ReadyPlanet.com


ข่าวดาวเทียมวันที่ 18กันยายน2014


"ไทยคม"ออกบอนด์เคลียร์หนี้4พันล้าน



ไทยคมออกบอนด์เคลียร์หนี้4พันล. หนุนแผนยิงดาวเทียม 2-3ปีข้างหน้า-หารือกสทช.ดึงดาวเทียมชั่วคราวรับทีวีดิจิทัล

"ศุภจี" ล็อกเป้ายิงไทยคม 7 ปลายเดือนนี้หนุนบริการสื่อสารโทรคมนาคม ลุยออกบอนด์ 4 พันล้าน หวังโป๊ะหนี้ 170 ล้านดอลลาร์ สร้างสภาพคล่อง เดินหน้าคุย กสทช.ขอลากดาวเทียมชั่วคราวแทนไทยคม 8 ที่มีกำหนดยิงปี 59 รับดีมานด์ทีวีดิจิทัล ตั้งเป้าปีนี้รายได้โต 18% หลังเทิร์นอะราวด์องค์กรมา 2 ปีเต็ม

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยคม กล่าวว่า ปัจจุบันไทยคมให้บริการดาวเทียมอยู่ 2 ดวง คือ ไทยคม 5 ตำแหน่ง 78.5 องศาตะวันออกสำหรับแพร่ภาพสัญญาณทีวีดาวเทียม โดยขณะนี้ทรานสปอนเดอร์เต็มหมดแล้ว และอีกดวงคือไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) ตำแหน่ง 119.5 องศาตะวันออก โดยแผนงานของบริษัทอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะมีการยิงดาวเทียมดวงใหม่อีก 3 ดวง ได้แก่ ไทยคม 7 กำหนดยิงปลายเดือนส.ค.-ก.ย.นี้ ไทยคม 8 ในตำแหน่ง 78.5 องศาตะวันออก พร้อมยิงปี 2559 และไทยคม 9 ตำแหน่ง 50.5 องศาตะวันออกแต่ยังไม่มีกำหนดยิง

ในส่วนของไทยคม 7 ที่จะยิงเดือนหน้านี้ มีมูลค่ามากกว่า 170 ล้านดอลลาร์ ซึ่งไทยคมมีกำหนดชำระหนี้เป็นงวดๆ ดังนั้นบริษัทจึงมีแผนออกพันธบัตร (บอนด์) เป็นเงินมูลค่า 3,000-4,000 ล้านบาท เพื่อทำให้บริษัทมีความคล่องตัวด้านการเงินสำหรับการยิงไทยคมดวงอื่น และทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดมากขึ้นจากปัจจุบันมีอยู่เฉลี่ยปีละ 3,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ไทยคม 7 จะเป็นดาวเทียมสื่อสารโทรคมนาคม เน้นการรับส่งข้อมูลในปริมาณมากๆ ทำการตลาดแบบขายให้ผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือใช้สำหรับเป็นโครงข่ายสำรอง


"ไทยคมใช้เวลา 2 ปี ในการเทิร์นอะราวด์องค์กร พยายามขายแบนด์วิธและยูทีของทรานสปอนเดอร์ดาวเทียมให้ได้มากที่สุด โดยไอพีสตาร์เดิมขายทรานสปอนเดอร์ได้ 20% ของปริมาณความจุโครงข่าย (คาปาซิตี้) ทั้งหมดแต่ปัจจุบันขายได้แล้ว 53-54% ความจุ ซึ่งเท่ากับว่าไอพีสตาร์ถึงจุดคุ้มทุน ทำให้ในปีนี้คาดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตได้ราว 18%"

นางศุภจี กล่าวว่า การเติบโตในอุตสาหกรรมโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เคเบิล และการเปลี่ยนผ่านจากระบบอนาล็อกมาเป็นทีวีดิจิทัล ทำให้ไทยคมมีช่องทรานสปอนเดอร์ไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ประกอบการภายในประเทศที่เดิมไทยคม 5 ให้บริการอยู่

ดังนั้น ไทยคมจึงมีแผนยิงไทยคม 8 ในปี 2559 แต่อาจช้าเกินไป และเพื่อรองรับความต้องการไทยคมจึงขอหารือกับคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อหาดาวเทียมชั่วคราว (อินเทอร์ริม) ที่มีอยู่แล้วในวงโคจร หรือกำลังมีแผนยิงใน 1-2 เดือน ลากมาอยู่ชั่วคราวในวงโคจร 78.5 องศาตะวันออก และให้บริการไปชั่วคราวก่อนดวงจริงจะยิงขึ้นสู่วงโคจร โดยไทยคม 8 มีฟุตพรินท์ให้บริการเหนือไทย-อินโดไชน่า 12 ทรานสปอนเดอร์ และอินเดีย-แอฟริกาอีก 12 ทรานสปอนเดอร์

"บรอดคาสต์น่าจะโตแบบก้าวกระโดดไปอีก 2-3 ปี การแข่งขันของผู้ประกอบการจะดุเดือดทุกคนต้องการนำเสนอคอนเทนท์เด่นๆ เพื่อเพิ่มอายบอลผ่านระบบความคมชัดสูง (เอชดี) หรือแม้แต่ความคมชัดปกติ (เอสดี) สิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยแบนด์วิธเยอะๆ ดังนั้นเราต้องพยายามหาดาวเทียมดวงชั่วคราวมารองรับดีมานด์ที่ล้นตลาดอยู่ขณะนี้ให้ได้มากที่สุด จากนั้นมองว่าตลาดจะค่อยๆ อิ่มตัวและอาจเห็นการควบรวมธุรกิจ"

สำหรับการเข้ามาทำงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นางศุภจี กล่าวว่า เป็นผลดีกับไทยคมเพราะทำให้มีการจัดระเบียบช่องทีวีดาวเทียมที่ไม่มีความเหมาะสม เช่น ลามก อนาจาร หรือการโฆษณาขายของเกินจริงและไม่ผ่านองค์การอาหารและยา (อย.) เนื่องจากที่ผ่านมา การกระทำผิดดังกล่าวต้องรอกสทช.เป็นผู้สั่งให้ปิดสถานีแต่ต้องใช้เวลานาน

 



ผู้ตั้งกระทู้ Admin :: วันที่ลงประกาศ 2014-09-18 08:04:54


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3707709)

ติดดาวเทียมดูวาฬบรูด้าอพยพ

นายชลทิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ทช.ได้ศึกษาเรื่องพฤติกรรมของวาฬบรูด้าร่วมกับนักวิจัยจากประเทศญี่ปุ่น ทีมงาน Thaiwhales ซึ่งมีการบันทึกเสียงร้องของวาฬบรูด้าโดยใช้ถ้วยดูด และการศึกษาการอพยพย้ายถิ่นด้วยการติดเครื่องส่งสัญญาณดาวเทียม ซึ่งสามารถติดอุปกรณ์บันทึกเสียง กล้องวีดิโอและอุปกรณ์เก็บข้อมูลการเคลื่อนที่ของวาฬบรูด้าสามารถติดได้นาน 1 ชั่วโมง 20 นาที โดยบันทึกเสียงร้องของวาฬบรูด้าได้เป็นครั้งแรกของโลก ขณะนี้ผลการศึกษาอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูล

ส่วนด้านการติดเครื่องส่งสัญญาณดาวเทียมนั้น เจ้าหน้าที่สามารถติดอุปกรณ์ดังกล่าวกับวาฬบรูด้า 4 ตัว โดยวาฬบรูด้าที่ชื่อ “เจ้าเมษา” สามารถรับข้อมูลได้นานที่สุด 12 วัน โดยข้อมูลที่สำคัญ คือ มีการเดินทางเป็นระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร จากอ่าวไทยตอนบนไปถึง จ.ชุมพร ในระยะเวลาเพียง 3 วัน ซึ่งในปลายปีนี้ ทช.จะมีการศึกษาพฤติกรรมต่างๆดังกล่าวอีก เพื่อเข้าใจพฤติกรรมต่างๆของวาฬบรูด้ามากขึ้น จะช่วยให้เกิดการอนุรักษ์วาฬบรูด้าอย่างยั่งยืนต่อไป.

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 08:09:12


ความคิดเห็นที่ 2 (3707710)

กรมป่าไม้เตรียมนำร่องนำภาพดาวเทียมตรวจบุกรุกป่า จ.พิษณุโลก 
 นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า จากการตรวจสอบการบุกรุกป่าใน จ.พิษณุโลก พบว่า อ.วังทอง วัดโบสถ์ นครไทย และชาติตระการ เจ้าหน้าที่จะต้องเข้าปราบปรามการบุกรุกป่าอย่างจริงจัง โดยมาตรการแรกจะเพิ่มเจ้าหน้าที่บุคลากร อุปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนหน่วยพิทักษ์ป่ามากขึ้น ส่วนมาตรการต่อไปจะมีการเน้นย้ำให้มีการลาดตระเวนพื้นที่ป่า โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาตรวจสอบ ทั้งการเดิน และการถ่ายภาพทางอากาศ ถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพป่าทั้งอดีตและปัจจุบัน ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (5 ส.ค.) กรมป่าไม้จะร่วมกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ และภูมิสารสนเทศ หรือ จิสด้า ลงนามข้อตกลงในการนำภาพถ่ายดาวเทียมพื้นที่ป่าทั่วประเทศมาใช้ใน จ.พิษณุโลก เป็นพื้นที่นำร่อง พร้อมกับจะนำเครื่องบินอากาศยานไร้คนขับ มาบินตรวจป่าในพื้นที่จุดเสี่ยง เพื่อตรวจสอบการบุกรุกด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 08:12:27


ความคิดเห็นที่ 3 (3707716)

ญี่ปุ่นวางแผนตั้ง “กองกำลังทหารอวกาศ” หมายกระชับสัมพันธ์ทางอวกาศกับสหรัฐฯ

เอเอฟพี - สำนักข่าวแดนอาทิตย์อุทัยรายงานว่า ญี่ปุ่นกำลังมีแผนก่อตั้ง “กองกำลังทหารอวกาศ” ขึ้นมาภายในปี 2019 เพื่อเริ่มดำเนินภารกิจป้องกันดาวเทียมจาก อันตรายของขยะอวกาศที่โคจรรอบโลก
      
       สำนักข่าวเกียวโดรายงานวานนี้ (3 ส.ค.) ว่าแผนการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ ในการดำเนินภารกิจบนอากาศ โดยเป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น ภายหลังที่ทั้งสองประเทศให้คำมั่นว่าจะส่งเสริมภารกิจตรวจตรา “ขยะอวกาศ” ร่วมกัน
      
       เกียวโดรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวซึ่งไม่ประสงค์ออกนามว่า ญี่ปุ่นจะมอบข้อมูลข่าวสาร ที่กองกำลังทหารอวกาศได้มาให้แก่กองทัพอเมริกัน โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือเพื่อกระชับสายสัมพันธ์บนอวกาศ ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ “สนามรบแห่งที่สี่” (fourth battlefield)
      
       รายงานข่าวระบุเพิ่มเติมว่า กระทรวงกลาโหมของแดนอาทิตย์อุทัยกำลังเล็งก่อตั้งกองกำลังขึ้นมาใหม่ โดยจะสรรหากำลังพลจากกองกำลังป้องกันตนทางอากาศ หรือกองทัพอากาศของญี่ปุ่น
      
       เกียวโดเปิดเผยว่า ทหารหน่วยนี้จะใช้อุปกรณ์ตรวจจับวัตถุเคลื่อนที่ (เรดาร์) และกล้องโทรทรรศน์ ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ และองค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น (JAXA) ในการดำเนินภารกิจสังเกตการณ์ตามที่ได้รับมอบหมาย
      
       ทั้งนี้ มีขยะอวกาศหลายพันชิ้น รวมถึงดาวเทียมเก่าๆ ตลอดจนชิ้นส่วนจรวด และอุปกรณ์อวกาศประเภทอื่นๆ โคจรอยู่รอบโลกของเรา และมีความเสี่ยงที่ขยะพวกนี้จะพุ่งชนระบบสื่อสาร และดาวเทียมตรวจการณ์ที่ยังใช้การได้

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ข่าวดาวเทียม วันที่ตอบ 2014-09-18 08:17:43


ความคิดเห็นที่ 4 (3707718)

ภาพถ่ายดาวเทียมชี้ “โสมแดง” ดันแผนผลิตยูเรเนียม - พลูโตเนียม “เกรดสูง” ระดับผลิตอาวุธนิวเคลียร์

แฟ้มภาพ) คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตกระเบื้อง ในจังหวัดพย็องอันใต้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (4 ส.ค.)
 
