ReadyPlanet.com


ข่าวดาวเทียมวันที่ 2 ตุลาคม 2014



ASTVผู้จัดการ - กสท. เรียกทีวีดาวเทียม 4 ช่อง “นิวส์วัน-ฟ้าวันใหม่-พีซทีวี-ทีนิวส์” ตักเตือน และทำความเข้าใจรายละเอียดมิให้ละเมิด MOU ที่เซ็น แนะอย่าแสดงอัตลักษณ์เช่น “เสื้อแดง-นกหวีด” เพราะเกรงว่าอาจจะทำให้เกิดการแบ่งฝักฝ่ายอีก เตือนอย่าวิพากษ์เรื่อง หรือนโยบายในอดีต หรือพาดพิงบุคคลที่ 3 ระบุถอนใบอนุญาตได้ทันที
      
       ช่วงบ่ายวันนี้ (16 ก.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่ประชุม กสท. ได้มีการเรียกผู้บริหารโทรทัศน์ดาวเทียม 4 ช่อง ประกอบไปด้วย นิวส์วัน (NEWS1) ฟ้าวันใหม่ พีซทีวี และทีนิวส์ เข้ามาพูดคุยและตักเตือนเกี่ยวกับการนำเสนอเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ขัดต่อเงื่อนไขตามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ที่ทั้ง 3 ช่องได้ตกลงไว้กับ กสทช.ในการขออนุญาตออกอากาศ โดยในวันที่ 12 ก.ย. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ยังได้ส่งหนังสือเรื่อง ให้ปฏิบัติตามประกาศ คสช.โดยเคร่งครัด
      
       ในการประชุมวันนี้ พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ หนึ่งใน กสทช. เป็นประธานในที่ประชุม และมีอนุกรรมการด้านเนื้อหาเข้าร่วมประชุมด้วย โดยช่วงต้นของการประชุมทางคณะทำงานของ กสทช.ได้เปิดคลิปรายการต่างๆ ของทุกช่อง ที่สุ่มเสี่ยงว่ามีเนื้อหาที่ขัดต่อเอ็มโอยู เช่น การวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับนโยบายประชานิยม การใส่เสื้อแดง และฉากแดงออกอากาศของพิธีกรช่องพีซทีวี การขายนกหวีดที่ระลึก การวิพากษ์ถึงนโยบายที่ผิดพลาด และการคอร์รัปชันของรัฐบาลก่อนๆ การตั้งคำถามเกี่ยวกับการให้เปลี่ยนชื่อสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเพื่อให้ได้ออกอากาศอีกครั้งของช่องฟ้าวันใหม่ การวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทุจริตการเลือกตั้ง และการพาดพิงกระทบถึงบุคคลที่ 3 ของช่องนิวส์วัน
      
       พล.ท.พีระพงษ์ กล่าวว่า ความจริงตนเองไม่อยากเรียกผู้ประกอบการและสื่อมวลชนเข้ามาพูดคุย แต่ในสถานการณ์พิเศษเช่นนี้อยากให้ทุกคนปฏิบัติตามเอ็มโอยูที่ลงนามไว้อย่างเคร่งครัด มิฉะนั้นอาจถูกเพิกถอนใบอนุญาตการออกอากาศได้ พร้อมกล่าวด้วยว่า ทางผู้บริหารบ้านเมืองในปัจจุบันมีนโยบายให้เกิดความปรองดอง สมานฉันท์ ดังนั้น การแสดงถึงอัตลักษณ์ของการแบ่งสีแบ่งฝ่ายจึงไม่ควรออกหน้าจอ นอกจากนี้ การใช้ถ้อยคำที่ทำให้เกิดความเกลียดชังก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมี เนื่องจากอาจจะปลุกอารมณ์ความรู้สึกของผู้ชมให้กลับไปเป็นเหมือนช่วงก่อนการรัฐประหาร 22 พฤษภาคมได้ อย่างน้อยก็ถึงสิ้นปี 2557 นี้
      
       ด้านผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์ฟ้าวันใหม่ นายเถกิง สมทรัพย์ กล่าวในที่ประชุมว่า ตนขอบคุณที่คณะกรรมการ กสท. เรียกประชุมทำความเข้าใจ และมีตัวอย่างให้เห็นชัดว่าเนื้อหารายการเช่นไรบ้างที่ขัด หรือสุ่มเสี่ยงที่จะขัดต่อเอ็มโอยู อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ทางผู้ตรวจสอบดูรายการทางช่องต่างๆ ให้มากขึ้น และครบถ้วน เพื่อมิให้เกิดการตัดเพียงบางท่อนบางตอน และทำให้เกิดความเข้าใจผิด
      
       สำหรับเนื้อหาภายในบันทึกข้อตกลงซึ่งช่องโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมที่เข้าประชุมในวันนี้ลงนามไปเมื่อวันที่ 26 ส.ค. มีเนื้อหาสำคัญดังนี้คือ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 97/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม2557 เรื่องการให้ความร่วมมือต่อการปฏิบัติงานของ คสช. และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ และประกาศ คสช. ฉบับที่ 103/2557 ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2557 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมประกาศ คสช.ฉบับที่ 97/2557 จึงทำบันทึกข้อตกลงกับสำนักงาน กสทช.โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
      
       บริษัทยินยอมที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขการให้บริการกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ โดยจัดทำผังรายการไม่ให้มีเนื้อหาขัดต่อประกาศ คสช.ฉบับดังกล่าว และเงื่อนไขการเป็นผู้รับใบอนุญาต นอกจากนี้ ยังห้ามมิให้เชิญบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่เป็นนักวิชาการ หรือผู้ที่เคยเป็นข้าราชการ รวมทั้งผู้ที่เคยปฏิบัติงานในศาล และกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนองค์กรอิสระ มาให้สัมภาษณ์หรือแสดงความคิดเห็นในลักษณะที่อาจก่อให้เกิด หรือขยายความขัดแย้ง บิดเบือน และสร้างความสับสนให้แก่สังคม รวมทั้งอาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรง
      
       สถานีมีหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารตามที่ได้รับแจ้งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทั้งนี้ ให้บุคคลดังกล่าว รวมทั้งบุคคลอื่นใดงดเว้นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารในลักษณะดังต่อไปนี้ (1) ข้อความอันเป็นเท็จ หรือที่ส่งไปในทางหมิ่นประมาท หรือสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ องค์รัชทายาท และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ (2) ข่าวสารที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ รวมทั้งหมิ่นประมาทบุคคลอื่น
      
       การวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยมีเจตนาไม่สุจริตเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ (4) ข้อมูลเสียง ภาพ วิดีทัศน์ ความลับของการปฏิบัติงานของหน่วยราชการต่างๆ (5) ข้อมูลข่าวสารที่ส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างให้เกิดความแตกแยกในราชอาณาจักร
      
       (6) การชักชวน ซ่องสุมให้มีการรวมกลุ่มก่อการอันเกิดการต่อต้านเจ้าหน้าที่ และบุคคลที่เกี่ยวข้องของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (7) การขู่จะประทุษร้าย หรือทำร้ายบุคคล อันนำไปสู่ความตื่นตระหนก หวาดกลัวแก่ประชาชน
      
       ในกรณีที่ปรากฏว่า บริษัทฯ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงอาจจะถูกสอบสวนทางจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพโดยองค์กรวิชาชีพที่ผู้นั้นเป็นสมาชิก และต้องปฏิบัติตามกฎหมายใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ เพื่อให้บริการกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ สำหรับกิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่แบบบอกรับสมาชิกอย่างเคร่งครัด โดยข้อกำหนดในการหารายได้ของผู้รับใบอนุญาตจากโฆษณา และบริการธุรกิจตลอดทั้งวัน เฉลี่ยแล้วต้องไม่เกินชั่วโมงละห้านาที
      
       หากสำนักงาน กสทช. ตรวจพบว่า มีการฝ่าฝืนข้อตกลงอาจพิจารณาถอนใบอนุญาตทันที



ผู้ตั้งกระทู้ Admin :: วันที่ลงประกาศ 2014-10-03 10:06:53


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3716231)

กสทช.ยันช่อง 3 เจรจาไม่จบก่อน 28 ก.ย.จอดำบนกล่องดาวเทียม /เคเบิล

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)

