่มขึ้น โดยในส่วนขนมปังอบแบรนด์ “มิสเตอร์บัน” มีแผนขยายสาขาต่อเนื่อง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาวางจำหน่ายสินค้าตามร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท.เพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ จะมีจุดจำหน่ายขนมปังอบมิสเตอร์บัน เพิ่มขึ้นเป็น 30 แห่ง จากปัจจุบันที่มี 63 จุด

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้ร่วมมือพันธมิตรทางธุรกิจจัดทำกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล โดยคาดว่าจะสามารถวางจำหน่ายได้ภายในไตรมาส 1 เพื่อรองรับการส่งสัญญาณออกอากาศทีวีดิจิตอลได้ในกลางปีนี้ ตั้งเป้าปีแรกทำยอดขายได้ 5 แสนกล่อง หรือคิดเป็นรายได้ประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งมีส่วนช่วยผลักดันรายได้ในปีนี้เติบโตได้ 20-30%

ผู้แสดงความคิดเห็น ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2014-03-19 06:43:03


ความคิดเห็นที่ 7 (3592509)

ผลงานนักฟิสิกส์ไทยช่วยไกด์ทางดาวเทียมนาซา

ในช่วงปลายปีนี้ นาซาเตรียมส่งดาวเทียมขึ้นไปศึกษาปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “การเชื่อมต่อใหม่” ของสนามแม่เหล็ก ปรากฏการณ์ดังกล่าวได้รับความสนใจเพราะมีผลต่ออนุภาคจากดวงอาทิตย์ที่จะเข้ามาสู่สนามแม่เหล็กโลก และยังพบว่าการลุกจ้าของดวงอาทิตย์ก็เป็นผลจากปรากฏการณ์ดังกล่าว รวมทั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชันที่เป็นความหวังใหม่ด้านพลังงานสะอาดก็เกิดปรากฏการณ์นี้เช่นกัน
      
       ชุดดาวเทียมเอ็มเอ็มเอส (MMS: Magnetospheric Multiscale) 4 ดวง ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ที่เตรียมส่งขึ้นไปศึกษาปรากฏการณ์การเชื่อมต่อใหม่ (reconnect) ที่เกิดขึ้นระหว่างสนามแม่เหล็กโลกและสนามแม่เหล็กจากดวงอาทิตย์ มีความสามารถในการบันทึกข้อมูลได้อย่างละเอียดและส่งข้อมูลกลับมายังโลกได้อย่างละเอียด
      
       “แม้ว่าดาวนาซาจะเก็บข้อมูลได้อย่างละเอียด และส่งข้อมูลได้อย่างละเอียด แต่ไม่มีแบนด์วิธมากพอในการส่งข้อมูลที่มีความละเอียดสูง จึงจำเป็นต้องเลือกตำแหน่งในการศึกษาปรากฏการณ์ดังกล่าวเพื่อบันทึกและส่งข้อมูลกลับมายังโลก ปัญหาคือเรามองไม่เห็นปรากฏการณ์เชื่อมต่อใหม่ได้ด้วยตาเปล่า และนาซาก็ไม่รู้ว่าตำแหน่งที่ศึกษานั้นใกล้ตำแหน่งที่เกิดปรากฏการณ์แล้วหรือยัง” ศ.ดร.เดวิด รูฟโฟโล อาจารย์ฟิสิกส์และหัวหน้าห้องปฏิบัติการฟิสิกส์อวกาศและอนุภาคพลังงานสูง คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงอุปสรรคอย่างหนึ่งในการทำงานของดาวเทียมนาซา
      
       ทว่า การค้นพบล่าสุดของ ดร.กิตติพัฒน์ มาลากิจ นักวิจัยหลังปริญญาเอก ของภาควิชาฟิสิกส์ มหิดล ได้ช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว โดยเขาได้ค้นพบว่ามีสนามแม่เหล็กไฟฟ้าเกิดขึ้นบริเวณที่มีการเชื่อมต่อใหม่ ซึ่งสนามไฟฟ้าจะเป็นสิ่งชี้นำให้แก่ดาวเทียมเอ็มเอ็มเอสได้ว่า ควรจะเริ่มโหมดการบันทึกข้อมูลได้เมื่อไร ทั้งนี้ การค้นพบดังกล่าวเป็นผลจากการสังเกตการศึกษาทางฟิสิกส์ทฤษฎี และตระหนักว่าสนามไฟฟ้าที่เกิดขึ้นไม่น่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ
      