 
       เอเอฟพี - สถาบันวิจัยของสหรัฐฯ ระบุวันนี้ (7 ส.ค.) ว่า ภาพถ่ายจากดาวเทียมเมื่อเร็วๆ นี้ชี้ว่า โสมแดงกำลังดำเนินกิจกรรมซึ่งมุ่งเน้นการผลิตพลูโตเนียม และยูเรเนียมสมรรถนะสูง ที่สามารถนำมาผลิตอาวุธได้ ภายในศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
      
       สถาบันวิทยาศาสตร์และความมั่นคงระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (ISIS) ระบุในรายงานว่า ภาพถ่ายศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ยองเบียน ของเกาหลีเหนือ ที่ดาวเทียมเก็บภาพไว้ได้เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่ามีการระบายน้ำออกมาจากเครื่องปฏิกรณ์พลังงาน 5 เมกะวัตต์อันเก่าแก่ของโสมแดง ซึ่งน้ำเหล่านี้เป็นผลิตผลของระบบหล่อเย็นทุติยภูมิ (secondary cooling system)
      
       รายงานฉบับนี้ระบุว่า “อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเราไม่มีข้อมูลมากไปกว่านี้ เป็นต้นว่า รายละเอียดในเรื่องขั้นตอนการผลิตไอน้ำปกติ จึงยากที่จะระบุได้ว่า เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์มีสถานภาพเชิงปฏิบัติการเช่นไร ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่ยังคาดคะเนไม่ได้ว่า เกาหลีเหนือจะสามารถผลิตพลูโตเนียมได้ในปริมาณเท่าใด”
      
       ทั้งนี้ เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของเปียงยางซึ่งสามารถผลิตพลูโตเนียมได้ 6 กิโลกรัม ต่อปี ซึ่งเป็นปริมาณที่มากพอจะผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้ 1 ลูกนั้นถูกปิดใช้งานไปตั้งแต่ปี 2007 เมื่อเกาหลีเหนือทำข้อตกลงรับความช่วยเหลือ โดยแลกกับการยอมปลดอาวุธนิวเคลียร์
      
       อย่างไรก็ตาม ภายหลังการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งสุดท้ายในปี 2013 เกาหลีเหนือก็เริ่มลงมือปรับปรุงเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และภาพถ่ายจากดาวเทียมก่อนหน้านี้ก็ชี้ให้เห็นว่า เตาปฏิกรณ์เครื่องนี้ถูกเปิดใช้งานตามปกติอีกครั้งตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว
      
       ภาพถ่ายล่าสุดยังเผยให้เห็นด้วยว่า เปียงยางยังเดินหน้าก่อสร้างโรงงานแบบหมุนเหวี่ยงแก๊สเพื่อเสริมสมรรถนะยูเรเนียมที่ศูนย์วิจัยดังกล่าว
      
       ทางด้านเกาหลีเหนือแถลงว่า ได้อุทิศโรงงานแห่งนี้ให้การผลิตยูเรเนียมสมรรถนะต่ำ เพื่อป้อนเข้าเครื่องปฏิกรณ์แบบน้ำมวลเบา (LWR) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างสงสัยกันว่า เป้าหมายที่แท้จริงของโสมแดงคือ การผลิตยูเรเนียมสมรรถนะสูงที่สามารถนำมาผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้
      
       ภาพถ่ายก่อนหน้านี้เผยให้เห็นว่า เกาหลีเหนือได้ขยายขนาดโรงงานหมุนเหวี่ยงวัสดุนิวเคลียร์ให้ใหญ่ขึ้นเป็น 2 และ ISIS ชี้ว่า ดูเหมือนว่าปีนี้เกาหลีเหนือได้ติดตั้งเครื่องหมุนเหวี่ยงแยกยูเรเนียมหลายเครื่องภายในโรงงานใหม่แห่งนี้
      
       รายงานฉบับนี้ระบุว่า โดยภาพรวมภาพถ่ายเมื่อล่าสุดกอปรกับข้อมูลที่ ISIS รวบรวมได้ชี้ว่าเกาหลีเหนือกำลัง “มุ่งเน้นการผลิตพลูโตเนียมสมรรถนะสูงที่สามารถผลิตอาวุธได้ ตลอดจนยูเรเนียมความเข้มข้นสูงเพื่อโครงการนิวเคลียร์ของประเทศ”
      
       ในเวลานี้ เชื่อกันว่าเปียงยางครอบครองพลูโตเนียมในปริมาณที่สามารถผลิตระเบิดปรมาณูได้ 6 ลูก ภายหลังที่ใช้บางส่วนในคลังแสง เพื่อทดสอบนิวเคลียร์ไปอย่างน้อย 2 ครั้ง จากการทดสอบทั้งหมด 3 ครั้ง
      
       ISIS ได้ประมาณการว่า การขยายขนาดโรงงานหมุนเหวี่ยงวัสดุนิวเคลียร์อาจจะทำให้โสมแดงสามารถผลิตยูเรเนียมความเข้มข้นสูงที่สามารถผลิตอาวุธได้มากถึง 68 กิโลกรัมต่อปี ซึ่งมากพอที่จะทำระเบิดนิวเคลียร์ได้ 3 ลูก และยังเหลืออีกในปริมาณเล็กน้อย

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 08:20:58


ความคิดเห็นที่ 5 (3707722)

มันอาละวาดอีกแล้วแก๊งลักจานดาวเทียมติดรถยนต์


 พระนครศรีอยุธยา - มันกลับมาอาละวาดอีกแล้ว แก๊งลักจานดาวเทียมติดรถยนต์ คราวนี้กล้องวงจรปิดจับภาพได้ชัดเจน ตำรวจอยุธยาสั่งล่าตัวมาดำเนินคดี
      
       วันนี้ (6 ส.ค.) พ.ต.ต.วัลลภ เมืองลอย พนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งจาก นายคุณพระ ไทยสม อายุ 26 ปี ว่า รถยนต์ตู้สีดำ ยี่ห้อฮุนได หมายเลขทะเบียน ฮต 3062 กรุงเทพมหานคร ของตนซึ่งจอดไว้บริเวณด้านหน้าพระคุณเกสต์เฮาส์ ตั้งอยู่ริมถนนนเรศวร เลขที่ 17/18 ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุะยา ถูกคนร้ายขโมยจานดาวเทียมแบบติดหลังคารถยนต์ไป
      
       จึงเดินทางไปตรวจสอบพบว่า คนร้ายได้ใช้ไขควงงัดจานดาวเทียมที่ติดอยู่บนหลังคารถแล้วตัดสายนำสัญญาณห้อยทิ้งเอาไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บลายนิ้วมือแฝงเอาไว้เป็นหลักฐาน โดยภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพคนร้าย พฤติกรรมขณะก่อเหตุได้ชัดเจน ซึ่งก่อเหตุในช่วงเวลาประมาณ 03.30 น. ของวันที่ 6 สิงหาคม
      
       โดยคนร้ายเป็นชายวัยรุ่นสวมหมวกกันน็อกสีขาว ขับขี่รถจักรยานยนต์แบบหญิงสีขาวแดง สะพายกระเป๋าข้างตัว ได้เข้าจอดด้านข้างรถ โดยนั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์เพื่อดูลาดเลา เมื่อได้จังหวะคนร้ายได้ยืนขึ้นบนเบาะรถจักรยานยนต์แล้วใช้ไขควงงัดจานดาวเทียมออกแล้วตัดสายนำสัญญาณ ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
      
       นายพระคุณ กล่าวว่า ตนจะจอดรถไว้บริเวณนี้ประจำเพราะเห็นว่าไฟฟ้าส่องสว่าง และเป็นถนนที่รถยนต์สัญจรไปมาตลอดทั้งคืน เป็นแหล่งที่พักของเกสต์เฮาส์ของชาวต่างชาติจำนวนมาก และอยู่กลางเกาะเมืองไม่คิดว่าคนร้ายจะกล้าก่อเหตุ จนเมื่อช่วงสายวันนี้ตนออกมาดูสังเกตเห็นว่าจานดาวเทียมได้หายไป จึงได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
      
       “เชื่อว่าคนร้ายน่าจะนำไปขายตามร้านประดับยนต์ได้ในราคาจานละประมาณ 1,000-2,000 บาท ถ้าติดตั้งใหม่ อยู่ที่ราคาประมาณ 15,000 บาท”
      
       ด้าน พ.ต.ต.วัลลภ เมืองลอย พนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จากการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดพบคนร้ายอย่างชัดเจน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งตรวจสอบรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ และลักษณะรูปพรรณคนร้ายจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด
 
 
 

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 08:28:29


ความคิดเห็นที่ 6 (3707734)

คสช. ไม่การันตี 12 ช่องดาวเทียมได้ออกอากาศ

คสช.-กสทช. เรียกหารือผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม 12 ช่องที่ถูกระงับการออกอากาศ หวังให้ปฏิบัติตามเงื่อนไข ชี้ยังไม่สามารถบอกได้จะอนุญาตให้ออกอากาศได้หรือไม่...

วันที่ 7 ส.ค. พลตรี สุชาติ ผ่องพุฒิ รองเจ้ากรมการทหารสื่อสาร หัวหน้าคณะ ทำงานติดตามสื่อ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.เปิดเผยว่า วันนี้ ได้เรียก 12 ช่อง ที่ถูกระงับการออกอากาศมาหารือ เพื่อให้ทำตามเงื่อนไข 3 ข้อ ที่คสช. กำหนด ได้แก่ การเปลี่ยนชื่อช่องรายการ /การปรับผังรายการ และห้ามละเมิดคำสั่งตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 97/2557 เรื่อง การให้ความร่วมมือต่อการปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ เพื่อให้การปฏิบัติงานของ คสช.เป็นไปได้ความเรียบร้อย และเพื่อให้การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไปสู่ประชาชน เป็นไปด้วยความถูกต้อง ปราศจากการบิดเบือน และความเข้าใจผิด อันจะส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม รวมทั้งยินดีการออกอากาศรายการสร้างความปรองดองด้วย ซึ่งที่ผ่านมาทั้ง 12 ช่อง ก็บอกว่า ได้รับผลกระทบเรื่องรายได้ที่ขาดหาย และมีภาระค่าใช้จ่ายเรื่องการบริหารจัดการ

หัวหน้าคณะทำงานติดตามสื่อ คสช. กล่าวด้วยว่า ยังไม่สามารถบอกได้ว่า หลังจากพิจารณาแล้วจะอนุญาตให้ออกอากาศได้ หรือไม่ เพราะต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กสทช.อีกครั้ง

นายวิทเยนทร์ มุตตามระ กรรมการผู้จัดการ สถานีโทรทัศน์ บลูสกาย กล่าวสั้นๆ ว่า ตั้งแต่ถูกระงับการออกอากาศ สถานีได้รับผลกระทบประมาณ 10 ล้านบาทต่อเดือน

นายประเมนทร์ ภักดิ์วาปี ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี บริษัท เอเอสทีวี กล่าวว่า สถานีพร้อมปฏิบัติตาม และเตรียมยื่นเอกสารทั้งหมดต่อ กสทช. ภายใน 1-2 วันนี้

สำหรับรายชื่อ 12 ช่องที่ถูกระงับการออกอากาศ ได้แก่

1. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม MV 5
2. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม DNN
3. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม UDD
4. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเชียอัพเดท
5. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม P& P
6. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมโฟร์แชนแนล
7. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม Bluesky
8. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม FMTV
9.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ASTV
10. สถานีดาวเทียมฮอตทีวี
11. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเร็สคิ้ว และ
12.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูประเทศ หรือ คปท.