        กสทช.ยันมติ กสท.ยังบังคับใช้กรณีช่อง 3 พร้อมให้ยืนยันผู้มีอำนาจลงนามจริงในหนังสือที่ร้องขอทบทวนมติกสท. ลั่นต้องได้ข้อสรุปก่อน 28 ก.ย.นี้ พร้อมแจงเงินชดเชยบอลโลก 2014 มติหั่นงบชดเชยเหลือ 370 ล้านบาท เปิดช่องพร้อมรับคำอุทธรณ์จากอาร์เอส
      
       นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ที่ประชุมกสทช.ได้รับทราบเรื่องที่ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด (ช่อง 3 ) ยื่นขอทบทวนมติของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) แล้ว และขอให้ช่อง 3 ทำหนังสือยืนยันว่าผู้ที่ลงนามในหนังสือฯ มีอำนาจในการลงนามหรือไม่ หากเป็นผู้มีอำนาจ ให้นำเรื่องส่งให้ที่ปรึกษากฎหมายพิจารณาให้ความเห็นต่อไป คาดว่าน่าจะพิจารณาเสร็จภายในต้นสัปดาห์หน้าจากนั้นจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมบอร์ด กสทช.อีกครั้งหนึ่ง
      
       ระหว่างที่รอความเห็นดังกล่าว มติของบอร์ดกสท. ยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป จนกว่าจะมีมติที่ชัดเจน ระหว่างนี้จดหมายของสำนักงานกสทช.ได้ส่งออกไปยังผู้ให้บริการโครงข่ายดาว เทียมและเคเบิลแล้ว เท่ากับว่าวันที่ 28 ก.ย.นี้ ผู้ให้บริการโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลต้องไม่เผยแพร่ช่อง 3 อนาล็อกบนดาวเทียมและเคเบิล แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นตนเองมั่นใจว่าจะต้องได้ข้อยุติก่อนวันที่ 28 ก.ย. อย่างแน่นอน คงจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์
      
       "อย่างไรเสียวันที่ 18 ก.ย.นี้ช่อง 3 ก็ต้องกลับมาคุยกับบอร์ด กสท. อีกครั้งเพื่อหารือเพิ่มเติม ผมว่าจุดนี้ใกล้จะได้ข้อยุติกันแล้ว เรื่องนี้เราต้องปล่อยให้เป็นอำนาจของ บอร์ดกสท. เราไม่ได้ตัดสิทธิอำนาจของบอร์ด กสท. ระหว่างนี้ก็ต้องยึดตามมติของ บอร์ด กสท."
      
       ส่วนเรื่องที่เครือข่ายภาคประชาชนเฝ้าระวังสื่อวิทยุและโทรทัศน์ เข้ามายื่นหนังสือให้เพิกถอนสัมปทานและใบอนุญาตของช่อง 3 นั้น ที่ประชุมจะส่งเรื่องให้บอร์ด กสท. กลับไปทบทวน เพราะก่อนหน้านี้บอร์ด กสท.เคยพิจารณาเรื่องสัญญาสัมปทานมาก่อนหน้านั้นของช่อง 3 แล้วว่าชอบด้วยกฎหมาย
      
       ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย. ทนายความของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ได้ส่งหนังสือมายังสำนักงานกสทช.เพื่อให้กำลังใจ กสทช.ให้ทำงานเรื่องการพิจารณาเกี่ยวกับช่อง 3 โดยยึดพื้นฐานความถูกต้องตามกฎหมายเป็นหลัก
      
       *** หั่นวงเงินชดเชยบอลโลก
      
       จากนั้นที่ประชุมยังได้มีมติเห็นชอบให้จ่ายเงินชดเชยกรณีการถ่ายทอดการแข่งขันบอลโลก 2014 ให้กับบริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอสคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเมนท์ จำกัด (RS) เป็นจำนวนเงิน 369.859 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งลดลงจากวงเงินที่ กสทช. อนุมัติไว้เดิม 57,155,875.68 บาท ทั้งนี้ หากบริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอสคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเมนท์ จำกัด (RS) เห็นว่าวงเงินดังกล่าวยังไม่เหมาะสมสามารถอุทธรณ์เรื่องดังกล่าวต่อ กสทช. ได้
      
       "จากเดิมที่ กสทช.เคยมีมติจ่ายชดเชยให้ 427 ล้านบาท แต่เมื่ออนุกรรมการไปพิจารณาแล้วกลับเห็นต่างโดยเฉพาะในเรื่องต้นทุนกล่อง ดังนั้นอาร์เอสสามารถนำข้อเท็จจริงมาเสนอเพื่ออุทธรณ์ได้ ซึ่งต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน ว่ามีประชาชนมาคืนกกล่องจำนวนเท่าไหร่ โดยก่อนหน้านี้กสทช.ได้จ่ายเงินชดเชยไปแล้ว 118 ล้านบาท กสทช.ก็จะจ่ายในส่วนที่เหลือให้ต่อไป"
      
       ***เดินหน้าประชาพิจารณ์เรียงช่อง
      
       นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ. .... ที่ผ่านการพิจารณาจากกสท. ไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะตามมาตรา 28 ได้ โดยหากร่างประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ จะทำให้ประชาชนสามารถรับชมฟรีทีวีทั้ง 24 ช่อง และช่องบริการสาธารณะ ได้ในลำดับช่องที่ 1-36 ในทุกระบบ (ทุกแพลตฟอร์ม) คาดว่าจะสามารถดำเนินการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะและออกกฎบังคับใช้ได้ภายใน 45 วัน ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับการแจกคูปองส่วนลดแลกซื้ออุปกรณ์รับสัญญาณดิจิตอล

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-10-03 10:10:37


ความคิดเห็นที่ 2 (3716238)

ไร้เงาช่อง 3 เจรจาคู่ขนาน ด้านกสทช.ย้ำ 30 ก.ย.จอดำ

ช่อง 3 ยังไร้ทางออก กสทช.เผยทำข้อเสนอใหม่ไม่ทัน ย้ำหากไม่มีการเจรจาให้จบ ช่อง 3 จอดำบนดาวเทียม เคเบิล 30 ก.ย. นี้
      
       นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กสทช.กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่อง บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด (ช่อง 3) ว่า ขณะนี้ช่อง 3 ยังไม่ได้นัดเข้าพบกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ตามที่ กสท.นัดไว้ เนื่องจากไม่สามารถกลับไปทำเงื่อนไขใหม่มาเสนอได้ทัน ระหว่างนี้ก็ต้องรอดูว่าจะมีความคืบหน้าในการเจรจากันหรือไม่ ก่อนที่บอร์ด กสท.จะมีการประชุมในวันที่ 22 ก.ย.นี้ เพราะหากเรื่องไม่คืบหน้าบอร์ด กสทช. ก็อาจจะมีการเรียกช่อง 3 มาเจรจาอีกรอบหนึ่ง ไม่เช่นนั้นช่อง 3 อะนาล็อกจะจอดำบนโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลในวันที่ 30 ก.ย.นี้
      
       อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ช่อง 3 นำโดยนายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการบริหารและผู้อำนวยการอาวุโส สายธุรกิจโทรทัศน์ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) นายประสาร มาลีนนท์ รองประธานกรรมการบริหาร นายนายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน และ นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด (ช่อง 3) เดินทางเข้าบอร์ด กสท. เพื่อหารือเรื่องแนวทางการออกอากาศคู่ขนานตามคำเชิญของบอร์ด กสท. แต่ไม่สามารถตกลงเงื่อนไขกันได้ และบอร์ด กสท. มีมติให้ช่อง 3 กลับไปลดเงื่อนไขในการออกคู่ขนานให้น้อยลงกว่าเดิมเพื่อมาเจรจากันใหม่ในวันที่ 18 ก.ย. แต่ก็ไร้วี่แววในการเจรจาดังกล่าว
      
       นอกจากนี้บอร์ด กสทช.เองก็ได้นำเรื่องเข้าพิจารณาเมื่อวันที่ 17 ก.ย. โดยมีมติให้ช่อง 3 กลับไปทำหนังสือยืนยันว่าผู้ที่ลงนามในหนังสือขอทบทวนมติ กสท.มีอำนาจในการลงนามหรือไม่ หากเป็นผู้มีอำนาจ ให้นำเรื่องส่งให้ที่ปรึกษากฎหมายพิจารณาให้ความเห็นต่อไป คาดว่าน่าจะพิจารณาเสร็จภายในต้นสัปดาห์หน้า จากนั้นจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมบอร์ด กสทช.อีกครั้งหนึ่ง
      