       “ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการค้นพบโดยการพยากรณ์จากการคำนวณ ยังไม่มีการวัดสนามไฟฟ้านี้ได้จริง โดยก่อนหน้านี้การคำนวณทางฟิสิกส์ทฤษฎีของนักวิจัยในสหรัฐฯ เผยให้เห็นว่ามีสนามไฟฟ้าเกิดขึ้นตรงการเชื่อมต่อใหม่ แต่ไม่มีใครสังเกตว่ามีและอธิบายถึงสนามไฟฟ้าดังกล่าว ซึ่งเมื่อเราเห็นสนามไฟฟ้าในการทดลองจึงตั้งข้อสังเกตว่าไม่น่าจะใช่เรื่องฟลุค และลงมาศึกษาเจาะจงว่ามีเงื่อนไขอะไรบ้างที่ทำให้เกิด” ดร.กิตติพัฒน์ อธิบายแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์
      
       การศึกษาการเชื่อมต่อใหม่ของสนามแม่เหล็กก่อนหน้านี้ ดร.กิตติพัฒน์ อธิบายว่าโดยมากเป็นการศึกษาภายใต้เงื่อนไขว่าความหนาแน่นของอนุภาคและความเข้มของสนามแม่เหล็กในบริเวณที่เกิดการเชื่อมต่อใหม่มีความสมมาตร แต่ ดร.กิตติพัฒน์ และ ทีม เลือกศึกษาการเชื่อมต่อใหม่ในกรณีที่ความหนาแน่นของอนุภาค หรือความเข้มของสนามแม่เหล็กมีความไม่สมมาตรหรือไม่เท่ากัน ซึ่ง ณ จุดที่เกิดการเชื่อมต่อใหม่ของสนามแม่เหล็กโลกกับสนามแม่เหล็กจากดวงอาทิตย์นั้นมีความไม่สมมาตรกันระหว่างสนามแม่เหล็กและอนุภาคที่มากพอที่เราสามารถคาดหวังได้ว่าสนามไฟฟ้าที่กล่าวถึงข้างต้นจะเกิดขึ้นและจะมีความเข้มมากพอที่ดาวเทียมสามารถวัดได้อย่างชัดเจน
      
       ทำไมการเชื่อมต่อใหม่จึงได้รับความสนใจ? ดร.กิตติพัฒน์ ได้ตอบคำถามดังกล่าวแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ฯ ว่า อย่างแรกนั้นบริเวณที่มีการเชื่อมต่อใหม่ของสนามแม่เหล็กจะพบอนุภาคจากดวงอาทิตย์เข้าสู่บริเวณสนามแม่เหล็กโลกได้ และปรากฏการณ์นี้ยังเกิดขึ้นอีกหลายแห่งในอวกาศ เช่น การลุกจ้า (solar flare) ของดวงอาทิตย์ก็เป็นผลจากการเชื่อมต่อใหม่ หรือพบว่าเกิดปรากฏการณ์นี้ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชันด้วยเช่นกัน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ไม่ต้องการให้เกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชัน จึงต้องศึกษาเพื่อทำความเข้าใจปรากฏการณ์ และหาทางแก้ไข
      
       สำหรับการค้นพบสนามไฟฟ้าบริเวณการเชื่อมต่อใหม่ของสนามแม่เหล็กนี้ได้รับการตีพิมพ์ลงวารสาร Physical Review Letters ซึ่ง ดร.เดวิด หนึ่งในทีมวิจัยของการค้นพบนี้ เผยว่าวารสารดังกล่าวเป็นวารสารวิชาการที่ได้รับการยอมรับสูงสำหรับแวดวงฟิสิกส์ และห้องปฏิบัติการฟิสิกส์อวกาศและอนุภาคพลังงานสูง มหิดล ได้ตีพิมพ์ผลงานทั้งหมด 49 เรื่อง* (แก้ไข
)

ผู้แสดงความคิดเห็น ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2014-03-19 06:45:24


ความคิดเห็นที่ 8 (3592515)