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 08:35:57


ความคิดเห็นที่ 7 (3707739)

คสช.เปิดอบรมการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จังหวัดสุพรรณบุรี พลโทสุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานพิธีเปิดอบรมการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมตามแนวพระราชดำริ ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมวาสิฏฐี อำเภอเมืองสุพรรณบุรี ระหว่างวันที่ 13-26 สิงหาคม 2557 โดยมี ดร.กมล รอดคล้าย รองเลขาธิการ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)กล่าวรายงานวัตถุประสงค์

เนื่องจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาด้านการจัดการศึกษา ในโรงเรียนขนาดเล็กที่ประสบปัญหาครูไม่ครบชั้น ครูสอนไม่ตรงสาขาวิชาเอก และครูบางส่วนสอนโดยไม่ใช้สื่อ ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ ทำให้นักเรียนในโรงเรียนขนาดเล็กขาดโอกาสและความเท่าเทียมกับนักเรียนในโรงเรียนขนาดใหญ่หรือโรงเรียนที่อยู่ในเมือง

คสช.จึงมอบนโยบายให้กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการศึกษาและขยายผลโครงการการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมไปยังพื้นที่อื่นๆ เนื่องจากโครงการการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เกิดขึ้นตามแนวพระราชดำริ จึงดำเนินการเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2557 และเพื่อให้สามารถขยายผลโครงการดังกล่าวให้เป็นรูปธรรมได้โดยเร็ว จึงจัดกิจกรรมสำคัญได้แก่ การจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม 15,523 โรงเรียน อบรมผู้บริหารและครูปลายทาง 124,000 คน ทดลองจัดการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียมในเดือนกันยายน นิเทศ กำกับ ติดตาม ประเมินและสรุปผลการดำเนินการ และเริ่มจัดการเรียนการสอนเต็มพื้นที่ทั่วประเทศในภาคเรียนที่ 2 ของปี

ในส่วนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 1 ได้ทำโครงการการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมเฉลิมพระเกียรติมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวนั้น มีผลทำให้นักเรียนมีผลการเรียนดีขึ้น ผลการสอบ NT และ O-Net สูงขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนเริ่มโครงการ รวมทั้งนักเรียนยังได้พัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง ครูพัฒนาทักษะการสอน และลดภาระการเตรียมการสอนลงอีกด้วย จึงนำร่องจัดอบรมการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ศึกษานิเทศก์ และผู้เกี่ยวข้อง 183 เขต เข้าร่วมอบรมดังกล่าว

วันที่โพสข่าว : 14 สค. 2557 เวลา 17:03 น.

 

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 08:38:18


ความคิดเห็นที่ 8 (3707741)

AJP เผยกำลังศึกษาลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์ม เล็งขยายธุรกิจดาวเทียมเดิม

AJP เผยกำลังศึกษาลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์ม เล็งขยายธุรกิจดาวเทียมเดิม โดยการศึกษาข้อมูลและเพื่อการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างเคร่งครัด บริษัทจึงยังไม่เปิดเผยข้อมูลทางธุรกิจของบริษัทฯ ก่อนที่จะมีการรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยบริษัทจะนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นพิจารณาต่อไป

บริษัท เอเซีย จอยท์ พาโนราม่า จำกัด (มหาชน) หรือ AJP ระบุว่า เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและหรือผู้ลงทุนได้มีข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างครบถ้วน เนื่องจากสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากวันก่อนหน้า

บริษัท ขอชี้แจงเหตุผลที่บริษัทได้เปลี่ยนแปลงข้อความชี้แจง Trading Alert List ในการตัดเรื่องการเพิ่มทุนออก เนื่องจากรายงานภาษาไทยและรายงานภาษาอังกฤษบางข้อความไม่ตรงกันเกิดจากความผิดพลาดในการรายงานของบริษัท ทำให้บริษัทต้องชี้แจงเพิ่มเติมเพื่อป้องกันความเข้าใจผิดในการพิจารณาข่าวสารเพื่อประกอบการพิจารณาในการลงทุน

ส่วนข้อเท็จจริงเรื่องโครงการโซล่าฟาร์ม บริษัทอยู่ในระหว่างการศึกษาเบื้องต้นจึงยังไม่ทราบถึงขนาดของโครงการ งบประมาณค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด บริษัทฯมีความสนใจในการเข้าศึกษาโครงการนี้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อทำการศึกษาเท่านั้น ยังมิได้ดำเนินการอย่างอื่นแต่อย่างใด

ทั้งนี้ บริษัทขอชี้แจงขั้นตอนในการดำเนินการลงทุนโครงการทำธุรกิจ โซล่าฟาร์ม ตามปกติของบริษัทฯ ดังต่อไปนี้

1. ศึกษาโครงการโดยทั่วไป

2. ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ

3. ฝ่ายจัดการต้องเตรียมความพร้อมและพิจารณาเรื่องการลงทุน

4. ฝ่ายจัดการเสนอคณะกรรมการบริษัทฯ ให้ว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อให้ความเห็นในเรื่องโครงการการลงทุนดังกล่าวต่อคณะกรรมการบริษัทฯ

5. คณะกรรมการบริษัทฯ พิจารณาความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระและนำความเห็นดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น

6. ที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นพิจารณาว่าอนุมัติให้ดำเนินการลงทุนหรือไม่

โดยปัจจุบันนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการเบื้องต้นตามข้อ 1 ข้างต้น บริษัทฯ มีความสนใจในการเข้าศึกษาโครงการซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อทำการศึกษาเท่านั้น ยังมิได้ดำเนินการอย่างอื่นแต่อย่างใด

อนึ่ง บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาขยายธุรกิจ ทั้งในธุรกิจดาวเทียมเดิมและธุรกิจอื่น เพื่อเพิ่มรายได้ของบริษัทฯ โดยการศึกษาข้อมูลและเพื่อการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างเคร่งครัด บริษัทจึงยังไม่เปิดเผยข้อมูลทางธุรกิจของบริษัทฯ ก่อนที่จะมีการรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยบริษัทจะนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นพิจารณาต่อไป

ผู้แสดงความคิดเห็น ch.electrical & electronic service วันที่ตอบ 2014-09-18 08:41:15


ความคิดเห็นที่ 9 (3707743)

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม  นายนพรัตน์ ชัยยะ   ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอเซีย จอยท์ พาโนราม่า จำกัด (มหาชน) (AJP)แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการสอบถามถึงพัฒนาการใดๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาหลักทรัพย์ของ บริษัท เอเซีย จอยท์ พาโนราม่า จำกัด (มหาชน) (AJP)เนื่องจากพบว่าสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากวันก่อนหน้า เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและหรือผู้ลงทุนได้มีข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างครบถ้วนบริษัทขอชี้แจงดังนี้

1. บริษัทมีพัฒนาการใดๆ ที่ยังไม่ได้เปิดเผย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสภาพการซื้อขายที่เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
  :
บริษัทฯไม่มีพัฒนาการใดที่เปลี่ยนแปลง ยังคงดำเนินธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียมตามปกติ และได้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯอย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งการไม่เปิดเผยข้อมูลทางธุรกิจของบริษัทฯก่อนที่จะมีการรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ

2. บริษัททราบถึงสาเหตุอื่นใดที่อาจส่งผลกระทบต่อการซื้อขายหรือไม่  :บริษัทฯคาดว่าอาจจะเกิดจากกระแสข่าวการดำเนินธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันบริษัทฯประกอบธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียมเพียงอย่างเดียวและบริษัทฯกำลังพิจารณาแนวทางในการขยายธุรกิจดาวเทียมเพิ่มเติม เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทฯซึ่งอยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูล เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการบริษัท และให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติต่อไป

กรณีที่มีข่าวลือการทำธุรกิจโซล่าฟาร์ม บริษัทฯยังไม่มีการดำเนินธุรกิจดังกล่าวแต่อย่างใด เพียงแต่มีการศึกษาข้อมูลเนื่องจากมีความสนใจที่จะประกอบธุรกิจดังกล่าวขณะที่กระแสข่าวการเพิ่มทุนของบริษัทยังไม่มีการดำเนินการเช่นกัน

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 08:44:28


ความคิดเห็นที่ 10 (3707744)

กสท.เตรียมถอนประกาศเรียงลำดับเลขช่องดาวเทียม-เคเบิลกัน ปชช.สับสน 
       นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เปิดเผยว่า วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคมนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีวาระการประชุมที่น่าจับตา ได้แก่ การออกแนวทางการยกเลิกประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ. 2556 สืบเนื่องจากทรู วิชั่นส์กรุ๊ป ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางให้เพิกถอนประกาศ กสทช. 3 ฉบับ ได้แก่ ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การกำหนดหมวดหมู่และการจัดลำดับบริการโทรทัศน์ที่ไม่ใช่คลื่นความถี่ พ.ศ. 2556 ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ. 2556 และ ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2555 ทั้งนี้ ศาลได้มีคำสั่งให้รับคำฟ้องเฉพาะประเด็นการขอให้เพิกถอนประกาศฯ หลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ. 2556 เท่านั้น
        นางสาวสุภิญญา กล่าวว่า กสท. ได้เคยพิจารณาแนวทางและได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายเสนอแนวทางดังกล่าว ซึ่งหาก กสท.มีแนวทางยกเลิกประกาศฉบับดังกล่าว น่าจะช่วยป้องกันความสับสนกับประชาชนในการรับชมเลขช่องทีวีดิจิตอลในแพลตฟอร์มต่างๆ ให้เรียงเลขช่องฟรีทีวีดิจิตอลเหมือนกันทั้งหมด เพราะการจัดหมวดหมู่และการจัดลำดับบริการโทรทัศน์ดาวเทียม และเคเบิล จะต้องเรียงไว้ลำดับที่ 1 คือหมวดหมู่บริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไปตามประกาศที่ กสทช.กำหนด
        นอกจากนี้ อาจเป็นเหตุให้มูลฟ้องคดีหมดไปด้วย ส่วนผลกระทบด้านอื่น ในที่ประชุมจะมีการหารือเพิ่มเติมต่อไป

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 08:46:23


ความคิดเห็นที่ 11 (3707746)

คสช.แจ้ง กสทช.ปลดล็อก 12 สถานีที่ถูกระงับ รวม ASTV-Bluesky

คสช. ส่งหนังสือแจ้งสำนักงาน กสทช. ให้โทรทัศน์ดาวเทียมที่ถูกระงับการออกอากาศทั้ง 12 สถานี ทั้งเอเอสทีวี-บลูสกาย-เอฟเอ็มทีวี-ช่องแดง ออกอากาศได้แล้ว เตรียมเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ด กสท. วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคมพิจารณา
      
       นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แจ้งเรื่องการเห็นชอบให้สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมที่ถูกระงับการออกอากาศทั้ง 12 สถานี ให้กลับมาออกอากาศตามปกติ โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข และประกาศ คสช.โดยเคร่งครัด
      
       ทั้งนี้ ในขั้นตอนดำเนินการต่อไปจะรีบนำเรื่องเสนอให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) พิจารณาในวันจันทร์นี้ เพื่อให้การกลับมาออกอากาศของทั้ง 12 สถานี เป็นผลโดยเร็ว
      
       สำหรับทั้ง 12 สถานี ที่ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 15/2557 ลงวันที่ 22 พ.ค. 2557 ให้ระงับการถ่ายทอดออกอากาศทันที ประกอบไปด้วย 1.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอ็มวี 5 2.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมดีเอ็นเอ็น 3.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมยูดีดี 4.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเชียอัพเดท 5.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีแอนด์พี 6.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมโฟร์แชนแนล 7.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมบลูสกาย 8.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอฟเอ็มทีวี 9.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเอสทีวี 10.สถานีดาวเทียมฮอตทีวี 11.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเร็สคิ้ว 12. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูประเทศ (คปท.)

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 08:48:14


ความคิดเห็นที่ 12 (3707753)

คสช.อนุญาต 12 ทีวีดาวเทียม รวม "ASTV-เอเชียอัพเดท" ออนแอร์

คสช.ผ่อนปรนอนุญาตให้ 12 ช่องทีวีดาวเทียมกลับมาออกอากาศ ซึ่งรวมทั้ง ASTV, เอเชียอัพเดทและ Bluesky
 โดยแจ้งไปยัง กสทช.ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป...