       อนึ่ง ข้อเสนอที่ช่อง 3 ต้องการออกคู่ขนานก่อนหน้านั้นคือการออกคู่ขนานในช่องดาวเทียม เคเบิล ที่ไม่ใช่ช่อง 33HD ก่อนที่หลังการเจรจากับ กสท.จึงได้ยอมออกคู่ขนานในช่อง 33 HD แต่กลับมีเงื่อนไขในการขอเยียวยาที่ กสท.รับไม่ได้จึงส่งให้ช่อง 3 กลับไปลดเงื่อนไขและกลับมาเจรจากันใหม่

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-10-03 10:14:54


ความคิดเห็นที่ 3 (3716241)

“เอเชียนเกมส์” แอนะล็อก…เกมซื้อเวลาของ “กสท.-ช่อง 3”

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-10-03 10:17:35


ความคิดเห็นที่ 4 (3716248)

นาซาเจ๋ง! ยาน ‘มาเวน’ ส่งดาวเทียมเข้าสู่วงโคจรดาวอังคารสำเร็จแล้ว

นักวิทย์องค์การนาซา สุดตื่นเต้น...ยานอวกาศ ‘มาเวน’ ส่งดาวเทียมสำรวจดาวอังคาร เข้าสู่วงโคจรของดาวเคราะห์สีแดง ได้สำเร็จตามแผน หลังถูกส่งขึ้นไปเดินทางรอนแรมในห้วงอวกาศไกลถึง 442 ล้านไมล์ นานนับ 10 เดือน

เมื่อวันที่ 22 ก.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ยานอวกาศมาเวน (Maven) ยานสำรวจดาวอังคาร ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ (นาซา) ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการเข้าสู่วงโคจรของดาวอังคาร หลังจากถูกส่งขึ้นไปปฏิบัติภารกิจตั้งแต่ 10 เดือนก่อน (วันที่ 19 พ.ย.2556) และรอนแรมในห้วงอวกาศเป็นระยะทางถึง 442 ล้านไมล์ กว่าจะเข้าสู่วงโครจรของดาวอังคาร ในช่วงวันที่ 21 ก.ย.2557

องค์การนาซา แถลงว่า ยานอวกาศแบบไร้คนขับ ‘มาเวน’ (Mars Atmosphere and Volatile Evolution) ใช้เวลาในการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ขับดัน 33 นาที เพื่อให้ได้ความเร็วที่พอเหมาะสำหรับการให้ดาวเทียมสำรวจดาวอังคาร ถูกแรงโน้มถ่วงของดาวเคราะห์สีแดงดวงนี้ ดึงดูดเข้าสู่วงโคจร


สำหรับแผนภารกิจของนาซาที่ส่งยานอวกาศไร้คนขับมาเวนไปยังดาวอังคาร เพื่อศึกษาและค้นหาเหตุผลว่าทำไมชั้นบรรยากาศของดาวอังคารที่เคยหนาแน่นจึงหายไป เนื่องจากปัจจุบัน ดาวอังคารมีชั้นบรรยากาศที่เบาบางมาก จนทำให้น้ำบนผิวดาวอังคารเดือดและระเหยหายไปจนหมด โดยนาซามีเป้าหมายให้ดาวเทียมสำรวจดาวอังคารของยานมาเวนส่งข้อมูลกลับมายังโลกเพื่อนักวิทยาศาสตร์จะได้สร้างโมเดลของสภาพชั้นบรรยากาศบนดาวอังคารในปัจจุบันที่ดีกว่าเดิม เมื่อเทียบกับที่ผ่านมา


‘ผมกำลังหวังว่าการสำรวจดาวอังคารของมาเวน จะทำให้พวกเราได้เห็นอะไรที่แปลกใหม่เกี่ยวกับสภาพสิ่งแวดล้อมของดาวอังคารในวันนี้’ นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยโคโลราโด ในสหรัฐฯ กล่าวอย่างตื่นเต้น

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-10-03 10:24:33


ความคิดเห็นที่ 5 (3716250)

“นกแอร์” จับมือ “ไทยคม” บริการฟรี Wi-Fi Onboard บนเที่ยวบินในประเทศ

เครื่องบิน “นกบุษราคัม”

        นกแอร์ สายการบินพรีเมียมโลว์คอสต์อันดับหนึ่งของประเทศไทย ร่วมมือกับ บมจ.ไทยคม ผู้นำกิจการดาวเทียมและอวกาศของไทย ประกาศเป็นสายการบินแรกในเอเชีย ที่ให้บริการ Wi-Fi อินเตอร์เน็ตบนเครื่องบินแก่ผู้โดยสาร เพื่อเพิ่มอรรถรสในการเดินทางให้กับผู้โดยสาร โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
      
       นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พวกเราทุกคนที่นกแอร์รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่เป็นสายการบินแรกในเอเชียที่ให้บริการ ฟรี Wi-Fi บนเที่ยวบินแก่ผู้โดยสารของเรา การคิดค้นบริการที่แปลกใหม่ให้กับผู้โดยสารของเราเป็นเป้าหมายหลักที่นกแอร์ตระหนักอยู่เสมอ การให้บริการฟรี Wi-Fi นี้ เป็นบริการที่นกแอร์ตั้งใจมอบให้กับผู้โดยสารของเราทุกคน เพื่อประสบการณ์เดินทางใหม่ที่จะไม่พลาดทุกการเชื่อมต่อแม้อยู่บนความสูง 35,000 ฟุต”


นายพาที สารสิน และ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ร่วมถ่ายภาพ ในงานแถลงข่าวเปิดตัว บริการ WiFi บนเครื่องนกนกบุษราคัม

        ด้าน นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยคม เปิดเผยว่า บมจ. ไทยคมยินดีอย่างยิ่งที่นกแอร์ได้ให้ความเชื่อมั่นในบริการสื่อสารผ่านดาวเทียมบนเครื่องบินโดยไทยคม และขอขอบคุณ บริษัท โกลบอล อีเกิ้ล เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ได้ร่วมพัฒนาอุปกรณ์และระบบการสื่อสาร จนนำมาซึ่งความสำเร็จในการเปิดให้บริการสื่อสารผ่านดาวเทียมบนสายการบินนกแอร์ การให้บริการสื่อสารผ่านดาวเทียมบนเครื่องบินที่ให้บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ความเร็วสูงบน Ku-band เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นตามแผนกลยุทธ์ “New Frontiers” ด้าน New Solutions ของไทยคม โดยมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารผ่านดาวเทียม Mobility Service แบบครบวงจร บริการของไทยคมนี้ช่วยเชื่อมต่อการสื่อสาร ทั้งภาคพื้นดิน ภาคพื้นน้ำ และบนฟ้า เพื่อส่งมอบโซลูชั่นส์การให้บริการสำหรับลูกค้า และขณะเดียวกันก็ตอบสนองความต้องการในการสื่อสารแบบต่อเนื่องของผู้โดยสารของสายการบินนกแอร์ด้วย เนื่องจากผู้โดยสารสามารถใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงแม้ในขณะเดินทาง ทั้งนี้ ไทยคมเชื่อมั่นว่า การเปิดให้บริการสื่อสาร Wi-Fi ผ่านดาวเทียมบนเครื่องบินในครั้งนี้ จะช่วยเสริมศักยภาพการให้บริการของนกแอร์ให้ทุกเที่ยวบินเต็มไปด้วยรอยยิ้มได้มากขึ้นแน่นอน 


บรรยากาศผู้โดยสารกำลังใช้บริการ Wi Fi บนเครื่องบินนกบุษราคัม

        ทั้งนี้ การบริการ Wi-Fi Onboard จะเริ่มให้บริการตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไปโดยไม่มีค่าใช้จ่าย บนเครื่องบิน “นกบุษราคัม” ทุกเที่ยวบิน และในอนาคตทางสายการบินนกแอร์ จะมีการเพิ่มการบริการ Wi-Fi Onboard บนเครื่องบินลำอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-10-03 10:28:35


ความคิดเห็นที่ 6 (3716254)