"เด็จพี่"โวย! กปปส.ปิดล้อมวอยซ์ทีวีเป็นการคุกคามสื่อ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่กลุ่ม กปปส.ไปปิดล้อมสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมวอยซ์ทีวี ว่า เป็นการกระทำที่คุกคามสื่อ ซึ่งก็เหมือนกับการคุกคามประชาชน ละเมิดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน และท้าทายต่อกฎหมายของบ้านเมือง เป็นการกระทำที่ต่ำช้า ไม่สอดคล้องกับที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ที่ระบุว่า จะปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปสื่อ เพราะการกระทำมันสวนทางกับคำพูด ดังนั้น ขอเรียกร้ององค์กรสื่อสารมวลชนให้ออกมาปกป้องสื่อมวลชนด้วยกัน เพื่อไม่ให้เกิดลัทธิเอาอย่างในอนาคต ไม่ใช่เลือกปฏิบัติ ขณะที่ประชาชนก็ควรร่วมประณามการกระทำครั้งนี้ด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องผ่านไป ทั้งนี้ การเรียกร้องทางการเมืองต้องทำด้วยเหตุผล ไม่ใช่การกดดัน

ผู้แสดงความคิดเห็น ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2014-03-19 07:06:42


ความคิดเห็นที่ 9 (3592517)

จบปัญหา 2 ช่องดาวเทียม "นที" เผยให้ใบอนุญาตต่อ-คุมเข้ม

นที ศุกลรัตน์" ประธาน กสท. ทวีตข้อความระบุช่อง 2 ดาวเทียมได้รับการพิจารณาใบอนุญาตใหม่ หลังจ่ายค่าปรับตามกฎหมาย อย.เรียบร้อยแล้ว พร้อมสั่ง กสทช. จับตาดูโฆษณา ขู่ฝ่าฝืนเจอปรับ 5 ล้านบาท…

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ. เวลาประมาณ 11.30 น. พันเอกนที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ได้ทวีตข้อความผ่าน @DrNateeDigital รวมทั้งสิ้น 13 ข้อความ โดยระบุว่า "กสท.ได้ประชุม เมื่อ 27 ม.ค.57 เพื่อกำหนดหลักการสำหรับการอนุญาตใหม่ให้กับช่องเคเบิล/ดาวเทียมที่กำลังจะหมดอายุใบอนุญาต ในการพิจารณาดังกล่าวยังมีอีก 2 ช่องรายการที่มีการกระทำความผิดเรื่องการโฆษณาอาหารและยา ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ อย. การโฆษณาที่ผิดกฎหมายอาหารและยาถูกกำหนดให้เป็นความผิดต่อผู้บริโภค แต่ผลการตัดสินขององค์กรตามกระบวนการต้องถึงที่สุด เมื่อ อย.วินิจฉัย ว่าเป็นการดำเนินการที่ผิดกฎหมาย อาหารและยา แล้วคู่กรณีอาจจะยอมรับโดยชำระค่าปรับ หรือ ฟ้องร้องต่อศาล กรณีที่คู่กรณีชำระค่าปรับตามกฎหมายต่อ อย. ผลการดำเนินการก็ถือว่าถึงที่สุด แต่กรณีที่ฟ้องร้องต่อศาลก็ต้องรอการตัดสินของศาล เมื่อมีการให้ข้อมูลโดย อย. แม้กระบวนการยังไม่ถึงที่สุด แต่ กสท. ก็ต้องเชื่อข้อวินิจฉัยของหน่วยงานรัฐที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในเบื้องต้น

เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค กสท. จึงกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตระงับการโฆษณาที่มีปัญหาไว้จนกว่าผลการพิจารณาจะเป็นที่ยุติ ในการพิจารณาใบอนุญาตใหม่ให้ทั้ง 2 ราย กสท. จึงมีมติให้คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคฯ ให้ความเห็นเพิ่มเติมใน 30 วัน เมื่อ 17 ก.พ. คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคฯ ได้นำเสนอความเห็นต่อ กสท. พิจารณาประกอบการอนุญาตใหม่ให้ทั้ง 2 ช่อง โดยรายงานผลความคืบหน้าในการดำเนินการของ อย. นั้น ทั้งสองรายได้ชำระค่าปรับตามกฎหมายของ อย. รายละ 10,000 บาท การชำระค่าปรับเป็นการยอมรับว่ากระทำความผิดจริง/เป็นที่ยุติ ซึ่งส่งผลให้การกระทำความผิดตามกฎหมาย กสทช. เป็นที่ยุติด้วย เป็นการกระทำที่เป็นความผิดตาม พรบ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ ม.31 ซึ่งกำหนดมาตรการลงโทษตามใน ม.77 กฎหมายเดียวกัน กสท. จึงได้มีมติให้ สนง.กสทช. มีคำสั่งให้ยุติการโฆษณาที่มีปัญหาดังกล่าว ถ้าฝ่าฝืน กสทช. จะกำหนดมาตรการปรับ 5 ล้านบาทครับ"