เมื่อวันที่ 24 ส.ค. มีรายงานว่า นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ระบุได้รับหนังสือจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แจ้งเรื่องเห็นชอบให้สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมที่ถูกระงับการออกอากาศทั้ง 12 สถานี กลับมาออกอากาศตามปกติ โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและประกาศ คสช.โดยเคร่งครัดสำหรับขั้นตอนดำเนินการนั้น

จากนี้ จะรีบนำเรื่องเสนอให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ใน กสทช. พิจารณา คาดว่าในวันจันทร์นี้ 25 ส.ค.นี้

มีรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมที่ถูกระงับการออกอากาศทั้ง 12 สถานี ได้แก่ 1. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม MV5 
2. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม DNN 
3. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม UDD 
4. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเชียอัพเดท 
5. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม P&P 
6. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมโฟร์แชนแนล 
7. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม Bluesky
 8. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม FMTV
 9.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ASTV 
10. สถานีดาวเทียมฮอตทีวี
 11. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเร็สคิ้ว และ
 12.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ หรือ คปท

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 08:51:41


ความคิดเห็นที่ 13 (3707763)

AJP ปรับบอร์ดยกแผง เปิดแผนขยายธุรกิจสัญญาณโทรทัศน์ดาวเทียม

AJP ปรับบอร์ดยกแผง เปิดแผนขยายธุรกิจสัญญาณโทรทัศน์ดาวเทียม ทั้งในด้านของการขยายสัญญาณร่วมผลิตรายการเพิ่มเติม การพัฒนาคอนเทนท์รายการของบริษัทเอง การจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับรายการ และร่วมมือกับผู้ผลิตรายการชั้นนำในต่างประเทศในการเป็นผู้นำเข้าลิขสิทธิ์รายการเพื่อเผยแพร่ โดยจะมีการทำการตลาดของรายการในส่วนนี้ ทั้งในประเทศไทยและกลุ่มประเทศ AEC จ่อลุยธุรกิจโซลาร์ฯ
      
       นายภัทรศักดิ์ โอสถานุเคราะห์ ประธานกรรมการ บริษัท เอเซีย จอยท์ พาโนรามา จำกัด (มหาชน) หรือ AJP เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้ปรับโครงสร้างการบริหารใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีการปรับคณะกรรมการ ผู้บริหาร ที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์การทำงานในด้านต่างๆ เข้ามาเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานให้กับบริษัทตลอดจนขยายธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว
       
       ทั้งนี้ คณะผู้บริหาร AJP ชุดใหม่ได้กำหนดทิศทางแผนการดำเนินงานเบื้องต้นโดยมุ่งเน้นการขยายธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ทั้งในด้านของการขยายสัญญาณร่วมผลิตรายการเพิ่มเติม การพัฒนาคอนเทนท์รายการของบริษัทเอง การจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับรายการ และร่วมมือกับผู้ผลิตรายการชั้นนำในต่างประเทศในการเป็นผู้นำเข้าลิขสิทธิ์รายการเพื่อเผยแพร่ โดยจะมีการทำการตลาดของรายการในส่วนนี้ทั้งในประเทศไทยและกลุ่มประเทศ AEC
       
       นอกจากนี้ บริษัทยังมีนโยบายมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจไปในธุรกิจอื่นๆ ที่มีความน่าสนใจ สร้างผลตอบแทนที่ดี มีสินทรัพย์ที่จับต้องได้สร้างผลตอบแทนที่ดี มีความคุ้มค่าในการลงทุน และมีการเติบโตอย่างยั่งยืน อาทิ ธุรกิจพลังงานทดแทน “โซลาฟาร์ม” ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งหากได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้วก็จะมีการนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาถึงความคุ้มค่าในการลงทุนขยายธุรกิจต่อไป

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 08:56:35


ความคิดเห็นที่ 14 (3707765)

5 ช่องสถานีดาวเทียมเข้าเซ็น MOU ก่อนรอมติบอร์ด กสท.นัดพิเศษวันพรุ่งนี้

นายวริษฐ์ ลิ้มทองกุล นายปัญจภัทร อังคสุวรรณ กรรมการบริหาร และ นายประเมนทร์ ภักดิ์วาปี ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี 5 ช่องสถานีดาวเทียม เข้าเซ็น MOU ร่วมกับทางสำนักงาน กสทช. ก่อนส่งเรื่องเข้าประชุมบอร์ด กสท. วาระเร่งด่วนในวันพุธ 27 สิงหาคม 2557 หลังจากนั้น ให้ดำเนินการขอใบอนุญาตฯช่องใหม่ พร้อมให้ออกอากาศได้หลังมีมติรับทราบ

สำหรับช่องทีวีดาวเทียมที่มาลงนามบันทึกข้อตกลง (mou) ในการประชุม “แนวทางปฏิบัติตามประกาศ คสช.” วันนี้ประกอบไปด้วย 1.สถานี News 1 จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเอสทีวี 2.สถานีฟ้าวันใหม่ จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมบลูสกาย 3.สถานี People channel จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีทีวี 4.สถานี บุญนิยม จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอฟเอ็มทีวี และ 5.สถานี Peace TV จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมยูดีดี

หลังจากลงนามเสร็จแล้ว ทางสำนักงาน กสทช. จะส่งเรื่องเข้าประชุมนัดพิเศษของบอร์ด กสท. ในวันพุธที่ 27 สิงหาคม 2557 เมื่อมีมติรับทราบในช่วงเช้า และทางสำนักงานแจ้งแก่ทางสถานีทุกช่องที่เซ็น mou ก็สามารถออกอากาศได้ทันที แต่ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องดำเนินการยกเลิกใบอนุญาตบริการโทรทัศน์ประเภทไม่ใช้คลื่นความถี่แบบบอกรับสมาชิกช่องเดิม และขอใบอนุญาตใหม่ที่จะให้ระยะเวลาในการออกอากาศ 1 ปี

โดยเนื้อหาภายในบันทึกข้อตกลงส่วนใหญ่เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 97/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม2557 เรื่องการให้ความร่วมมือต่อการปฏิบัติงานของ คสช. และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ และประกาศ คสช. ฉบับที่ 103/2557 ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2557 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมประกาศ คสช.ฉบับที่ 97/2557 จึงทำบันทึกข้อตกลงกับสำนักงาน กสทช.โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

บริษัทยินยอมที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขการให้บริการกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ โดยจัดทำผังรายการไม่ให้มีเนื้อหาขัดต่อประกาศ คสช.ฉบับดังกล่าว และเงื่อนไขการเป็นผู้รับใบอนุญาต นอกจากนี้ ยังห้ามมิให้เชิญบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่เป็นนักวิชาการ หรือผู้ที่เคยเป็นข้าราชการ รวมทั้งผู้ที่เคยปฏิบัติงานในศาล และกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนองค์กรอิสระ มาให้สัมภาษณ์หรือแสดงความคิดเห็นในลักษณะที่อาจก่อให้เกิด หรือขยายความขัดแย้ง บิดเบือน และสร้างความสับสนให้แก่สังคม รวมทั้งอาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรง

สถานีมีหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารตามที่ได้รับแจ้งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทั้งนี้ ให้บุคคลดังกล่าว รวมทั้งบุคคลอื่นใดงดเว้นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารในลักษณะ ดังต่อไปนี้ (1) ข้อความอันเป็นเท็จ หรือที่ส่งไปในทางหมิ่นประมาท หรือสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ องค์รัชทายาท และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ (2) ข่าวสารที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ รวมทั้งหมิ่นประมาทบุคคลอื่น

(3) การวิพากษ์ วิจารณ์การปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง (4) ข้อมูลเสียง ภาพ วิดีทัศน์ ความลับของการปฏิบัติงานของหน่วยราชการต่างๆ (5) ข้อมูลข่าวสารที่ส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างให้เกิดความแตกแยกในราชอาณาจักร

(6) การชักชวน ซ่องสุมให้มีการรวมกลุ่มก่อการอันเกิดการต่อต้านเจ้าหน้าที่ และบุคคลที่เกี่ยวข้องของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (7) การขู่จะประทุษร้าย หรือทำร้ายบุคคล อันนำไปสู่ความตื่นตระหนก หวาดกลัวแก่ประชาชน

ในกรณีที่ปรากฏว่า บริษัทฯ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ฝ่าฝืนไม่ฏิบัติตามข้อตกลงอาจะถูกสอบสวนทางจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพโดยองค์กรวิชาชีพที่ผู้นั้นเป็นสมาชิก และต้องปฏิบัติตามกฎหมายใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ เพื่อให้บริการกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ สำหรับกิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่แบบบอกรับสมาชิก อย่างเคร่งครัด โดยข้อกำหนดในการหารายได้ของผู้รับใบอนุญาตจากโฆษณา และบริการธุรกิจตลอดทั้งวัน เฉลี่ยแล้วต้องไม่เกินชั่วโมงละห้านาที

หากสำนักงาน กสทช. ตรวจพบว่ามีการฝ่าฝืนข้อตกลงอาจพิจารณาถอนใบอนุญาตทันที

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 08:58:16


ความคิดเห็นที่ 15 (3707770)

คสช.ล้มห้องเรียนอัจฉริยะ เน้นไอซีทีหลากหลายสนองรร. รุกเติมเต็มสอนทางไกลผ่านดาวเทียม

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม โรงแรมวาสิฐี จ.สุพรรณบุรี นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังเปิดอบรมการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมให้แก่ผู้บริหาร ครู และศึกษานิเทศก์ โดยมี พล.ท.สุรเชษฐ์ ชับวงศ์ รองหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน ว่าฝ่ายสังคมจิตวิทยาได้หารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เห็นว่าจะดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศต่อไป แต่จะไม่ปูพรมสร้างห้องสมาร์ทคลาสรูม หรือห้องเรียนอัจฉริยะ ให้โรงเรียนตามแผนเดิม ซึ่ง สพฐ.เคยคำนวณไว้ว่าถ้าเปลี่ยนแปลงงบประมาณปี 2556 และปี 2557 ของโครงการ 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน จำนวน 6,970 ล้านบาท มาจัดสร้างห้องสมาร์ทคลาสรูมได้ประมาณ 19,000 โรง โดย คสช.ต้องการให้ใช้งบอย่างประหยัด และเกิดประโยชน์มากที่สุด ฉะนั้น จึงไม่กำหนดตายตัวว่าต้องจัดทำห้องสมาร์ทคลาสรูม แต่จะดูความต้องการของโรงเรียน และความเหมาะสมเพื่อจัดสรรอุปกรณ์เพิ่มเติมให้

"ขณะนี้ สพฐ.ได้สำรวจโรงเรียนในสังกัด 38,000 โรง อย่างละเอียดว่าโรงเรียนมีอุปกรณ์ไอซีทีอะไรบ้าง คาดว่าอีก 2 สัปดาห์ จะประมวลข้อมูลตรงนี้เสร็จ จากนั้นจะส่งไปให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา ซึ่งมีนักวิชาการที่มีความรู้ประจำอยู่ มาช่วยวิเคราะห์ว่าจะพัฒนาการศึกษาโดยใช้ไอซีทีในโรงเรียนแต่ละแห่งในรูปแบบใดบ้าง ซึ่งไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน แต่ให้เป็นไปตามสภาพจริง และความต้องการของโรงเรียน โดยหลักการเบื้องต้นแล้ว โรงเรียนขนาดเล็ก 1,615 โรง จะเน้นไปในทางเทคโนโลยีการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนครู ซึ่งขณะนี้ สพฐ.กำลังเติมเต็มโครงการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมวังไกลกังวลให้ครบ 100% เหลือแต่โรงเรียนขนาดกลางและขนาดใหญ่ ที่จะต้องหารูปแบบการใช้ไอซีทีเพื่อพัฒนาการศึกษา ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปใดๆ และ สพฐ.จะไม่สรุป แต่จะส่งข้อมูลให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยาตัดสินใจเอง เชื่อว่าน่าจะสรุปเสร็จภายในเดือนกันยายน จากนั้นจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เห็นชอบ และเร่งดำเนินการให้ทันปีงบ 2557" นายกมลกล่าว

นายกมลกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ภายใต้โครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยใช้ไอซีที จะคำนึงถึง 4 องค์ประกอบหลัก คือจัดสรรฮาร์ดแวร์ให้โรงเรียนตามความจำเป็น พัฒนาเนื้อหาของวิชาต่างๆ พัฒนาครูให้พร้อมสำหรับการใช้ไอซีทีเพื่อการศึกษา และการจัดเตรียมการเข้าถึงเครือข่ายอินเตอร์เน็ตให้สถานศึกษา ในส่วนของการเติมเต็มโครงการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมโรงเรียนวังไกลกังวลนั้น อยู่ระหว่างจัดหาอุปกรณ์ให้โรงเรียนที่ไม่มีจานดาวเทียม และอุปกรณ์รับสัญญาณ 1,214 โรง พร้อมซื้อทดแทนให้โรงเรียนที่อุปกรณ์ชำรุด 14,309 โรง และเมื่อเปิดภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษา 2557 โรงเรียนขนาดเล็ก 16,000 โรง จะพร้อมสำหรับการรับสัญญาณถ่ายทอดจากโรงเรียนวังไกลกังวล โดยจะนำมาใช้กับการเรียนการสอนในทุกวิชา ส่วนปลายภาคเรียน สพฐ.จะประเมินผลสัมฤทธิ์ระดับชาติ อาทิ คะแนนทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) ว่าหลังเรียนผ่านการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมแล้ว ผลสัมฤทธิ์ดีขึ้นหรือไม่ และในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ สพฐ.จะจัดมหกรรมเฉลิมฉลองความสำเร็จที่โครงการดังกล่าวได้รับการเติมเต็มครบ 100% หลังจากเริ่มโครงการนี้มาร่วม 20 ปี นับจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสในเรื่องการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม

 

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 09:01:05


ความคิดเห็นที่ 16 (3707773)