คาด ต.ค.จัดซื้อจานรับสัญญาณดาวเทียมเรียนทางไกลครบ 100%

   สพฐ. มั่นใจ ต.ค. นี้ ติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณใน ร.ร. ครบ 100% “กมล” รับไม่ได้ทำสเปกใหม่แต่ใช้สเปกกลางที่เป็นของ ร.ร.วังไกลกังวล ย้ำทำโปร่งใสส่งผู้ตรวจราชการ สพฐ. ลงติดตามผลการการจัดซื้อของทุกโรงเรียน ไม่ใช้วิธีการสุ่มตรวจ ยังรายงานฝ่ายสังคมทุกสัปดาห์
      
       วันนี้ (23 ก.ย.) นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้อนุมัติกรอบวงเงิน 1,318 ล้านบาท เพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) นำไปเติมเต็มในโครงการขยายผลการศึกษาทางทางไกลผ่านดาวเทียม จากโรงเรียนวังไกลกังวลให้สมบูรณ์เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2557 นั้นขณะนี้ สพฐ. ได้จัดสรรงบประมาณลงไปยังสถานศึกษาเพื่อจัดซื้อชุดอุปกรณ์ในการรับสัญญาณถ่ายทอดจากวังไกลกังวล โดยการจัดซื้อนั้นจะมีทั้งโรงเรียนที่ต้องจัดซื้อจัดจ้างครบทั้งชุด และบางโรงเรียนจัดซื้อทดแทนอุปกรณ์ที่ชำรุด ซึ่ง สพฐ.เปิดโอกาสให้โรงเรียนดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเอง เบื้องต้นได้รับรายงานว่ามีการดำเนินการจัดซื้อไปแล้ว 70-80% คาดว่า ในเดือนตุลาคมนี้จะแล้วเสร็จทั้ง 100% สามารถใช้ในการจัดการเรียนการสอนได้เต็มรูปแบบครบทุกวิชาใน
      
       นายกมล กล่าวถึงกรณีมีการร้องเรียนไม่มีการตั้งกรรมการกำหนดสเปก ในการจัดซื้อโทรทัศน์ (TV) ขนาด 32 นิ้ว และ ไม่ผ่านการประชาพิจารณ์ ผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ (พ.ร.บ.) ฮั้ว พ.ศ.... ว่า ยอมรับว่าไม่มีการตั้งกรรมการเพื่อจัดทำสเปก ทั้งนี้ เนื่องจาก สพฐ. ขอใช้สเปกกลางของโรงเรียนวังไกลกังวลที่มีอยู่แล้วมาใช้ ซึ่งก็ได้ขออนุมัติจากสำนักงบประมาณและคณะรัฐมนตรีมาขออนุมัติจัดซื้อจัดจ้าง ส่วนกรณีที่ต้องใช้ทีวีขนาด 32 นิ้วขึ้นไป นั้นก็เป็นสเปกกลางของโรงเรียนวังไกลกังวลกำหนดมาเช่นเดียวกัน เพราะเดิมโรงเรียนใช้ทีวีขนาด 21 นิ้ว เด็กมองไม่ค่อยเห็น นโยบาย คสช. ก็ระบุไว้ชัดให้จัดซื้อใหม่ด้วย และ สพฐ. ก็ตรวจสอบแล้วว่ามีบริษัทที่สามารถขายได้หลาย 10 บริษัท ซึ่งก็ไม่ได้มีการล็อกสเปกให้บริษัทใดบริษัทหนึ่งเข้ามาขาย
      
       “ก่อนที่จะประกาศ สพฐ. ก็ได้หารือทางฝ่ายสังคมจิตวิทยา มีทหารที่มีความรู้ทางด้านนี้มาช่วยดู ซึ่งก็เห็นว่าเป็นสเปคกลางที่สามารถใช้ได้ ส่วนเรื่องการประชาพิจารณ์นั้นก็ไม่จำเป็นต้องประชาพิจารณ์อีก เพราะก่อนหน้านี้โรงเรียนวังไกลวังกลได้ทำประชาพิจารณ์มาแล้วถึงได้จัดทำเป็นสเปกมาแล้ว ทั้งนี้ จากการตรวจสอบในพื้นที่ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะโรงเรียนได้ซื้อกระจัดกระจายทุกยี่ห้อ” นายกมล กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม ได้ส่งผู้ตรวจราชการ สพฐ. เป็นหัวหน้าทีมลงพื้นที่ทุกจังหวัด และให้ติดตามทุกโรงเรียนว่าซื้อทีวียี่ห้ออะไร เมื่อไหร่ โดยจะตรวจทุกแห่งไม่ใช่การสุ่มตรวจ ซึ่งข้อมูลจะเข้ามา สพฐ. ทุกวัน และจะรู้ว่าบริษัทไหนขายได้กี่เครื่องและรายงานไปยังฝ่ายสังคมจิตวิทยาทุกสัปดาห์
      
       ด้าน พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติในเรื่องดังกล่าว ซึ่งทาง สพฐ. ก็ได้มีการลงติดตามตรวจสอบการทำงาน และตนเชื่อว่า สพฐ. จะดำเนินการอย่างโปร่งใส และตนได้เน้นย้ำเรื่องปัญหาการทุจริตว่าต้องไม่มีมาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-10-03 10:33:51


ความคิดเห็นที่ 7 (3716256)

อินเดียประสบความสำเร็จส่งดาวเทียมโคจรรอบดาวอังคาร

นักวิทยาศาสตร์พากันส่งเสียงร้องดีใจทันที ที่ดาวเทียมเข้าสู่ตำแหน่งที่กำหนดไว้ บนวงโคจรรอบดาวอังคารได้อย่างไม่มีข้อบกพร่อง ความสำเร็จครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของโครงการด้านอวกาศของอินเดีย ที่แสดงให้เห็นว่า อินเดียกลายเป็นอีกประเทศหนึ่งของโลก ที่ส่งดาวเทียมเพื่อการพาณิชย์ การนำร่อง และการวิจัยได้สำเร็จ
        สำหรับภารกิจส่งดาวเทียมโคจรรอบดาวอังคารของอินเดีย ซึ่งมีชื่อย่อว่า เอ็มโอเอ็ม เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นในอินเดีย และใช้งบประมาณเพียง 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2,400 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าของนาซาเกือบสิบเท่าตัว


อินเดียเจ๋ง ประสบความสำเร็จ"ส่งดาวเทียมสำรวจดาวอังคาร"ชาติที่สี่ของโลก งบประมาณ"สุดถูก" (ชมคลิป)

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที 24 ก.ย.ว่า อินเดียประสบความสำเร็จในการส่งดาวเทียมสำรวจขึ้นสู่วงโคจรดาวอังคารเป็นชาติที่สี่ของโลก ภายหลังดาวเทียมสำรวจ"มงคลยาน" ประสบความสำเร็จในการเข้าสู่วงโคจรรอบดาวอังคาร ภายหลังเดินทางสู่อวกาศเป็นเวลากว่า 10 เดือน โดยนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมธี ได้เข้าร่วมชมเหตุการณ์ประวัติศาสตร์นี้ ที่ศูนย์ควบคุมด้านอวกาศของอินเดีย โดยยานอวกาศ"มงคลยาน"ได้เข้าสู่วงโคจรเมื่อเวลา 08.02 น.ของเช้าวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น
 
คาดว่ายานอวกาศมงคลยาน จะปฎิบัติภารกิจศึกษาพื้นผิวของดาวอังคาร และตรวจสอบชั้นบรรยากาศของดาวอังคารที่เต็มไปด้วยก๊าซมีเธน ซึ่งอาจให้หลักฐานเกี่ยวกับรูปแบบสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร โดยสำหรับอินเดีย ได้ใช้งบประมาณในการส่งยานอวกาศนี้เพียง 74 ล้านดอลลาร์ หรือต่ำกว่างบประมาณสร้างภาพยนตร์แนวอากาศไซไฟของฮอลลีวูดอย่าง"Gravity"ซึ่งใช้งบประมาณถึง100 ล้านดอลลาร์ และถือเป็นประเทศที่เข้ากลุ่มมหาอำนาจทางอวกาศตามหลังสหรัฐ รัสเซีย และยุโรป
 