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับช่องทีวีดาวเทียม 2 ราย ที่ถูกกล่าวถึงในกรณีดังกล่าว คือ ช่องโอ้โห ของบริษัท อาธีน่า มีเดีย จำกัด และช่องมิกซ์ทเวนตี้โฟร์วาไรตี้ ของบริษัท มิกซ์ วาไรตี้ จำกัด.

ผู้แสดงความคิดเห็น ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2014-03-19 07:10:15


ความคิดเห็นที่ 10 (3592519)

“อาร์เอส” โชว์รายได้ปี 56 สูงเป็นประวัติการณ์ ทำกำไรนิวไฮ 400 ล้าน

“อาร์เอส” ปลื้มโชว์ผลประกอบการปี 2556 ทำสถิติใหม่สูงสุดนับตั้งแต่เปิดบริษัทมา เผยรายได้ทะลุ 3.4 พันล้านบาท เติบโตกว่า 20% ขณะที่โกยกำไรเฉียด 400 ล้านบาท เติบโตกว่า 30% ชี้ “ธุรกิจสื่อ” ยังเป็นดาวรุ่งทำยอดเกือบ 2 พันล้านบาท เติบโตกว่า 60% ระบุโดยเฉพาะ “สื่อทีวีดาวเทียม” เป็นพระเอกมาแรงต่อเนื่องดันค่าโฆษณากระฉูด พร้อมประกาศจ่ายปันผลรวม 35 สตางค์ต่อหุ้น
      
       นายดามพ์ นานา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีผลประกอบการปี 2556 สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมากว่า 30 ปี โดยมีรายได้รวม 3,483.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 611.2 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 21.3% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 394.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 110.2 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 38.8 % โดยมีรายได้จากธุรกิจสื่อเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
      
       ทั้งนี้ ในปี 2556 มีรายได้จากธุรกิจสื่ออยู่ที่ 1,986.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 793.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 66% เป็นผลมาจากการเติบโตของทีวีดาวเทียมทั้ง 5 ช่อง ได้แก่ ช่อง 8, ช่อง 2 สตาร์แม็กซ์, ช่องสบายดี ทีวี, ช่องยู ชาแนล และช่องซัน ชาแนล สามารถขายพื้นที่โฆษณาในรูปแบบต่างๆ ได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการพัฒนาคุณภาพของคอนเทนต์ การปรับเปลี่ยนผังรายการและรูปแบบรายการเพื่อให้เป็นที่น่าสนใจและดึงดูดให้มีผู้ชมรายการเพิ่มขึ้น โดยรายการที่ได้รับความนิยม ได้แก่ รายการ “บันเทิง 108”, “ปากโป้ง” และละครใหม่ที่ออกอากาศในปี 2556 ได้แก่ “กากับหงส์”, “ข้าวนอกนา”, “นางมาร”, “วิวาห์ป่าช้าแตก” และ “ผู้ชนะสิบทิศ” จากช่อง 8 รายการ “บันเทิงมื้อเที่ยง” และ “สดชื่น” จากช่อง “สบายดีทีวี” และ รายการ “คนดังนั่งเคลียร์” และ “Hi เอนเตอร์เทน” จากช่อง 2 สตาร์แม็กซ์ เป็นต้น
      
       รายได้จากธุรกิจสื่อยังมาจากผลการดำเนินงานของ 3 คลื่นวิทยุ ได้แก่ COOL Fahrenheit 93 ที่ครองเรตติ้งอันดับ 1 ในกลุ่ม Easy Listening ต่อเนื่องปีที่ 12, คลื่นสบายดี เรดิโอ 88.5 และ COOL Celsius 91.5 โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการปรับขึ้นราคาโฆษณาของคลื่น COOL Fahrenheit 93 ที่มีอัตราการใช้พื้นที่โฆษณาอยู่ในระดับสูง และมีรายได้จากการจัดกิจกรรมต่างๆของคลื่น รวมถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายไปสู่คลื่นเพลงสากล โดยบริษัทฯ ยังคงได้รับความนิยมจากผู้ฟังมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการฟังผ่านทางวิทยุ สื่อออนไลน์ และแอปพลิเคชัน อีกทั้งการจัดกิจกรรมต่างๆของแต่ละคลื่นที่ผ่านมายังคงได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าและผู้ฟังรายการเป็นอย่างดี
      