สพฐ.ล้มห้องเรียนอัจฉริยะ แจงไม่ปูพรมตามแผน 1.9 หมื่นโรง

ล้มสมาร์ทคลาสรูม สพฐ. แจงไม่ปูพรมตามแผนที่เคยวางไว้ 1.9 หมื่นโรง ระบุไม่กำหนดตายตัว ดูความต้องการ ร.ร. และจัดตามเหมาะสม รอสำรวจข้อมูล ร.ร. ก่อนสรุปให้ฝ่ายสังคมฯ เดือนก.ย. นี้ พร้อมเร่งขยายการศึกษาทางไกลดาวเทียมวังไกลกังวล ใช้สอนทุกวิชาเริ่มทันทีเทอม 2 ใน 1.6 หมื่นโรง และปลายเทอมจะประเมินผลสัมฤทธิ์ระดับชาติด้วย
      
       ที่โรงแรมวาสิฐี จังหวัดสุพรรณบุรี สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดอบรมการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ให้แก่ผู้บริหาร ครู และศึกษานิเทศก์ โดยมี พลโท สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิด
      
       นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวภายหลังว่า ทางฝ่ายสังคมจิตวิทยา คสช. ได้หารือกับ สพฐ. ว่า จะยังคงดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศต่อไป แต่แน่นอนแล้วว่า จะไม่มีการปูพรมสร้างห้องสมาร์ทคลาสรูม หรือ ห้องเรียนอัจฉริยะ ให้โรงเรียนตามแผนเดิมซึ่ง สพฐ. เคยคำนวณไว้ว่าถ้าเปลี่ยนแปลงงบประมาณปี 2556 และ 2557 ของโครงการ 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน จำนวน 6,970 ล้านบาท มาแล้วจะจัดสร้างห้องสมาร์ทคลาสรูมได้ ประมาณ 19,000 โรง ทั้งนี้ เพราะ คสช. ต้องการให้การใช้งบประมาณเป็นไปอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์มากที่สุด จึงเห็นว่าจะไม่มีการกำหนดตายตัวว่าต้องจัดทำเป็นห้องสมาร์ทคลาสรูม แต่จะดูความต้องการของโรงเรียนและความเหมาะสมเพื่อจัดสรรอุปกรณ์เพิ่มเติมให้ตามความเหมาะสม
      
       เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า ขณะนี้ สพฐ. ได้สำรวจโรงเรียนในสังกัด จำนวน 38,000 โรงอย่างละเอียด ว่า โรงเรียนมีอุปกรณ์ไอซีทีอะไรบ้าง คาดว่า อีก 2 สัปดาห์จะประมวลผลข้อมูลตรงนี้เสร็จ จากนั้นจะส่งข้อมูลไปให้ยังฝ่ายสังคมจิตวิทยา ซึ่งมีนักวิชาการที่มีความรู้ประจำอยู่มาช่วยกันวิเคราะห์ว่าเราจะพัฒนาการศึกษา โดยใช้ไอซีทีในโรงเรียนแต่ละแห่งใช้รูปแบบใดบ้าง ซึ่งไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน แต่ให้เป็นไปตามสภาพจริงและความต้องการของโรงเรียน แต่เบื้องต้นแล้วโรงเรียนขนาดเล็ก 1,615 โรง ที่ไม่มีดาวเทียมเพื่อการศึกษาจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนขนาดเล็กและกลาง ซึ่ง สพฐ. จะเน้นไปในทางเทคโนโลยีการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมเพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนครู ในโรงเรียนขนาดเล็ก และขณะนี้กำลังเติมเต็มโครงการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม โรงเรียนวังไกลกังวลให้ครบ 100% เหลือแต่โรงเรียนขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่จะต้องมาหารูปแบบการใช้ไอซีทีเพื่อพัฒนาการศึกษา โดยบางโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนไม่มากนั้น อาจจัดหาคอมฯให้ครู แล้วฉายขึ้นโปรเจกเตอร์ให้นักเรียนดู
      
       “สรุปว่าขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ ทั้งสิ้น และ สพฐ. ก็จะไม่สรุปข้อมูลไป แต่จะส่งข้อมูลให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา ตัดสินใจเอง เชื่อว่าน่าจะสรุปเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ หลังจากนั้น จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ให้ความเห็นชอบและเร่งดำเนินการให้ทันปีงบประมาณ 2557”นายกมล กล่าวและว่า ทั้งนี้ ภายใต้โครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยใช้ไอซีที จะคำนึงถึง 4 องค์ประกอบหลักเป็นสำคัญ คือ การจัดสรรฮาร์ดแวร์ให้โรงเรียนตามความจำเป็น การพัฒนาเนื้อหาของวิชาต่างๆ การพัฒนาครูให้มีความพร้อมสำหรับการใช้ไอซีทีเพื่อการศึกษา และการจัดเตรียมการเข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตให้กับสถานศึกษา
      
       นายกมล กล่าวต่อว่า ในส่วนของการเติมเต็มโครงการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม โรงเรียนวังไกลกังวลนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดหาอุปกรณ์ให้กับโรงเรียนที่ไม่มีจานดาวเทียมและอุปกรณ์รับสัญญาณ จำนวน 1,214 โรง พร้อมซื้อทดแทนให้กับโรงเรียนที่อุปกรณ์ชำรุด จำนวน 14,309 โรง และเมื่อเปิดภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษา 2557 โรงเรียนขนาดเล็ก ประมาณ 16,000 โรง จะพร้อมสำหรับการรับสัญญาณถ่ายทอดจากโรงเรียนวังไกลกังวล โดยจะนำมาใช้กับการเรียนการสอนในทุกวิชา ขณะเดียวกัน ในปลายภาคเรียน สพฐ. จะประเมินผลสัมฤทธิ์ระดับชาติ เช่น การวัดผลทางการศึกษา NT ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net) ว่าหลังจากเรียนด้วยการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมผลสัมฤทธิ์ดีขึ้นหรือไม่ และในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ สพฐ. จะจัดมหกรรมเฉลิมฉลองความสำเร็จที่โครงการดังกล่าวได้รับการเติมเต็มครบ 100% หลังจากที่เริ่มดำเนินโครงการนี้มาร่วม 20 ปี นับจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสในเรื่องการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 09:03:35


ความคิดเห็นที่ 17 (3707778)

กสทช.ยื้อชี้ชะตา ASTV-Bluesky ออกอากาศไป 1 ก.ย.

กสท. คาด 12 ช่องทีวีดาวเทียม รวมเอเอสทีวี กับบลูสกาย ออกอากาศได้สัปดาห์หน้า แต่ต้องทำตามเงื่อนไขเปลี่ยนชื่อใหม่ จดใบอนุญาต และทำบันทึกข้อตกลง เพื่อส่งเรื่องให้ทางสำนักงาน กสทช. เสนอเข้าที่ประชุมบอร์ดครั้งต่อไป พร้อมยกเลิกประกาศจัดเรียงช่อง เล็งออกประกาศใหม่บังคับช่องทีวีดิจิตอลอยู่ที่ 1-36 ส่วน 37-60 ขึ้นอยู่กับแต่ละผู้ประกอบการ

พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวว่า ที่ประชุม กสท.วันที่ 25 ส.ค.ได้มีการพิจารณารับทราบหนังสือจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เกี่ยวกับการขออนุมัติการออกอากาศของสถานีดาวเทียม ตามประกาศฉบับที่ 15/2557 ลงวันที่ 22 พ.ค.2557 ให้โทรทัศน์ดาวเทียมทั้ง 12 ช่อง ที่ได้รับการตรวจสอบตามหลักเกณฑ์ของ กสทช.กลับมาออกอากาศได้

โดยผู้ประกอบการทั้ง 12 ราย ต้องทำตามเงื่อนไข อย่างเช่น การเปลี่ยนชื่อใหม่, มีการปรับผังรายการ และจัดทำบันทึกข้อตกลงกับทาง กสทช.ในส่วนของเนื้อหารายการ ส่วนสถานีที่เคยมีใบอนุญาตบริการโทรทัศน์ประเภทไม่ใช้คลื่นความถี่ จะต้องขอยกเลิกใบอนุญาตเดิม และขอใบอนุญาตด้วยชื่อช่องใหม่แทน

ส่วนในอนาคตหลังจากออกอากาศแล้ว ถ้าช่องใดมีการดำเนินการที่ขัดกฎหมาย ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายตามที่ถูกร้องเรียนต่อไป รวมถึงเนื้อหารายการต้องไม่กระทบความสงบเรียบร้อย หรือขัดต่อประกาศที่เกี่ยวข้อง ถ้าไม่ปฏิบัติตามก็ต้องมีโอกาสที่ กสทช.จะพิจารณายกเลิกใบอนุญาตได้

“คาดว่าสัปดาห์หน้าหลังจากที่ช่องรายการทั้ง 12 ช่อง ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ทางสำนักงาน กสทช. จะนำเสนอเรื่องเพื่อเข้าพิจารณาในประชุมบอร์ดครั้งต่อไป เพื่อพิจารณาให้อนุญาตออกอากาศได้ โดยไม่ต้องส่งเรื่องให้ทาง คสช.”

สำหรับประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 15/2557 ลงวันที่ 22 พ.ค.2557 ประกอบไปด้วย 1.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอ็มวี 5 2.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมดีเอ็นเอ็น 3.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมยูดีดี 4.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเชียอัพเดท 5.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีแอนด์พี 6.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมโฟร์แชนแนล 7.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมบลูสกาย 8.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอฟเอ็มทีวี 9.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเอสทีวี 10.สถานีดาวเทียมฮอตทีวี 11.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเร็สคิ้ว 12.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูประเทศ (คปท.)

นอกจากนี้ ยังมีการพิจาณายกเลิกประกาศ กสทช.เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ.2556 จากกรณีที่ทางทรู วิชั่นส์กรุ๊ป ได้มีการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางให้เพิกถอนประกาศ กสทช. 3 ฉบับ ได้แก่ ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การกำหนดหมวดหมู่และการจัดลำดับบริการโทรทัศน์ที่ไม่ใช่คลื่นความถี่ พ.ศ.2556 ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ.2556 และประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ.2555 ซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้รับคำฟ้องเฉพาะประเด็นการขอให้เพิกถอนประกาศฯ หลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ.2556 เท่านั้น

“ที่ประชุมมีการพิจารณาให้ยกเลิกประกาศฉบับเดิม ซึ่งใช้เวลาพิจารณามากว่า 1 เดือนแล้ว และออกประกาศฉบับใหม่แทนเพื่อให้มูลเหตุการฟ้องร้องคดีหายไป ที่สำคัญคือ ประชาชนจะได้ไม่สับสน และเยียวยาให้แก่ผู้ประกอบการและเคเบิลทีวี ให้นำช่องรายการที่ต้องการมาออกอากาศในลำดับต้นๆ”

โดยก่อนหน้านี้ หลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ.2556 ระบุให้ผู้ประกอบการสามารถจัดเรียงช่องใดๆ ก็ได้มาออกอากาศในลำดับที่ 1-10 แต่ประกาศฉบับใหม่จะทำให้การรับชมทีวีที่ให้บริการเป็นการทั่วไป จะมีหมายเลขตรงกันคือ 1-36 และเพื่อที่จะเยียวยาให้กลุ่มดาวเทียม หรือเคเบิล ให้ไปจัดเรียงในช่อง 37-60 แทน โดยกระบวนการจัดทำร่างจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) ก่อนประกาศใช้ต่อไป

ส่วนกรณีที่ กสทช.สั่งให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ต้องสิ้นสุดการทำหน้าที่โทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (มัสต์เครี) ในวันที่ 25 พ.ค.2557 และยืดระยะเวลาการออกอากาศเพิ่มอีก 100 วัน ทางที่ประชุมไม่ได้ขยายระยะเวลาเพิ่มเติมให้อีก ทำให้การขยายระยะเวลาจะสิ้นสุดลงในวันที่ 1 กันยายน 2557 แต่จากประกาศของ คสช.ฉบับที่ 27/2557 กำหนดให้ผู้ให้บริการโทรทัศน์ที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ออกอากาศรายการประจำของสถานีได้ตามปกติ ผ่านทางระบบการใช้คลื่นความถี่ภาคพื้นดิน ระบบผ่านดาวเทียม และเคเบิล ทำให้ยังสามารถออกอากาศได้ต่อไป

ทั้งนี้ ถ้ามีการประกาศหลักเกณฑ์การจัดเรียงช่องใหม่ ก็จะส่งผลให้ช่อง 3 อะนาล็อก ไม่สามารถออกอากาศในช่องระหว่าง 1-36 ได้ แต่จะขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการเคเบิลทีวี ดาวเทียม ที่จะนำช่องพิเศษไปจัดเรียงในระหว่างช่อง 37-60 แทน

 

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 09:05:02


ความคิดเห็นที่ 18 (3707781)