ด้านนักวิเคราะห์มองว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นโอกาสที่สมบูรณ์แบบสำหรับอินเดียที่จะสำแดงให้โลกเห็นถึงศักยภาพด้านอวกาศ แข่งขันกับจีน ชาติเพื่อนบ้าน ซึ่งจุดเด่นของอินเดียคือการเทคโนโลยีที่ใช้งบประมาณต่ำซึ่งทะให้อินเดียสามารถแข่งขันกับมหาอำนาจอวกาศอย่างจีนที่ทุ่บงบประมาณด้านนี้ได้อย่างสูสี

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-10-03 10:35:34


ความคิดเห็นที่ 8 (3716265)

“เจริญเคเบิล” ร้อง กสทช.ขยายเวลาจอดำช่อง 3

ผู้ประกอบการเคเบิลยื่นหนังสือขอขยายระยะเวลาจอดำช่อง 3 บนดาวเทียม-เคเบิล ออกไปอีก 30 วัน เตรียมแผนเยียวยาขายเสาก้างปลาอำนวยความสะดวก ด้านเลขาธิการ กสทช.แจ้ง ได้ส่งเรื่องที่ช่อง 3 ขอทบทวนมติ กสท.และมาตรการคุ้มครองช่อง 3 ต่ออนุกรรมการด้านกฎหมายแล้ว ก่อนจะนำเข้าประชุมวันที่ 29 ก.ย.นี้
      
       วันนี้ (24 ก.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีเดินทางมายื่นหนังสือขอขยายระยะเวลาการยุติการนำช่อง 3 อนาล็อก ออกจากโครงข่ายเคเบิลและดาวเทียม ออกไปอีก 30 วัน ต่อนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
      
       นายวิชิต เอื้ออารีวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญยิ่ง (8888) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์จอดำเพราะเกรงว่าจะกระทบต่อการรับชมของลูกค้า ดังนั้น จึงขอให้ทาง กสทช.ขยายระยะเวลาออกไปอีก 30 วัน จากเดิมที่จะครบกำหนดจอดำในวันที่ 30 ก.ย. นี้
      
       สำหรับแผนการเยียวยาให้กับสมาชิกซึ่งมีจำนวนกว่า 5 แสนราย บริษัทจะเปิดโอกาสให้สมาชิกซื้อเสาก้างปลา ในราคา 350 บาท ไปติดตั้งเอง และซื้อเสาก้างปลาพร้อมบริการติดตั้งในราคา 500 บาท เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า โดยในขณะนี้มีลูกค้าประสงค์ต้องการติดตั้งแล้วจำนวนหลักหมื่นราย
      
       ด้านนายมานพ โตการค้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอพีเอ็ม เซลล์แอนด์เซอร์วิส จำกัด ผู้ให้บริการโครงข่ายดาวเทียม กล่าวเสริมว่า ได้เตรียมกำลังผลิตเสาก้างปลา เพื่อนำมาจำหน่ายให้กับผู้ชมที่เป็นสมาชิกโครงข่ายดาวเทียม เพื่อเตรียมแผนการรับมือหากช่อง 3 อนาล็อก ต้องจอดำบนโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิล
      
       “บริษัทมีโรงงานผลิตเสารับสัญญาณทีวีดิจิตอลอยู่แล้ว ซึ่งระหว่างนี้สามารถ ปรับเปลี่ยนมาผลิตเสาก้างปลาก่อนได้เพื่อให้ทันกับความต้องการของตลาด โดยมีกำลังผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 2 แสนชุดต่อเดือน และคาดว่าจะจำหน่ายที่ราคาประมาณ 300 บาท”
      
       ขณะเดียวกัน นายฐากร ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ กสทช.ได้ส่งเรื่องที่ช่อง 3 ขอให้ทบทวนมติ กรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) รวมถึงเรื่องมาตรการคุ้มครองหากช่อง 3 จอดำต่อคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย เพื่อนำเข้าที่ประชุม ในวันที่ 29 ก.ย.นี้ โดยจะทำงานคู่ขนานกันกับ กสท.ที่เจรจากับช่อง 3 หากยังไม่มีข้อสรุป กสทช.จะเรียกประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวในวันที่ 30 ก.ย.ต่อไป

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-10-03 10:53:47


ความคิดเห็นที่ 9 (3716267)

เคเบิล-ดาวเทียม เร่งรับ ช่อง3จอดำ เตรียมเสาก้างปลาให้ลูกค้า


ผู้ประกอบการดาวเทียม และเคเบิลท้องถิ่น เตรียมสต๊อกเสาอากาศแบบก้างปลา เพื่อติดตั้งให้ลูกค้า รับมือช่อง 3 จอดำ ขณะที่ บริษัท เจริญเคเบิล ยื่นหนังสือ กสทช. ขอขยายเวลาจอดำไปอีก 30 วัน...

นายมานพ โตการค้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอพีเอ็ม เซลล์ แอนด์ เซอร์วิส ผู้ให้บริการโครงข่ายดาวเทียม เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมกำลังผลิตเสาหนวดกุ้ง และก้างปลา เพื่อจำหน่ายให้ผู้ชมที่เป็นสมาชิกโครงข่ายดาวเทียม ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนรับมือหากช่อง 3 เกิดจอดำในระบบโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลตั้งแต่ 30 กันยายนนี้ พร้อมประเมินว่าหากช่อง 3 จอดำ จะไม่ส่งผลกับการประกอบธุรกิจมากนัก

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอพีเอ็ม กล่าวต่อว่า บริษัทมีโรงงานผลิตเสารับสัญญาณทีวีดิจิตอล ที่เตรียมผลิตไว้รองรับกับกล่องทีวีดิจิตอล 690 บาท สามารถปรับเปลี่ยนมาผลิตเสาก้างปลาก่อนได้ให้ทันกับความต้องการของตลาดใน ระยะนี้ โดยมีกำลังผลิตเฉลี่ย 2 แสนชุดต่อเดือน และคาดว่าจะจำหน่ายในราคาประมาณ 200-300 บาท

ด้าน นายวิชิต เอื้ออารีวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทเจริญยิ่ง (8888) ผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นพื้นภายใต้ชื่อ เจริญเคเบิลทีวี กล่าวว่า มีลูกค้าที่ต้องการรับชมและขอให้ทางบริษัทติดตั้งเสาอากาศแบบหนวดกุ้ง และก้างปลา ซึ่งบริษัทมีมาตรการเยียวยาลูกค้า 2 แนวทาง คือ ให้ซื้อเสาหนวดกุ้ง ก้างปลา ราคา 350 บาท ไปติดตั้งเอง หรือ ซื้อเสา พร้อมมีบริการติดตั้งให้ ราคา 500 บาท และลูกค้าส่วนใหญ่เลือกแนวทางที่ 2 กว่าหมื่นราย จากยอดสมาชิกทั้งหมด 5 แสนราย

นอกจากนี้ ยังได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ขอขยายเวลายุติการดึงสัญญาณช่อง 3 มาออกอากาศ ต่อไปอีก 30 วัน จากเดิมที่จะต้องจอดำในวันที่ 30 กันยายนนี้ และยังไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องช่อง 3 ได้

ส่วน เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า คณะกรรมการ กสทช. ได้ให้คณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย ศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องประกาศหลักเกณฑ์การให้บริการเป็นการทั่วไป หรือ มัสต์แครี่ และมาตรการคุ้มครองชั่วคราวทำได้หรือไม่หากเกิดช่อง 3 จอดำ โดยคณะอนุกรรมการฯ จะประชุมในวันที่ 29 กันยายน และคาดว่าคณะกรรมการ กสทช. จะประชุมในวันที่ 30 กันยายน เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว หากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. ยังไม่ได้ข้อสรุป.