       นอกจากนี้ ธุรกิจสื่อยังมีรายได้จากการบริหารคอนเทนต์ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลลาลีกา สเปน การแข่งขันฟุตบอลถ้วย Copa del Rey และการแข่งขันนัดเหย้าของทีมชาติสเปนในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2014 โดยมีรายได้หลักมาจากการขายกล่อง “Sun Box” รายได้จากการขายโฆษณา และรายได้จากการต่อยอดลิขสิทธิ์ (Sublicensing) อีกด้วย
      
       สำหรับรายได้จากธุรกิจเพลงอยู่ที่ 777.2 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 12% เนื่องจากการลดลงของรายได้ดาวน์โหลดเพลง แต่อย่างไรก็ดีในปีที่ผ่านมาเพลง “รักต้องเปิด แน่นอก” ศิลปิน 3.2.1 feat. ใบเตย อาร์สยาม สร้างปรากฏการณ์ความนิยมอย่างสูง โดยมียอด View จาก YouTube กว่า 80 ล้านวิว ยอดฟังจาก Deezer ยอดดาวน์โหลดจากทุกค่ายมือถือ และ iTunes ในระดับสูงทุกช่องทาง
      
       ส่วนรายได้จากธุรกิจโชว์บิซอยู่ที่ 692.6 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 3% โดยมีคอนเสิร์ตและกิจกรรมหลักในปี 2556 ได้แก่ “RS Meeting Concert Return 2013” “Short Charge Shock Rock Return Concert” “Kamikaze K Fight Concert” “ลูกทุ่งเฟสติวัล ปี 3” และ “สบายดีสัญจร ปี 4” เป็นต้น
      
       จากการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง ทำให้สถานภาพทางการเงินของอาร์เอสมีความแข็งแกร่ง จึงมีข่าวดีสำหรับผู้ถือหุ้นอาร์เอส โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯอนุมัติการจ่ายเงินปันผลอีก 20 สตางค์ต่อหุ้น รวมกับเงินปันผลระหว่างกาล 15 สตางค์ต่อหุ้น เป็นทั้งหมด 35 สตางค์ต่อหุ้น โดยมติในการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวยังจะต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2557 ในวันที่ 24 เมษายน 2557
      
       อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปี 2557 เพื่อตอบโจทย์การเป็น Media Revolutionist 2014 ผู้ปฏิวัติวงการสื่อมุ่งพัฒนาคอนเทนต์ให้มีคุณภาพ เข้าถึงได้ง่าย หลากหลาย เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย และ Synergy กันระหว่างกลุ่มทุกธุรกิจทั้งคอนเทนต์และมีเดีย โดยตั้งเป้าปีนี้จะมีรายได้รวมอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท

ผู้แสดงความคิดเห็น ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2014-03-19 07:13:31


ความคิดเห็นที่ 11 (3592522)

Boeing เตรียมผลิต “มือถือสายลับ” ทำลายตัวเองได้

โบอิ้ง (Boeing) ผู้ออกแบบ ผลิต และจำหน่ายเครื่องบิน จรวด และดาวเทียมสัญชาติอเมริกัน ยื่นเอกสารต่อคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐฯหรือ FCC เพื่อขออนุญาตพัฒนาสมาร์ทโฟนสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเก็บข้อมูลของตัวเองเป็นความลับสุดยอด โดยจุดเด่นของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้คือสามารถทำลายตัวเองได้
      
       โบอิ้งระบุว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะใช้ชื่อเรียบง่ายว่า “แบล็ก (Black)” ตัวสมาร์ทโฟนใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ความสามารถในการทำลายตัวเองของเครื่องจะทำงานทันทีที่มีใครพยายามล้วงข้อมูลจากเครื่องโทรศัพท์
      