กสทช.ให้ 12 ช่องดาวเทียมเปลี่ยนชื่อ-ปรับเนื้อหา ก่อนไฟเขียวออนแอร์  พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กสท.รับทราบที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่งหนังสือแจ้งสำนักงาน กสทช.ให้โทรทัศน์ดาวเทียมที่ถูกระงับการออกอากาศทั้ง 12 สถานีกลับมาออกอากาศ โดยจากนี้ให้สถานีโทรทัศน์ทั้ง 12 ช่อง ดำเนินตามกระบวนการก่อนกลับมาออกอากาศด้วยการขอใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ โดยไม่ใช้คลื่นความถี่ และปรับผังเนื้อหารายการใหม่ ให้ไม่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องทางการเมือง หรือก่อให้เกิดความไม่สงบ รวมถึงเปลี่ยนชื่อรายการใหม่ไม่ให้สอดคล้องกับชื่อช่องเดิมที่เคยถูกระงับออกอากาศ
จากนั้น ให้สำนักงาน กสทช.นำเสนอที่ประชุม กสท.พิจารณาอนุมัติให้ออกอากาศต่อไป หากแต่ละช่องโทรทัศน์สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จทุกกระบวนการ จะสามารถอนุมัติให้กลับมาออกอากาศได้ภายในสัปดาห์หน้า
ส่วนระยะเวลาของใบอนุญาต จะพิจารณาอีกครั้งว่าจะมีระยะเวลากี่ปี แต่จะแตกต่างจากการขอใบอนุญาตของสถานีโทรทัศน์ทั่วไปที่ไม่เคยมีกรณีร้องเรียนหรือกระทำผิดเงื่อนไขใด
ทั้งนี้ โทรทัศน์ดาวเทียมจำนวน 12 ช่อง ที่เตรียมกลับมาออกอากาศ ประกอบด้วย สถานีโทรทัศน์เอ็มวี 5 สถานีโทรทัศน์ดีเอ็นเอ็น สถานีโทรทัศน์ยูดีดี สถานีโทรทัศน์เอเชียอัพเดท สถานีโทรทัศน์พีแอนด์พี สถานีโทรทัศน์โฟร์แชนแนล สถานีโทรทัศน์บลูสกาย สถานีโทรทัศน์เอฟเอ็มทีวี สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี สถานีโทรทัศน์ฮอตทีวี สถานีโทรทัศน์เร็สคิ้ว และสถานีโทรทัศน์เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูประเทศ (คปท.)

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 09:06:53


ความคิดเห็นที่ 19 (3707785)

5 ช่องสถานีดาวเทียมเข้าเซ็น MOU ก่อนรอมติบอร์ด กสท.นัดพิเศษวันพรุ่งนี้

นายวริษฐ์ ลิ้มทองกุล นายปัญจภัทร อังคสุวรรณ กรรมการบริหาร และ นายประเมนทร์ ภักดิ์วาปี ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี 5 ช่องสถานีดาวเทียม เข้าเซ็น MOU ร่วมกับทางสำนักงาน กสทช. ก่อนส่งเรื่องเข้าประชุมบอร์ด กสท. วาระเร่งด่วนในวันพุธ 27 สิงหาคม 2557 หลังจากนั้น ให้ดำเนินการขอใบอนุญาตฯช่องใหม่ พร้อมให้ออกอากาศได้หลังมีมติรับทราบ

สำหรับช่องทีวีดาวเทียมที่มาลงนามบันทึกข้อตกลง (mou) ในการประชุม “แนวทางปฏิบัติตามประกาศ คสช.” วันนี้ประกอบไปด้วย 1.สถานี News 1 จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเอสทีวี 2.สถานีฟ้าวันใหม่ จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมบลูสกาย 3.สถานี People channel จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีทีวี 4.สถานี บุญนิยม จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอฟเอ็มทีวี และ 5.สถานี Peace TV จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมยูดีดี

หลังจากลงนามเสร็จแล้ว ทางสำนักงาน กสทช. จะส่งเรื่องเข้าประชุมนัดพิเศษของบอร์ด กสท. ในวันพุธที่ 27 สิงหาคม 2557 เมื่อมีมติรับทราบในช่วงเช้า และทางสำนักงานแจ้งแก่ทางสถานีทุกช่องที่เซ็น mou ก็สามารถออกอากาศได้ทันที แต่ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องดำเนินการยกเลิกใบอนุญาตบริการโทรทัศน์ประเภทไม่ใช้คลื่นความถี่แบบบอกรับสมาชิกช่องเดิม และขอใบอนุญาตใหม่ที่จะให้ระยะเวลาในการออกอากาศ 1 ปี

โดยเนื้อหาภายในบันทึกข้อตกลงส่วนใหญ่เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 97/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม2557 เรื่องการให้ความร่วมมือต่อการปฏิบัติงานของ คสช. และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ และประกาศ คสช. ฉบับที่ 103/2557 ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2557 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมประกาศ คสช.ฉบับที่ 97/2557 จึงทำบันทึกข้อตกลงกับสำนักงาน กสทช.โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

บริษัทยินยอมที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขการให้บริการกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ โดยจัดทำผังรายการไม่ให้มีเนื้อหาขัดต่อประกาศ คสช.ฉบับดังกล่าว และเงื่อนไขการเป็นผู้รับใบอนุญาต นอกจากนี้ ยังห้ามมิให้เชิญบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่เป็นนักวิชาการ หรือผู้ที่เคยเป็นข้าราชการ รวมทั้งผู้ที่เคยปฏิบัติงานในศาล และกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนองค์กรอิสระ มาให้สัมภาษณ์หรือแสดงความคิดเห็นในลักษณะที่อาจก่อให้เกิด หรือขยายความขัดแย้ง บิดเบือน และสร้างความสับสนให้แก่สังคม รวมทั้งอาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรง

สถานีมีหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารตามที่ได้รับแจ้งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทั้งนี้ ให้บุคคลดังกล่าว รวมทั้งบุคคลอื่นใดงดเว้นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารในลักษณะ ดังต่อไปนี้ (1) ข้อความอันเป็นเท็จ หรือที่ส่งไปในทางหมิ่นประมาท หรือสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ องค์รัชทายาท และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ (2) ข่าวสารที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ รวมทั้งหมิ่นประมาทบุคคลอื่น

(3) การวิพากษ์ วิจารณ์การปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง (4) ข้อมูลเสียง ภาพ วิดีทัศน์ ความลับของการปฏิบัติงานของหน่วยราชการต่างๆ (5) ข้อมูลข่าวสารที่ส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างให้เกิดความแตกแยกในราชอาณาจักร

(6) การชักชวน ซ่องสุมให้มีการรวมกลุ่มก่อการอันเกิดการต่อต้านเจ้าหน้าที่ และบุคคลที่เกี่ยวข้องของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (7) การขู่จะประทุษร้าย หรือทำร้ายบุคคล อันนำไปสู่ความตื่นตระหนก หวาดกลัวแก่ประชาชน

ในกรณีที่ปรากฏว่า บริษัทฯ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ฝ่าฝืนไม่ฏิบัติตามข้อตกลงอาจะถูกสอบสวนทางจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพโดยองค์กรวิชาชีพที่ผู้นั้นเป็นสมาชิก และต้องปฏิบัติตามกฎหมายใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ เพื่อให้บริการกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ สำหรับกิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่แบบบอกรับสมาชิก อย่างเคร่งครัด โดยข้อกำหนดในการหารายได้ของผู้รับใบอนุญาตจากโฆษณา และบริการธุรกิจตลอดทั้งวัน เฉลี่ยแล้วต้องไม่เกินชั่วโมงละห้านาที

หากสำนักงาน กสทช. ตรวจพบว่ามีการฝ่าฝืนข้อตกลงอาจพิจารณาถอนใบอนุญาตทันที

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 09:09:13


ความคิดเห็นที่ 20 (3707790)

ตำรวจจีนกลับคำ “อาณาจักรกัญชา” ที่อ้างดาวเทียมตรวจพบ เป็นแค่ไร่ ‘กัญชง’ ทำสิ่งทอ 

ภาพจากดาวเทียมเกาเฟิน 2: (ซ้าย) พื้นที่สีเขียวด้านบนเป็นเรือกสวนเพาะปลูกพืชผลของชาวบ้าน ขณะที่พื้นที่สีแดงส่วนใหญ่เป็นเขตหุบเขาที่มีลำน้ำแบ่งเป็นเส้นสายชัดเจน ในเขตปกครองตนเองซินเจียง ชนชาติอุยกูร์, (ขวา) เขตทะเลทรายทางตะวันตกของจีน โดยสีฟ้าและสีแดงเป็นเขื่อนกั้นน้ำ ส่วนพื้นที่ที่มีลักษณะคล้ายใบหูมนุษย์เป็นทะเลสาบที่แห้งเหือดแล้ว (ภาพ ซินหวา)
 
 
       เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - กลายเป็นเรื่องงุนงงของประชาชนจีนผู้สนใจเทคโนฯ อวกาศ เมื่อหน่วยงานรัฐที่ก่อนหน้านี้เผยข่าวใหญ่ว่าดาวเทียมของประเทศพบ “อาณาจักรกัญชา” ทางพื้นที่ตอนเหนือ กลับใส่เกียร์ถอยถอนคำพูด และบอกว่าเป็นเพียง “ไร่ปลูกพืชสิ่งทอ” ทั่วไป
      
       สืบเนื่องจากองค์การบริหารอวกาศแห่งชาติจีน (China National Space Administration: CNSA) เผยแพร่แถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี (21 ส.ค.) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์ได้วิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมเกาเฟิน 1 (Gaofen-1) ซึ่งเป็นดาวเทียมสังเกตการณ์พื้นโลกความละเอียดสูง ตรวจพบไร่ปลูกกัญชาต้องสงสัยขนาดใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 1949 กินอาณาบริเวณมณฑลจี๋หลินและเขตปกครองตนเองมองโกลเลียในทางภาคเหนือของประเทศ
      
       แต่คำแถลงดังกล่าวกลับถูกลบออกจากหน้าเว็บไซต์ CNSA ในวันจันทร์ (25 ส.ค.) ที่ผ่านมา โดยปราศจากการอธิบายเหตุผล ขณะที่การติดต่อ CNSA และกระทรวงฯ ของเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงก็ไม่สามารถกระทำได้
      
       ด้านคำให้สัมภาษณ์ของโฆษกสำนักงานควบคุมและป้องกันยาเสพติด กระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์ วานนี้ (26 ส.ค.) บนสื่อจีนเป่ยจิง ไทมส์ ระบุ “ไร่กัญชาต้องสงสัยอาจเป็นเพียงพื้นที่เพาะปลูกต้นกัญชง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมสิ่งทอท้องถิ่น”
      
       นอกจากนั้น สำนักงานฯ ยังปฏิเสธว่า หน่วยงานไม่ได้ใช้ดาวเทียมของ CNSA เพื่อค้นหาหรือตรวจสอบแหล่งวัตถุดิบทำยาเสพติดอีกด้วย

 (ภาพ เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์) 
 
 
       อนึ่ง กัญชงจัดเป็นพืชล้มลุกสายพันธุ์หนึ่งที่ลักษณะคล้ายกัญชา แต่แตกต่างที่กัญชงมีต่อมน้ำมันอันเป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทน้อยกว่า และมักปลูกเพื่อใช้เส้นใยผลิตเครื่องสิ่งทอ โดยปี 2546 มณฑลอวิ๋นหนัน (ยูนนาน) ทางตะวันออกเฉียงใต้ อนุญาตให้ปลูกต้นกัญชงภายใต้การกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่ และปี 2553 อวิ๋นหนันก็เป็นมณฑลแรกที่วางข้อกำหนดการปลูกพืชชนิดดังกล่าวอย่างเป็นทางการ
      
       ขณะที่เจ้าหน้าที่มณฑลเฮยหลงเจียงทางตะวันออกเฉียงเหนือ ก็ยินยอมให้ชาวบ้านปลูกต้นกัญชงเพื่อประโยชน์ด้านการผลิตสิ่งทอเช่นกัน แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเจ้าหน้าที่ของมองโกลเลียในได้วางระเบียบหรือยินยอมให้มีการเพาะปลูกกัญชงในท้องถิ่นหรือไม่
      
       อย่างไรก็ดี ข้อมูลจากดาวเทียมเกาเฟิน 1 ยังเผยกิจกรรมผิดกฎหมายอื่นๆ เช่น ไร่ฝิ่นในเฮยหลงเจียง มองโกลเลียใน และเหอเป่ย คลังเก็บน้ำมันเถื่อนขนาดใหญ่ในมณฑลฝูเจี้ยน หรือเส้นทางลับมากกว่า 10 แห่ง ที่ใช้ข้ามพรมแดนจีน-เกาหลีเหนือ, ซินเจียงกับ 8 ประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ อัฟกานิสถาน, รัสเซีย และปากีสถาน อย่างผิดกฎหมาย
      