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-10-03 10:58:53


ความคิดเห็นที่ 10 (3716269)

ช่อง 3 โบ้ย กสท.ไม่ชัดเจนข้อกฎหมาย


ASTVผู้จัดการรายวัน - “ประวิทย์” ออกโรงแจงปัญหา ช่อง 3 แอนะล็อกจะจอดำบนแพลตฟอร์มดาวเทียม-เคเบิลหรือไม่ขึ้นอยู่กับอำนาจ กสท. หวังช่วยปลดล็อกกฎหมายมาตรา 9 ย้ำชัดพร้อมแก้แผนธุรกิจออกคู่ขนานหากถูกกฎหมาย ท้ายสุดต้องจอดำจริง ที่พึ่งสุดท้ายหวังศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราว
      
       วานนี้ (24 ก.ย.) สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้จัดทำรายการพิเศษขึ้นในช่วงเวลา 17.00-17.45 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลารายการข่าว “เรื่องเด่นเย็นนี้” ในหัวข้อรายการ “ช่อง 3 จะจอดำบนดาวเทียม-เคเบิลหรือไม่?” โดยมีผู้บริหารช่อง 3 มาชี้แจง 2 ราย คือ นายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการบริหาร บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด และนายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด โดยมี นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นผู้ดำเนินรายการ
      
       ทั้งนี้ ภายหลังจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีมติให้นำช่อง 3 แอนะล็อกออกจากเครือข่ายดาวเทียมและเคเบิลทีวีภายใน 15 วันซึ่งจะครบกำหนดประมาณวันที่ 28-30 ก.ย.ศกนี้ หากเป็นไปตามมติดังกล่าว ช่อง 3 แอนะล็อกบนแพลตฟอร์มเคเบิลและดาวเทียมจะไม่มีสัญญาณ หรือจอดำ คิดเป็นผู้ชมที่รับชมช่อง 3 แอนะล็อกในแพลตฟอร์มดังกล่าวกว่า 15-16 ล้านครัวเรือน หรือกว่า 50 ล้านคน โดยผู้ชมยังสามารถรับชมได้เฉพาะเสาก้างปลาและหนวดกุ้งภาคพื้นดินเท่านั้น
      
       นายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการบริหาร บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด ได้ชี้แจงในรายการว่า ปัญหาช่อง 3 แอนะล็อกจะจอดำบนแพลตฟอร์มดาวเทียมและเคเบิลหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับอุปสรรคในเรื่องกฎหมายมาตรา 9 ซึ่งหาก กสท.แก้ไขทัน ช่อง 3 แอนะล็อกก็จะไม่จอดำ แต่ถ้าไม่สามารถแก้ไขได้ก็ต้องยอมรับสภาพจอดำ ซึ่งทางช่อง 3 เองก็ไม่มีแผนรองรับเช่นกัน เพราะไม่มีอำนาจและไม่ได้จับคนดูเป็นตัวประกัน ทั้งนี้หากต้องจอดำจริง สุดท้ายต้องพึ่งศาลปกครองให้คุ้มครองชั่วคราว
      
       “บริษัทฯ มีข้อเรียกร้องเพียง 2 เรื่องเท่านั้น คือ ปล่อยตัวผมหน่อย อย่าทรมานผมเลย หมายถึงการแก้ไขเรื่องกฎหมาย และการดูแลฐานผู้ชมไม่ให้รับความเดือดร้อน ซึ่งบริษัทฯ ยินดีที่จะปรับแผนธุรกิจตามที่ กสท.ต้องการในการนำช่อง 3 แอนะล็อกไปออกคู่ขนานบนช่อง 3HD หรือช่อง 33 เพียงเคลียร์เรื่องกฎหมายให้ได้ก่อน หากตัดสินใจทำเอง สุดท้ายวิบากกรรมจะตกที่ช่อง 3 กลายเป็นว่าสิ่งที่ทำลงไปผิดกฎหมาย ใครจะรับผิดชอบ ส่วนเรื่องการเยียวยามองเป็นเรื่องรอง ขณะที่ความเสียหายของช่อง 3 ชัดเจนมากหากต้องจอดำ คนดูกว่า 70% จะหายไป ส่วนเรื่องของการเงินจากเดิมที่มีสถานะการเงินดีอยู่แล้วจะเปลี่ยนไปเป็นขาดทุนทันทีและคิดเป็นจำนวนมหาศาล เนื่องจากต้องมีการคืนเงินโฆษณาลูกค้า 70%”
      
       นายประวิทย์กล่าวด้วยว่า ไม่มีเจตนาต้องการให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลรายอื่นล้มตายแล้วค่อยลงสนาม แต่มองว่าในเมื่อช่อง 3 มีทั้งหมด 3 ช่องก็ควรจะมีคอนเทนต์ที่แตกต่างกัน ไม่ควรใช้คอนเทนต์ซ้ำกัน ส่วนช่อง 3 แอนะล็อกสุดท้ายพร้อมที่จะออกคู่ขนานหากแก้ข้อกฎหมายมาตรา 9 ได้
      
       “ช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาได้มีการเข้าพบ กสท.ถึง 2 ครั้งเพื่อสอบถามและหารือเกี่ยวกับเรื่องการออกคู่ขนานว่าทำได้และถูกกฎหมายหรือไม่ ซึ่งกรรมการบางท่านบอกว่าถูกกฎหมายสามารถทำได้ แต่บางท่านบอกว่าคำกล่าวนั้นเป็นความเห็นส่วนตัว จึงยังไม่มีข้อสรุปออกมาว่าทำได้หรือไม่ แต่ทำได้เฉพาะบางรายการตามระเบียบที่กำหนดไว้ สุดท้ายจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุปออกมาว่า สุดท้ายแล้วช่อง 3 จะออกคู่ขนานได้หรือไม่ ปัญหาใหญ่ปัญหาเดียวคือข้อกฎหมาย หากต้องจอดำ ศาลปกครองคือผู้มีอำนาจสูงสุดที่จะเป็นที่พึ่งคุ้มครองชั่วคราว” นายประวิทย์กล่าวสรุป
      
       ด้าน นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด กล่าวต่อว่า ตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 มาตรา 9 ใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์เป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้ได้รับใบอนุญาตจะโอนแก่กันมิได้ ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์จะต้องประกอบกิจการด้วยตนเอง การแบ่งเวลาให้ผู้อื่นดำเนินรายการให้กระทำได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ ตามพระราชบัญญัตินี้กำหนด ส่งผลให้ช่อง 3 แอนะล็อกไม่สามารถออกคู่ขนานได้เหมือนกับช่อง 7 เนื่องจากช่อง 3 และช่อง 7 มีสัญญาสัมปทานไม่เหมือนกัน โดย ช่อง 3 มีสัญญาสัมปทานกับ อสมท หากนำช่อง 3 ภายใต้บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด เข้าร่วมประมูลทีวีดิจิตอลจะเกิดปัญหา จึงตัดสินใจใช้อีกบริษัทร่วมประมูลทีวีดิจิตอล ขณะที่ช่อง 7 ใช้บริษัทเดียวกันเข้าร่วมประมูล จึงทำให้สามารถออกคู่ขนานได้
      
       “จากอุปสรรคที่แง่กฎหมายที่เกิดขึ้นทำให้บีอีซีต้องคิดแผนธุรกิจใหม่ภายใต้ 2 บริษัทที่ดูแลช่องรายการโทรทัศน์รวมเป็น 4 ช่อง และมีแผนธุรกิจของแต่ละบริษัทแยกออกจากกันชัดเจน โดยบริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด ดูแล 3 ช่องทีวีดิจิตอล และบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด ดูแลช่อง 3 แอนะล็อก ช่องเดียว ถึงแม้ทั้ง 4 ช่องจะอยู่ในกลุ่มบริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) เหมือนกัน แต่เป็นคนละบริษัท อาจผิดต่อมาตรา 9 จึงไม่สามารถออกคู่ขนานได้ หากจะให้ทำหนังสือเรียกร้องไปก็ทำไม่ได้ เพราะไม่รู้จะใช้บริษัทไหนทำหนังสือไป”

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-10-03 11:00:12


ความคิดเห็นที่ 11 (3716271)

“นที” เผยออกบทเฉพาะกาลให้ช่อง 3 ออกคู่ขนานได้

ช่อง 3 ยื่นจดหมายถึงประธาน กสท. ยืนยันพร้อมออกอากาศคู่ขนาน และขอให้ชะลอการถอดช่อง 3 ออกจากดาวเทียมเคเบิลไปก่อน ขณะที่ “นที” เผยความเห็นส่วนตัว กสท.สามารถออกบทเฉพาะกาลให้ ช่อง 3 อนาล็อกเช่าเวลาในช่อง 3 ดิจิตอล จาก 40% เป็น 100% ได้ เตรียมชงเรื่องเข้าประชุมบอร์ด กสท. 26 ก.ย.นี้ ด้านประธาน กสทช.นัดประชุมนัดพิเศษถกกรณีช่อง 3 วันที่ 30 ก.ย.
      