       การยื่นเอกสารครั้งนี้เกิดขึ้นตามหลังข่าวลือที่เชื่อว่าโบอิ้งกำลังพัฒนาสมาร์ทโฟนเพื่อสายลับตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว โดยในเอกสารระบุว่าเครื่องจะสามารถทำงานกับ 3 เทคโนโลยีเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่หลักของโลกอย่าง GSM, LTE และ WCDMA พื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่องทำบนพอร์ต USB, HDMI และซิมการ์ด แถมยังรองรับการทำงานบนเครือข่ายไร้สายอย่างบลูทูธ (Bluetooth) และไวไฟ (Wi-Fi) ครบถ้วน
      
       ความพิเศษของสมาร์ทโฟนนี้คือการปกป้องข้อมูลในเครื่อง จุดนี้โบอิ้งการันตีว่าฮาร์ดแวร์ของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะได้รับการยกเว้นจากข้อกำหนดในพ.ร.บ. Freedom of Information Act (FOIA) ซึ่งว่าด้วยเสรีภาพด้านข้อมูลสารสนเทศ

       โบอิ้งอ้างว่าเหตุที่ทำให้สมาร์ทโฟนเหล่านี้อยู่นอกเหนือเงื่อนไขของพ.ร.บ.นี้คือสมาร์ทโฟนเหล่านี้เป็นแหล่งเก็บ "ความลับทางการค้า" รวมถึงอาจถูกใช้เพื่อการเก็บข้อมูลที่มีความสำคัญกับความมั่นคงของชาติ ดังนั้น ผู้ใช้ทุกคนที่ต้องการซื้อสมาร์ทโฟน “Boeing Black” จะต้องลงนามในข้อตกลงว่าจะไม่เปิดเผยหรือยุ่งเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ของโทรศัพท์ รวมถึงซอฟต์แวร์ ประสิทธิภาพการทำงาน แอปพลิเคชัน และข้อมูลอื่น ๆ ที่โบอิ้งกำหนดว่าเป็น "ข้อมูลที่เป็นกรรมสิทธิ์" ซึ่งไม่อนุญาตให้บุคคลที่สามงัดแงะหรือแก้ไข
      
       จุดนี้ทำให้ Boeing Black ถูกผลิตในรูปสมาร์ทโฟนที่ถูกหุ้มด้วยวัสดุ “epoxy” รอบเคสและน็อตทุกตัวในเครื่อง การหุ้มนี้จะสามารถเป็นหลักฐานได้ว่ามีใครพยายามถอดชิ้นส่วนหรืองัดแงะอุปกรณ์หรือไม่ ซึ่งหากตรวจพบ ระบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จะทำลายข้อมูลทั้งหมดที่เก็บในเครื่องทันที
      
       จุดยืนของโบอิ้งเรื่องการเป็นผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ซึ่งอยู่เบื้องหลังระบบยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯนั้นทำให้ไม่น่าแปลกใจที่โบอิ้งจะหันมาพัฒนาระบบสื่อสารปลอดภัยสูงสำหรับใช้ในกองทัพ อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่าปี 2013 พนักงานของโบอิ้งมากกว่า 4 หมื่นคนยังคงใช้สมาร์ทโฟน ”แบล็กเบอรี่ (BlackBerry)” เพราะเหตุผลด้านความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งไม่แน่ว่าปี 2014 นี้พนักงานของโบอิ้งอาจจะเปลี่ยนมาใช้ Boeing Black แทนก็ได้

       ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า Boeing Black มีหน้าจอขนาด 4.3 นิ้ว ความละเอียด 540x960 พิกเซล ซีพียูดูอัลคอร์ความเร็วนาฬิกา 1.2 กิกะเฮิรตซ์ ระบบรองรับ 2 ซิมการ์ด สามารถทำงานบนเครือข่าย 4G LTE น้ำหนัก 170 กรัม
 

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-03-19 07:18:43


ความคิดเห็นที่ 12 (3592534)

ญี่ป่นประสบความสำเร็จส่งดาวเทียมไฮเทคสู่อวกาศ ตรวจจับฝน-พายุทั่วโลก

(แฟ้มภาพ) จรวด H-IIA ณ ฐานบนเกาะแห่งหนึ่งทางใต้ของญี่ปุ่น และในเช้ามืดวันศุกร์(28) มันก็ถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศแล้ว
 
 
       เอเอฟพี - ญี่ปุ่นในวันศุกร์ (28 ก.พ.) ประสบความสำเร็จในการยิงจรวดส่งดาวเทียมเทคโนโลยีชั้นสูงขึ้นสู่อวกาศ สำหรับคอยตรวจตราปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาทั่วโลกและช่วยเหล่านักพยากรณ์อากาศทำนายพายุได้แม่นยำมากยิ่งขึ้นด้วย
      