       เจียง เจ้าหย่ง ผู้เชี่ยวชาญกิจการชนกลุ่มน้อยในกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า การชี้เส้นทางเหล่านี้อาจช่วยลดภาระของกองกำลังลาดตระเวนชายแดน เนื่องจากประชาชนบางส่วนใช้เป็นทางหลบหนีออกไปรับการฝึกฝนการก่อการร้ายในต่างประเทศ แต่เขาย้ำว่า ด้วยพื้นที่ชายแดนซินเจียงกว่า 5,600 กม. อาจไม่ถูกต้องที่คิดว่าปัญหาความรุนแรงจะหายไปทั้งหมด
      
       “จีนกำลังทำสิ่งที่รัฐบาลประเทศอื่นๆ ทั่วโลกทำอยู่เหมือนกัน คือการใช้ดาวเทียมสอดส่องดูแลบ้านของตัวเอง” เจียงกล่าว
      
       ส่วนกลุ่มนักวิทยาศาสตร์อวกาศจีนแสดงความเห็นว่า น้อยครั้งที่ทางการจะเผยข้อมูลการใช้ดาวเทียมในพื้นที่ที่มีประเด็นอ่อนไหวทางการทหารหรือความมั่นคงของรัฐ
      
       “น่าประทับใจว่าพวกเขาค้นพบสิ่งต่างๆ มากมายในระยะเวลาไม่ถึงปี” นักวิทย์ผู้ไม่ขอเผยชื่อกล่าว “พวกเขาน่าจะใช้ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ภาพกราฟิกประสิทธิภาพสูงบางตัว ควบคู่ไปกับระบบการทำงานของดาวเทียมที่ดีเยี่ยม”

 จรวดขนส่งที่บรรทุกดาวเทียมเกาเฟิน 2 ทะยานออกจากฐานปล่อยไท่หยวนในมณฑลซานซี (ภาพ ซินหวา) 
 
 
       ทั้งนี้ ดาวเทียมเกาเฟิน 1 ที่ปล่อยสู่อวกาศในปีก่อน สามารถจับภาพวัตถุที่สั้นราว 2 เมตรได้ ขณะที่เมื่อวันอังคาร (19 ส.ค.) จีนเพิ่งปล่อยดาวเทียมเกาเฟิน 2 ซึ่งสามารถบ่งชี้วัตถุยาวไม่เกินหนึ่งเมตรและให้รูปภาพความละเอียดสูงกว่าเกาเฟิน 1 โดยทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของโครงข่ายดาวเทียม 7 ดวง ที่จะปฏิบัติงานเต็มรูปแบบในปี 2559 ซึ่งทำให้จีนเก็บภาพความละเอียดสูงเกือบทุกจุดทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว
      
       แต่กลุ่มดาวเทียมเกาเฟินก็ยังไม่มีความสามารถเป็น “ดาวเทียมสอดแนม” ได้เหมือนกับบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ที่สามารถจับภาพวัตถุขนาดเล็กเพียงไม่กี่ตารางเซนติเมตรได้ โดยผู้เชี่ยวชาญมองว่า ยังเกิดช่องว่างทางเทคโนโลยีในดาวเทียมจีนและประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ อยู่อีกมาก

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 09:14:12


ความคิดเห็นที่ 21 (3707793)

บอร์ด กสท.ไฟเขียว 7 ช่องดาวเทียมออนแอร์ ASTV-บลูสกาย ได้ด้วย

มติ บอร์ด กสท.ให้ทีวีดาวเทียม 7 ช่อง รวม เอเอสทีวี-บลูสกายออนแอร์ โดยถือเป็นช่องที่ขออนุญาตใหม่ โดยใบอนุญาตเดิมถูกยุติถาวร เนื่องจากไม่มีการยกเลิกประกาศ คสช.ฉบับที่ 15 และต้องรับเงื่อนไขพิเศษในการกำกับดูแล...

พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวว่า ในวันนี้ (27 ส.ค.) บอร์ด กสท. มีการพิจารณาวาระพิเศษเรื่องช่องโทรทัศน์ดาวเทียมที่ถูกระงับการออกอากาศ โดยประกาศของ คสช.ฉบับที่ 15/2557 ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง คสช.ให้ กสทช.พิจารณาเพื่อให้กลับมาออกอากาศได้ โดยการขออนุญาตถือเป็นการขออนุญาตใหม่ ตามที่ คสช. อนุมัติให้นิติบุคคลรายเดิม มาขอรับใบอนุญาตใหม่ได้ ทำให้ใบอนุญาตเดิม หรือช่องรายการเดิมถูกยุติเป็นการถาวร เพราะไม่มีการยกเลิกประกาศฉบับที่ 15 แต่ประการใด ทำให้ต้องเป็นช่องรายการใหม่ และรับเงื่อนไขพิเศษที่กำหนดขึ้น เป็นข้อตกลงในการกำกับดูแลเป็นพิเศษ

พ.อ.นที ศุกลรัตน์

       

ทั้งนี้ บอร์ด กสท. ได้มีการพิจารณาอนุญาตให้ออกอากาศได้ 7 ช่อง คือ 1. Five Channel จากบริษัท เอซี เทเลวิชั่น จำกัด (เอ็มวี 5) 2. ฟ้าวันใหม่ จากบริษัท บลู สกาย แชนแนล จำกัด 3. โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม บุญนิยม จากมูลนิธิบุญนิยม (เอฟเอ็มทีวี) 4. สถานี News1 จากบริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด 5. People TV จากบริษัท พีแอนด์พี ชาแนล จำกัด 6. Peace TV จากบริษัท รวยทันที จำกัด (UDD) และ 7. 24 TV จาก เดโมเครซี นิวส์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (DNN)
      
ส่วนอีกช่องรายการที่เข้ามาเซ็น MOU แล้ว แต่ต้องรอทางสำนักงาน กสทช.ตรวจสอบเพิ่มเติม เนื่องจากมีการเปลี่ยนนิติบุคคล คือ บริษัท ดีเอ็นซี นิวส์ จำกัด ในชื่อช่อง DNC TV จากสถานีเอเชียอัปเดตเดิม รวมกับอีก 4 สถานีที่ยังไม่มีการเข้ามาเซ็น MOU คือ 1. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมโฟร์แชนแนล 2. สถานีดาวเทียมฮอตทีวี 3. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเรสคิ้ว และ 4. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) ยังไม่สามารถออกอากาศได้
       
อย่างไรก็ตาม เมื่อนิติบุคคลได้ใบอนุญาตบริการโทรทัศน์ประเภทไม่ใช้คลื่นความถี่แบบบอกรับสมาชิกใหม่แล้ว จะมีระยะเวลา 1 ปี ที่สำคัญการกำกับดูแลสามารถข้ามขั้นตอนได้เลย เพราะมีเงื่อนไขที่อาจเพิกถอนใบอนุญาตได้ทันที โดยทางคณะกรรมการได้รับรองมติ และมีการทำรายงานไปยัง คสช. เพื่อให้ทราบถึงกระบวนการต่างๆ
       
สำหรับเนื้อหาภายในบันทึกข้อตกลงส่วนใหญ่เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 97/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เรื่องการให้ความร่วมมือต่อการปฏิบัติงานของ คสช. และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ และประกาศ คสช. ฉบับที่ 103/2557 ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2557 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมประกาศ คสช. ฉบับที่ 97/2557 จึงทำบันทึกข้อตกลงกับสำนักงาน กสทช. โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
       
บริษัท ยินยอมที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขการให้บริการกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ โดยจัดทำผังรายการไม่ให้มีเนื้อหาขัดต่อประกาศ คสช.ฉบับดังกล่าว และเงื่อนไขการเป็นผู้รับใบอนุญาต นอกจากนี้ ยังห้ามมิให้เชิญบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่เป็นนักวิชาการ หรือผู้ที่เคยเป็นข้าราชการ รวมทั้งผู้ที่เคยปฏิบัติงานในศาล และกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนองค์กรอิสระ มาให้สัมภาษณ์หรือแสดงความคิดเห็นในลักษณะที่อาจก่อให้เกิด หรือขยายความขัดแย้ง บิดเบือน และสร้างความสับสนให้แก่สังคม รวมทั้งอาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรง
       
สถานีมีหน้าที่เผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร ตามที่ได้รับแจ้งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทั้งนี้ ให้บุคคลดังกล่าว รวมทั้งบุคคลอื่นใดงดเว้นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารในลักษณะดังต่อไปนี้

(1) ข้อความอันเป็นเท็จ หรือที่ส่งไปในทางหมิ่นประมาท หรือสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ องค์รัชทายาท และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์

(2) ข่าวสารที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ รวมทั้งหมิ่นประมาทบุคคลอื่น
       
(3) การวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง

(4) ข้อมูลเสียง ภาพ วีดิทัศน์ ความลับของการปฏิบัติงานของหน่วยราชการต่างๆ

(5) ข้อมูลข่าวสารที่ส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างให้เกิดความแตกแยกในราชอาณาจักร
       
(6) การชักชวน ซ่องสุมให้มีการรวมกลุ่มก่อการอันเกิดการต่อต้านเจ้าหน้าที่ และบุคคลที่เกี่ยวข้องของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

(7) การขู่จะประทุษร้าย หรือทำร้ายบุคคล อันนำไปสู่ความตื่นตระหนก หวาดกลัวแก่ประชาชน
       
ในกรณีที่ ปรากฏว่า บริษัทฯ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ฝ่าฝืนไม่ฏิบัติตามข้อตกลง อาจจะถูกสอบสวนทางจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพ โดยองค์กรวิชาชีพที่ผู้นั้นเป็นสมาชิก และต้องปฏิบัติตามกฎหมายใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ เพื่อให้บริการกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ สำหรับกิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่แบบบอกรับสมาชิก อย่างเคร่งครัด โดยข้อกำหนดในการหารายได้ของผู้รับใบอนุญาตจากโฆษณา และบริการธุรกิจตลอดทั้งวัน เฉลี่ยแล้วต้องไม่เกินชั่วโมงละห้านาที.

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 09:16:35


ความคิดเห็นที่ 22 (3707798)

ข้อมูลชี้ MH370 ลงใต้เร็วกว่าคาด ออสซี่ปรับโฟกัสจุดค้นหาใต้ทะเล

เลียวเผยว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนชี้ว่า ความสำเร็จในการค้นหาซากเครื่องบินและกล่องดำใต้น้ำเป็นปัจจัยสำคัญต่อการคลี่คลายปริศนาการหายไปของ MH370 ซึ่งหากยังไม่พบสิ่งเหล่านี้ การสอบสวนหาสาเหตุเครื่องบินตกจะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้

รัฐมนตรีคมนาคมแดนเสือเหลืองยังรับปากว่า จะรายงานความคืบหน้าในการค้นหาเมื่อได้รับข้อมูลใหม่ๆ

มาเลเซียนั้นในฐานะเป็นเจ้าของเครื่องบินซึ่งตกลงกลางทะเลหลวง จึงมีความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ในการสอบสวนสาเหตุเครื่องบินตก ขณะที่ออสเตรเลียรับผิดชอบการค้นหาในมหาสมุทรอินเดีย โดยที่เชื่อกันว่าบริเวณที่เครื่องบินตก น่าจะอยู่ห่างจากชายฝั่งด้านตะวันตกของแดนจิงโจ้ 1,800 กิโลเมตร

ฟูโกร เซอร์เวย์ บริษัทเนเธอร์แลนด์เป็นผู้ที่ชนะการประมูล ได้เป็นผู้รับเหมาทำงานค้นหา MH370 ใต้น้ำคราวนี้ ซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนกันยายน โดยใช้เรือ 3 ลำๆ หนึ่งเป็นเรือของจีน ติดตั้งเรือดำน้ำขนาดเล็กพร้อมเครื่องสแกนโซนาร์ด้านข้าง เครื่องมือหยั่งความลึกชนิดใช้คลื่นเสียงสะท้อน และอุปกรณ์วิดีโอ