       สำนักงานสำรวจอวกาศญี่ปุ่น (เจเอเอ็กซ์เอ) ของญี่ปุ่นเปิดเผยว่าจรวด H-IIA ติดตั้งดาวเทียมในโครงการ Global Precipitation Measurement (GPM) ถูกปล่อยออกจากฐานบนเกาะแห่งหนึ่งทางภาคใต้ของประเทศ ตอนเวลา 03.37 น.ของวันศุกร์ (28) ตรงกับเมืองไทย 01.37 น. ซึ่งเป็นไปตามกำหนดการที่วางไว้
      
       ดาวเทียมดวงนี้ เป็นโครงการร่วมระหว่างองค์การอวกาศของสหรัฐฯ และญี่ปุ่น (NASA & JAXA) โดยมันถูกออกแบบมาสำหรับรวบรวมข้อมูลจากดาวเทียมดวงอื่นๆในวิถีโคจรและยังสามารถตรวจวัดเพื่อสร้างรายละเอียดภาพถ่ายของฝนที่ตกลงมาทั่วโลกได้ด้วยตัวมันเอง
      
       นักอุตุนิยมวิทยาบอกว่า ดาวเทียวมดวงนี้จะทำให้ได้รายละเอียดและแผนที่ปริมาณน้ำฝนทั่วโลกที่สมบูรณ์กว่าเดิม ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาพยากรณ์เหตุการณ์ร้ายแรงอย่างเช่นพายุไต้ฝุ่นหรืออุทกภัยได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น
      
       ก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี (27) โคอิชิ วากาตะ มนุษย์อวกาศชาวญี่ปุ่น ซึ่งเวลานี้อยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติ กับ ริค มาสทรัคชิโอ มนุษย์อวกาศของนาซาและมิฮาอิล ตีย์ริน จากรัสเซีย โพสต์บอกกับผู้ติดตามกว่า 74,000 คนบนทวิตเตอร์ส่วนตัวว่าเขาหวังว่าการยิงจรวดครั้งนี้จะเป็นไปอย่างราบรื่น “จากสถานีอวกาศนานาชาติ ผมภาวนาให้มันประสบความสำเร็จ”

ผู้แสดงความคิดเห็น ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2014-03-19 07:24:08


ความคิดเห็นที่ 13 (3592549)

คาดร่างประกาศฯ ดาวเทียมมีผลบังคับใช้เดือน พ.ค.นี้

คณะอนุกรรมการฯ ดาวเทียมคาดออกร่างประกาศฯ ดาวเทียมได้เดือน พ.ค.นี้ พร้อมโต้นักวิชาการ “ไทยคม” ไม่ต้องประมูลวงโคจรและคลื่นความถี่

นายธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ ประธานคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการอนุญาตและกำกับดูแลกิจการบริการดาวเทียมสื่อสาร กล่าวว่า หลังจากได้เปิดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการอนุญาต และกำกับดูแลกิจการบริการดาวเทียมสื่อสาร เมื่อเดือน ม.ค. 2557 ที่ผ่านมานั้น เบื้องต้นคาดว่าร่างประกาศฯ ดังกล่าวจะสามารถนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ได้ภายในเดือน พ.ค. 2557 นี้ และจะสามารถประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาได้ในปลายเดือน พ.ค.เพื่อมีผลบังคับใช้ต่อไป

ทั้งนี้ ในการประชุมโฟกัสกรุ๊ปในเรื่องหลักการต่างๆ ที่ผ่านมาไม่มีอะไรติดขัด แต่เรื่องที่จะต้องมาหารือกันคือเรื่องวงโครจร และคลื่นความถี่จะต้องมีการประมูลหรือไม่ ซึ่งยังมีความเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับองค์ประกอบวงโคจร และคลื่นความถี่ที่ได้มาเนื่องจากวงโครจร และคลื่นความถี่ไม่ได้อยู่ภายใต้อธิปไตยของประเทศไทย แต่วงโคจรและคลื่นความถี่นี้อยู่ภายใต้กติกาของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) โดยขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างประเทศ