การค้นหากำหนดโฟกัสที่ภายในอาณาบริเวณ 60,000 ตารางกิโลเมตร โดยอาจใช้เวลา 1 ปี และมีค่าใช้จ่าย 48 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ทั้งนี้ ก่อนเริ่มต้นการค้นหาใต้มหาสมุทร เรือ 2 ลำกำลังเร่งทำแผนที่ใต้น้ำในพื้นที่ค้นหาทั้งหมด โดยที่รองนายกรัฐมนตรีแดนจิงโจ้กล่าวว่า การทำแผนที่ใต้พื้นสมุทร ได้ค้นพบลักษณะเด่นๆ ทางภูมิศาสตร์หลายๆ อย่าง เป็นต้นว่า ได้พบภูเขาไฟใต้น้ำลูกใหม่ๆ ที่บางลูกสูงถึง 2,000 เมตร หรือในบางสถานที่พื้นทะเลมีความลึกเพียงแค่ 600 เมตรเท่านั้น ทว่าไม่ห่างจากตรงนั้นเท่าใดนักพื้นสมุทรกลับดิ่งลึกลงจนถึงระดับ 6,600 เมตรทีเดียว เหล่านี้ก็ชี้ให้เห็นถึงความยากลำบากที่ทีมค้นหาใต้น้ำต้องเผชิญในคราวนี้

ทางด้าน เหอ เจี้ยนจง รัฐมนตรีช่วยคมนาคมจีน ที่ร่วมประชุมในกรุงแคนเบอร์ราด้วย เผยว่า รัฐมนตรีจากทั้งสามประเทศเห็นพ้องว่า การค้นหาจะต้องไม่ถูกขัดจังหวะหรือยกเลิก และยังมีความมั่นใจว่า จะสามารถค้นพบ MH370 ในที่สุด

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 09:19:41


ความคิดเห็นที่ 23 (3707917)

ข้อมูลชี้ MH370 ลงใต้เร็วกว่าคาด ออสซี่ปรับโฟกัสจุดค้นหาใต้ทะเล

เลียวเผยว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนชี้ว่า ความสำเร็จในการค้นหาซากเครื่องบินและกล่องดำใต้น้ำเป็นปัจจัยสำคัญต่อการคลี่คลายปริศนาการหายไปของ MH370 ซึ่งหากยังไม่พบสิ่งเหล่านี้ การสอบสวนหาสาเหตุเครื่องบินตกจะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้

รัฐมนตรีคมนาคมแดนเสือเหลืองยังรับปากว่า จะรายงานความคืบหน้าในการค้นหาเมื่อได้รับข้อมูลใหม่ๆ

มาเลเซียนั้นในฐานะเป็นเจ้าของเครื่องบินซึ่งตกลงกลางทะเลหลวง จึงมีความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ในการสอบสวนสาเหตุเครื่องบินตก ขณะที่ออสเตรเลียรับผิดชอบการค้นหาในมหาสมุทรอินเดีย โดยที่เชื่อกันว่าบริเวณที่เครื่องบินตก น่าจะอยู่ห่างจากชายฝั่งด้านตะวันตกของแดนจิงโจ้ 1,800 กิโลเมตร

ฟูโกร เซอร์เวย์ บริษัทเนเธอร์แลนด์เป็นผู้ที่ชนะการประมูล ได้เป็นผู้รับเหมาทำงานค้นหา MH370 ใต้น้ำคราวนี้ ซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนกันยายน โดยใช้เรือ 3 ลำๆ หนึ่งเป็นเรือของจีน ติดตั้งเรือดำน้ำขนาดเล็กพร้อมเครื่องสแกนโซนาร์ด้านข้าง เครื่องมือหยั่งความลึกชนิดใช้คลื่นเสียงสะท้อน และอุปกรณ์วิดีโอ

การค้นหากำหนดโฟกัสที่ภายในอาณาบริเวณ 60,000 ตารางกิโลเมตร โดยอาจใช้เวลา 1 ปี และมีค่าใช้จ่าย 48 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ทั้งนี้ ก่อนเริ่มต้นการค้นหาใต้มหาสมุทร เรือ 2 ลำกำลังเร่งทำแผนที่ใต้น้ำในพื้นที่ค้นหาทั้งหมด โดยที่รองนายกรัฐมนตรีแดนจิงโจ้กล่าวว่า การทำแผนที่ใต้พื้นสมุทร ได้ค้นพบลักษณะเด่นๆ ทางภูมิศาสตร์หลายๆ อย่าง เป็นต้นว่า ได้พบภูเขาไฟใต้น้ำลูกใหม่ๆ ที่บางลูกสูงถึง 2,000 เมตร หรือในบางสถานที่พื้นทะเลมีความลึกเพียงแค่ 600 เมตรเท่านั้น ทว่าไม่ห่างจากตรงนั้นเท่าใดนักพื้นสมุทรกลับดิ่งลึกลงจนถึงระดับ 6,600 เมตรทีเดียว เหล่านี้ก็ชี้ให้เห็นถึงความยากลำบากที่ทีมค้นหาใต้น้ำต้องเผชิญในคราวนี้

ทางด้าน เหอ เจี้ยนจง รัฐมนตรีช่วยคมนาคมจีน ที่ร่วมประชุมในกรุงแคนเบอร์ราด้วย เผยว่า รัฐมนตรีจากทั้งสามประเทศเห็นพ้องว่า การค้นหาจะต้องไม่ถูกขัดจังหวะหรือยกเลิก และยังมีความมั่นใจว่า จะสามารถค้นพบ MH370 ในที่สุด

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 12:14:35


ความคิดเห็นที่ 24 (3707921)

เร่งดันศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมลง ร.ร.ขนาดเล็กเพิ่ม

สพฐ.จัดอบรมการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม สำหรับผู้อำนวยการโรงเรียนขนาดเล็ก เร่งขยายผลให้กับครูโรงเรียนขนาดเล็กที่ขาดแคลน...

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 ส.ค. นายเพชรรัตน์ นิ่มพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จังหวัดอ่างทอง เปิดอบรมการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมสำหรับผู้อำนวยการโรงเรียนขนาดเล็ก และคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติระดับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ตามโครงการขยายผลการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่า 90 สพป.จังหวัดอ่างทอง เพื่อจะได้นำไปขยายผลให้กับครูโรงเรียนขนาดเล็กในสังกัด

 
เร่งดันศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมลง ร.ร.ขนาดเล็กเพิ่ม
 
นายเพชรรัตน์ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีนโยบายให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาทุกแห่งดำเนินการขยายผลโครงการการจัดศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม โดยจัดอบรมการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมสำหรับผู้อำนวยการโรงเรียนขนาดเล็ก และคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติระดับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ณ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาทุกแห่ง การอบรมภาคเช้ารับสัญญาณการถ่ายทอดสดจากสถานีวิทยุโทรทัศน์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ช่อง DLTV 14 โรงเรียนวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภาคบ่ายเป็นกิจกรรมประชุมกลุ่มย่อย แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และจัดกิจกรรมตามตารางอบรมการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม แผนที่ 2 เพื่อให้ผู้อำนวยการโรงเรียนขนาดเล็กได้นำไปจัดอบรมขยายผลให้กับครูในโรงเรียน ในวันที่ 6 กันยายน 2557 ตามที่ สพฐ.กำหนดตามตารางอบรมการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม แผนที่ 3 ต่อไป.

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 12:21:01


ความคิดเห็นที่ 25 (3707925)

สพป.บุรีรัมย์ติวเข้มการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม แก้ปัญหาขาดแคลนครูสอน

บุรีรัมย์ - สพป.บุรีรัมย์ เขต 1 มอบนโยบายการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมสู่การปฏิบัติแก้ปัญหาขาดแคลนครูผู้สอนและการใช้สื่อการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ ตามแนวทาง คสช.
      
       วันนี้ (29 ส.ค.) ที่หอประชุมบัวชมพู โรงเรียนอนุบาลบุรีรัมย์ นายสุพจน์ เจียมใจ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (ผอ.สพป.) บุรีรัมย์ เขต 1 เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม สำหรับผู้บริหารสถานศึกษาและคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติ
      
       โดยมีผู้อำนวยการโรงเรียนในสังกัดทั้ง 202 โรงเรียนเข้ารับการอบรม เพื่อสร้างความตระหนักความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายการนำสื่อการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนในห้องเรียนอย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพ
      
       ทั้งนี้ ผู้เข้ารับการอบรมได้ร่วมพิธีถวายราชสดุดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงห่วงใยคุณภาพการศึกษาของเด็กไทย พระราชทานการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมจากโรงเรียนวังไกลกังวล เป็นโครงการในพระราชดำริ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาที่มีคุณภาพแก่นักเรียนในทุกพื้นที่ของประเทศไทย
      
       นายสุพจน์กล่าวว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เห็นความสำคัญในด้านการศึกษา และให้เร่งรัดแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครูในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจึงได้ดำเนินการขยายผลการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม
      
       โดยจัดอบรมให้ความรู้แก่ผู้บริหารโรงเรียน เพื่อให้เกิดความตระหนักในแนวพระราชดำริการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม มุ่งเน้นให้นำไปสู่การปฏิบัติให้บังเกิดผลอย่างจริงจังและยั่งยืน เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนได้เข้าถึงสื่อการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักเรียนด้วย

 

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 12:25:43


ความคิดเห็นที่ 26 (3707927)

อลหม่านเรียงช่องทีวีใหม่ "เคเบิล-ดาวเทียม" เตรียมฟ้องกสทช. ฟากทีวีดิจิทัลหนุนเต็มสูบหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เมื่อ 25 ส.ค. 2557 มีมติให้ยกร่างประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรื่องหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ ฉบับใหม่ เพื่อป้องกันความสับสนของประชาชนในหาช่องทีวีดิจิทัล โดยร่างฉบับใหม่จะกำหนดให้ผู้ให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ ทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี ต้องเรียงลำดับเลขช่องทีวีใหม่ โดยให้ช่องรายการลำดับที่ 1 ถึง 36 ต้องเป็นช่องทีวีดิจิทัล ต่างจากเดิมที่การดูช่องทีวีดิจิทัลผ่านโครงข่ายทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวี จะอยู่ในช่องรายการลำดับที่ 11 เป็นต้นไป

ล่าสุด แหล่งข่าวในวงการทีวีดาวเทียม เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กลุ่มผู้ประกอบการโทรทัศน์แบบไม่ใช้คลื่นความถี่ ได้แก่ เคเบิลทีวี และทีวีดาวเทียม กำลังหารือเพื่อเตรียมการฟ้อง กสทช. เนื่องจากหากมีการออกประกาศเรียงช่องใหม่จริง จะสร้างผลเสียให้กับ ทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวี

"จริง ๆ แล้ว ถ้า กสทช.จะทำอะไรควรบอกกันก่อน ไม่ใช่นึกจะแก้ก็แก้ พวกเราปฏิบัติตามไม่ทัน ธุรกิจนี้ต้องวางแผนระยะยาว จะบอกว่าแจ้งล่วงหน้า 3 เดือนก็คงไม่ได้ ที่ผ่านมาพวกเรายอมปฏิบัติตามเงื่อนไขของ กสทช.มาตลอด แม้จะทำให้เกิดความยุ่งยากในการดำเนินธุรกิจก็ตาม แต่ถ้าประกาศฉบับใหม่บังคับใช้เมื่อใด ทั้งทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีต้องรื้อระบบเรียงช่องกันใหม่หมด กลุ่มเคเบิลทีวียิ่งจะอยู่ลำบากกว่าเดิม เพราะระบบรองรับจำนวนช่องที่เผยแพร่ออกได้จำกัดอยู่แล้ว พอถูกบังคับให้ 36 ช่องแรกเป็นทีวีดิจิทัลจำนวนช่องที่เหลือให้เอารายการมาออกได้ก็จะมีอีกไม่มาก ส่วนกลุ่มทีวีดาวเทียม และเพย์ทีวีที่จ่ายรายเดือนก็คงลำบากเช่นกัน เพราะบางเจ้าต้องยิงสัญญาณขึ้นไปเอง ทำให้กินแบนวิธ และเพิ่มช่องดูไม่ได้อีก"

โดยผู้ประกอบการเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมที่จะรวมตัวกันยื่นฟ้อง จะมีทั้งผู้ประกอบการรายเล็กและรายใหญ่อย่าง PSI ด้วย

ขณะเดียวกัน ยังมีรายงานข่าวแจ้งว่า เวลา 19.00 น. วันนี้ (29 ส.ค. 2557) จะมีการรวมตัวกันของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลบางส่วน ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลลาดพร้าว เพื่อหารือแนวทางสนับสนุน กสทช. ในการเดินหน้าเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลอย่างราบรื่น โดยเฉพาะการยกร่างประกาศเพื่อจัดเรียงช่องทีวีใหม่ ที่จะทำให้ช่องรายการในลำดับที่ 1 – 36 ของทุกแพลตฟอร์มเป็นช่องรายการทีวีดิจิทัล

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-09-18 12:29:07



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.