ส่วนความเห็นของนักวิชาการในงานเสวนาเรื่อง ข้อพิจารณาด้านกฎหมายเกี่ยวกับการกำกับกิจการให้บริการดาวเทียมสื่อสารของประเทศไทยเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2557 ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการกำกับกิจการให้บริการดาวเทียมสื่อสารของประเทศไทย ได้แก่ 1. เรื่องการให้บริการดาวเทียมสื่อสารมีการใช้คลื่นความถี่ และเรื่องคลื่นความถี่กับตำแหน่งวงโครจรที่เป็นสิ่งควบคู่กัน โดยในมุมมองทางกฎหมายของไอทียูให้น้ำหนักกับคลื่นความถี่ และเป็นผู้ให้การรับรองสิทธิในการตกลงแบ่งสรรการใช้คลื่นความถี่ของประเทศต่างๆ 2. ผู้ให้บริการที่สถานีภาคพื้นดินไม่ควรเป็นผู้มีหน้าที่ประมูลคลื่นความถี่ที่กำหนดในมาตรา 45 ภายใต้ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 (พ.ร.บ.กสทช.) 3. การออกใบอนุญาตประกอบกิจการดาวเทียมควรออกเป็นรายฉบับสำหรับดาวเทียมแต่ละตำแหน่ง

ทั้งนี้ นายธานีรัตน์กล่าวว่า กสทช.มีหน้าที่คือ 1. พิจารณาออกใบอนญาตและกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมที่ครอบคลุมถึงการใช้คลื่นความถี่ สื่อสารผ่านดาวเทียมภายในประเทศ ตามมาตรา 27 (4) พ.ร.บ.กสทช. 2. ประสานงานคลื่นความถี่ทั้งในและนอกประเทศตามข้อบังคับไอทียู มาตรา 27 (14) พ.ร.บ.กสทช.

ดังนั้น การใช้งานวงโครจรและคลื่นความถี่ในอวกาศไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจการกำกับดูแลของประเทศ จึงเป็นเหตุผลที่ว่า บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ในฐานะเป็นผู้ประกอบการดาวเทียมไม่ได้ขอรับจัดสรรคลื่นความถี่ภายในประเทศจาก กสทช. จึงไม่ต้องดำเนินการประมูลตามมาตรา 45 แห่ง พ.ร.บ.กสทช.

ขณะที่การใช้คลื่นความถี่สำหรับการให้บริการในภาคพื้นดิน จะถูกดำเนินการโดยผู้ให้บริการดาวเทียมสื่อสาร หรือ Satellite Provider ซึ่งเป็นเจ้าของสถานีภาคพื้นดินและเป็นผู้ให้บริการอัปลิงก์ (Uplink) และดาวน์ลิงก์ (Down Link) ซึ่งหากไม่มีการส่งสัญญาณอัปลิงก์จากสถานีภาคพื้นดินแล้ว การใช้งานคลื่นความถี่ในการให้บริการจะไม่เกิด ดังนั้น ผู้ให้บริการดาวเทียมสื่อสารที่เป็นเจ้าของสถานีภาคพื้นดินถือเป็นผู้ใช้คลื่นความถี่โดยตรงในการให้บริการ และจะต้องดำเนินการประมูลคลื่นความถี่ตามมาตรา 45 พ.ร.บ.กสทช.

นอกจากนี้ กิจการที่ใช้คลื่นความถี่ของสถานีภาคพื้นดินจะต้องประมูลคลื่นความถี่เช่นเดียวกัน โดยปัจจุบันผู้ที่ให้บริการอัปลิงก์ผ่านดาวเทียมสื่อสาร เช่น บริษัทที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม และรถส่งสัญญาณดาวเทียมภาคพื้นดินเคลื่อนที่ (โอบี), การให้บริการจัดเรียงช่อง (OTA) ที่ปัจจุบัน บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ให้บริการอยู่

“ปัจจุบันคลื่นความถี่ภาคพื้นดินในหลายประเทศไม่ได้นำมาประมูล แต่เนื่องจากกฎหมายไทยกำหนดไว้ว่าคลื่นความถี่ทุกคลื่นจะต้องนำมาจัดประมูลตาม พ.ร.บ.กสทช. ซึ่งในตอนนี้คณะอนุฯ เตรียมที่จะเสนอแนวคิดการจัดทำกฎหมายเฉพาะ หรือ พ.ร.บ.กิจการดาวเทียมสื่อสาร พ.ศ....”

ผู้แสดงความคิดเห็น ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2014-03-19 07:30:02



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.