       เมื่อวันที่ 25 ก.ย.เวลาประมาณ 14.00 น. นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด (ช่อง 3 อนาล็อก) เป็นตัวแทนช่อง 3 เดินทางมายื่นหนังสือสอบถามประเด็นปัญหาในการออกอากาศคู่ขนานกับ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เพื่อให้พิจารณาเรื่องการออกคู่ขนานว่าจะผิดกฎหมายหรือไม่ตามที่บอร์ด กสท.เมื่อวันที่ 23 ก.ย. มีมติให้ช่อง 3 กลับไปทำจดหมายมาสอบถามต่อ กสท.เพื่อให้ประเด็นปัญหาที่ว่าใครจะต้องเป็นผู้ยื่นหนังสือก่อนนั้นจบลงไป
      
       นอกจากนี้ ยังเสนอขอให้ กสท. พิจารณาทบทวนประกาศคำสั่งทางปกครองที่ให้โครงข่ายเคเบิลทีวี และดาวเทียม ถอดช่อง 3 ออกจากโครงข่ายออกไปก่อน เนื่องจากขณะนี้ ทางช่อง 3 ก็ปฏิบัติตามที่ กสท. ต้องการทุกอย่างแล้ว และยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของ กสท. ซึ่งหากต้องเกิดปัญหาจอดำในโครงข่ายเคเบิลและดาวเทียมจริง จะส่งผลกระทบต่อประชาชนคนดู และธุรกิจของช่อง 3
      
       ด้าน พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธาน กสท. กล่าวว่า ตามความเห็นส่วนตัวแล้ว เรื่องนี้สามารถช่วยให้ช่อง 3 ออกอากาศคู่ขนานอย่างถูกกฎหมายได้ โดยการออกบทเฉพาะกาล ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 มาตรา 9 ที่ระบุว่า ผู้ได้รับใบอนุญาตจะต้องประกอบกิจการด้วยตนเอง การแบ่งเวลาให้ผู้อื่นดำเนินรายการให้กระทำได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้กำหนด
      
       “เดิม พ.ร.บ.นี้ระบุเช่าเวลา 40% ดังนั้น ทางออกคือคณะกรรมการที่ออกพระราชบัญญัตินี้สามารถออกบทเฉพาะกาลโดยมีเนื้อหาระบุให้เช่าเวลาเพิ่มเป็น 100% ได้ ดังนั้น ช่อง 3 อนาล็อกก็จะสามารถนำเนื้อหาทั้งหมดมาออกคู่ขนานในช่อง 3 ดิจิตอลได้ บทเฉพาะกาลนี้ก็แค่ออกมาเพิ่มเติม 2-3 บรรทัด หลังจากนั้นจะนำไปประชาพิจารณ์ ระหว่างรอข้อสรุป กสท.ก็สามารถขยายระยะเวลาการเป็นผู้ให้บริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป หรือมัสแคร์รี่ เพื่อให้ช่อง 3 ยังสามารถออกอากาศผ่านดาวเทียมและเคเบิลได้ โดยตนจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมบอร์ด กสท.วาระพิเศษในวันที่ 26 ก.ย.เวลา 16.30 น.”
      
       ขณะที่กรรมการอีก 3 คน ได้แก่ พลโท ดร. พีระพงษ์ มานะกิจ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ และ นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ มีความเห็นว่า จดหมายที่ตัวแทนช่อง 3 ยื่นให้กับกรรมการ กสท. นั้น ลงนามผิดบริษัท จึงขอให้ตัวแทนช่อง 3 ส่งหนังสือเพิ่มเติมเข้ามาอีกฉบับหนึ่ง โดยนางสาวสุภิญญา กล่าวว่า ตัวแทนช่อง 3 มายื่นจดหมายในนาม บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด ซึ่งไม่ใช่บริษัทที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิตอล ดังนั้นจึงต้องการให้บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด ผู้ซึ่งได้รับใบอนุญาตโดยตรงทำหนังสือมาสอบถามอีก 1 ฉบับ และกรรมการกสท.จะนำเรื่องพิจารณาในที่ประชุมอีกครั้งหนึ่ง
      
       *** บอร์ดกสทช.ถกนัดพิเศษ 30 ก.ย.กรณีช่อง 3
      
       ด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช.กล่าวว่า พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช. กำหนดเรียกประชุม กสทช. วาระพิเศษในวันอังคารที่ 30 กันยายนนี้ เวลา 9.30 น. เพื่อพิจารณากรณีช่อง 3 หลังจากที่อนุกรรมการที่ปรึกษากฎหมายจะส่งผลการพิจารณาให้ความเห็นมาในวันจันทร์ที่ 29 กันยายน 2557 และจะมีหนังสือแจ้งไปยังกรรมการ กสทช. ทุกคนเพื่อเชิญเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว
      
       “กรณีของช่อง 3 น่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนภายในวันอังคารที่ 30 กันยายนนี้ ท่านประธาน กสทช.ให้ความสำคัญกับกรณีนี้ ว่าเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ต้องรีบพิจารณา จึงได้รีบกำหนดนัดประชุมวาระพิเศษครั้งนี้ขึ้น”

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-10-03 11:01:56


ความคิดเห็นที่ 12 (3716272)

ช่อง 3 ร้องศาล ปค.ขอคุ้มครองฉุกเฉินปมแอนะล็อกจอดำ


นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธ์ รองกรรมการบริหารสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 พร้อมทีมกฎหมาย เดินทางมายื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ขอให้มีคำสั่งไต่สวนฉุกเฉินและคุ้มครองชั่วคราว เพื่อให้ช่อง 3 ระบบแอนะล็อกแพร่ภาพผ่านระบบเคเบิลทีวีและจานดาวเทียมได้ และขออำนาจศาลคุ้มครองจนกว่าจะมีคำพิพากษาเป็นที่สิ้นสุด หลังคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท) มีมติให้ช่อง 3 ระบบแอนะล็อกยุติการเผยแพร่ภาพผ่านเคเบิลทีวีและจานดาวเทียม มีผลภายในเที่ยงคืนของวันที่ 30 กันยายนนี้ หากไม่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลง แต่ว่าผู้ชมยังคงรับชมได้ตามปกติผ่านระบบแอนะล็อกที่ใช้เสาสัญญาณโทรทัศน์ทั่วไป หรือติดเสาอากาศแบบหนวดกุ้ง หรือกางปลา
        ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของช่อง 3 คาดว่าศาลจะเรียกไต่สวนในวันนี้ (26 ก.ย.) เพราะสามารถไต่สวนโจทก์ฝ่ายเดียวได้ หากประชาชนได้รับผลกระทบ ซึ่งได้อ้างถึงผลประโยชน์ของประชาชนถึง 15 ล้านครัวเรือนที่อาจเสียโอกาสรับชมช่อง 3 แอนะล็อก
        นอกจากนี้ สมาคมทนายความ พร้อมตัวแทนภาคประชาชน จะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้มีคำสั่งคุ้มครองช่วงคราวในกรณีเดียวกัน
        ขณะเดียวกัน ในวันนี้ กสท.จะนัดหารือพิเศษหลังจากที่บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จํากัด ที่จะออกอากาศช่อง 3 ดิจิตอลยื่นสอบถามการออกอากาศระบบคู่ขนานว่าทำได้และผิดกฎหมายหรือไม่

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-10-03 11:02:48


ความคิดเห็นที่ 13 (3716275)

“แกรมมี่” อัดพันล้านต่อปีลุยดิจิตอล ส่ง “คิลเลอร์คอนเทนต์” สู้ หวังคุ้มทุน 5 ปี

“แกรมมี่” ซุ่มดูเชิงทีวีดาวเทียม แม้มีปัญหาร้อนรายวัน มั่นใจศักยภาพ เดินหน้าลุยช่อง “จีเอ็มเอ็ม แชนแนล” ส่งคิลเลอร์คอนเทนต์ลงผังเดือน ต.ค. มั่นใจปี 58 รายได้ 1 พันล้านบาท คุ้มทุนใน 3-5 ปี พร้อมขึ้นแท่น 1 ใน 5 ในแง่เรตติ้งช่องทีวีดิจิตอลใน 3 ปี
      
       นางสาวสายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล จำกัด เปิดเผยว่า การเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมโทรทัศน์จากระบบแอนะล็อกไปสู่ระบบดิจิตอลที่มีปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงข่าย การรับรู้ของประชาชน ความล่าช้าของคูปองแลกซื้อกล่องรับสัญญา ความต้องการของเอเยนซี เรตติ้งรายการ รวมถึงปัญหาช่อง 3 แอนะล็อกว่าจะจอดำหรือไม่ ซึ่งถือเป็นปัญหาที่เเราทำได้เพียงรอดูสถานการณ์ แล้วค่อยทำให้ดีที่สุด
      
       “ปัญหาช่อง 3 แอนะล็อกจะจอดำหรือไม่ในปลายเดือน ก.ย.นี้ มองเป็นเรื่องปกติที่เป็นปัญหาของการเปลี่ยนผ่านจากแอนะล็อกสู่ดิจิตอลซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความกังวลกับปัญหาที่เกิดขึ้นเช่นกัน เพราะย่อมส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจทีวีดิจิตอล จึงต้องเฝ้าดูสถานการณ์ก่อนตัดสินใจทำอะไร แต่เราเชื่อมั่นในสิ่งที่เรามีและจะทำให้ดีที่สุด จึงพร้อมนำเสนอช่อง จีเอ็มเอ็ม แชนแนล อย่างเป็นทางการ ด้วยผังรายการในเดือน ต.ค.นี้เป็นต้นไป”
      
       สำหรับช่อง “จีเอ็มเอ็ม แชนแนล” บริษัทฯ วางให้เป็นช่องแห่งความสนุกสำหรับผู้ชม โดยเฉพาะฐานแฟนเพลงแกรมมี่ที่มีหัวใจเป็นเด็ก มีความสนุก รักความบันเทิง เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยแบ่งสัดส่วนรายการออกเป็น ข่าว 20% สาระความรู้ 30% วาไรตี้ ละคร ซิตคอม 40% และกีฬา 10% ด้วยสโลแกน “สนุกทุกวัน อยู่ด้วยกันทุกเวลา”
      
       ล่าสุดในเดือน ต.ค.ศกนี้ ยังมีการจัดผังรายการใหม่ หลังจากที่ทดลองออกอากาศมา 4-5 เดือน โดยมาพร้อมคิลเลอร์ คอนเทนต์ใหม่ๆ เช่น รายการ “4 มิติ” เป็นวาไรตี้ขยี้ข่าวจาก 4 พิธีกรคือ โอปอล์ ปาณิสรา, เผือก พงศธร, เอกกี้ เอกชัย และอ้อม สุนิสา รายการ “เกรียน Possible” รายการที่จะปั้นเด็กเกรียนให้เกิด รายการ “F Tube” รายการวัยรุ่นที่จะเล่าเรื่องง่ายๆให้ได้อารมณ์ รายการ “GMM News” รายการข่าว นำเสนอแบบทันสมัยด้วย ดร.อั๋น ภูวนาท คุณผลิน, ดร.เปปเปอร์ รัฐศาสตร์ กรสูต, นาเดีย โสณกุล เป็นต้น และรายการ “Club Friday Day the Series#5” เป็นต้น
      
       “เบื้องต้นต่อปีจะมีการลงทุนราว 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าผลิตคอนเทนต์ 400-500 ล้านบาท และค่าไลเซนส์ 500 ล้านบาท โดยผังรายการใหม่นี้จะมีการลดจำนวนการรีรันจากสัดส่วน 40% เหลือ 15% และมีการดึงคอนเทนต์รายการจากช่องทีวีดาวเทียมของแกรมมี่ คิดเป็นสัดส่วน 20-25% ของผังรายการทั้งหมด เช่น แฉแต่เช้า และฮอร์โมน เป็นต้น ซึ่งมากกว่า 50% ทางแกรมมี่เป็นผู้ผลิตรายการเอง และจ้างผลิตกับผู้จัดจากภายนอกด้วย โดยรายการที่สามารถขายโฆษณาได้สูงสุดคือ Club Friday Day, เกรียน Possible และEFM TV เป็นต้น”
      
       นางสาวสายทิพย์ กล่าวต่อว่า ผังรายการใหม่เดือน ต.ค.นี้ถือเป็นการรุกในธุรกิจทีวีดิจิตอลแบบเต็มรูปแบบครั้งแรกของช่อง “จีเอ็มเอ็ม แชนแนล” โดยจะเริ่มขายโฆษณาหลังจากนี้เป็นต้นไ ภายใต้ราคาโฆษณาที่วางไว้เฉลี่ย 2.5-3 หมื่นบาทต่อนาที ซึ่งจะมีการขายเป็นแพกเกจพ่วงกับไทอิน หรืออีเวนต์ตามคอนเซ็ปต์ช่องที่ชูในเรื่องของรีเรชัน มาร์เกตติ้ง และอีเวนต์ เทเลวิชัน เชื่อว่าในปี 2558 จะมีรายได้คุ้มทุน 1,000 ล้านบาท หรือคุ้มทุนและมีกำไรภายใน 3-5 ปี โดยมั่นใจว่าภายใน 3 ปีจะก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 5 ในแง่เรตติ้งช่องทีวีดิจิตอลทั้งหมด

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-10-03 11:04:48


ความคิดเห็นที่ 14 (3716277)

“ทรูวิชั่นส์” แจงช่องทางชมรายการหลังสัมปทานดาวเทียมหมด

  “ทรูวิชั่นส์” แจงช่องทางชมรายการหลังสัมปทานดาวเทียมหมด
       เนื่องจากสัญญาสัมปทานของ บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ในระบบจานดาวเทียมจะสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน 2557 เวลา 23.59 น. เป็นต้นไป เพื่อให้สมาชิกยังคงสามารถรับชมรายการต่างๆ ของ “ทรูวิชั่นส์” ได้อย่างต่อเนื่องภายหลังการให้บริการในระบบจานดาวเทียมสิ้นสุดลง
      
       “ทรูวิชั่นส์” จึงขอเรียนเสนอให้ท่านสมัครใช้บริการใหม่กับ “ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป” ซึ่งเป็นบริษัทในเครือทรู โดยไม่ต้องเสียค่าบริการใดๆ เพิ่มเติม และจะได้รับชมช่องรายการเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกด้วย อาทิ Disney Channel, ช่องหนังเอเชีย Screen Red by HBO, และ Food Network
      
       สนใจแจ้งความจำนงสมัครใช้บริการของ “ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป” ได้ที่
www.truevisionsgroup.com หรือ SMS พิมพ์ OK วรรค ตามด้วยหมายเลขสมาชิกหรือหมายเลขสมาร์ทการ์ด ส่งไปที่เบอร์ 4827370 หรือโทร.0 2725 2727

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-10-03 11:07:42


ความคิดเห็นที่ 15 (3716281)

ร.ร.สตูล โชว์เรียนผ่านดาวเทียม แก้ปัญหาขาดครู

โรงเรียนบ้านค่ายรวมมิตร จ.สตูล โชว์ศักยภาพเรียน-สอนทางไกลผ่านดาวเทียม พร้อมต้อนรับคณะการศึกษารัฐเคดาห์ จากมาเลเซีย ชี้เด็กเรียนได้เร็ว แก้ขาดครูได้...

เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฮัจยีมูฮำหมัดโรสลันซอบบี้ บิน อิสมาแอล หัวหน้าสำนักงานการศึกษาอำเภอเปินดัง รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย ได้เดินทางไปยัง ร.ร.บ้านค่ายรวมมิตร ม.9 ต.ควนกาหลง อ.ควนกาหลง จ.สตูล เพื่อชมการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียมของโรงเรียนบ้านค่ายรวมมิตร มี นายกอเฉ็ม หมีนเหม รอง ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษา จ.สตูล ต้อนรับ

หัวหน้าสำนักงานการศึกษา อ.เปินดัง กล่าวหลังจากที่เข้าเยี่ยมชมการสอนตามชั้นเรียนต่างๆ ของโรงเรียนว่า ระบบการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม บ้านค่ายรวมมิตร แม้ห้องเรียนไม่มีครู แต่นักเรียนนั่งดูโทรทัศน์ มีการจดและเขียน สนุกกับการเรียนรู้จากครูสอนผ่านโทรทัศน์ เป็นการจัดการเรียนการสอนที่มีการนำเทคโนโลยีชั้นสูง มาใช้ในเป็นกระบวนการสอนอย่างที่ทันสมัย พบว่าเด็กนั่งเรียนอย่างมีวินัยที่ดี ตั้งใจเรียน และได้รับความสนุกไปพร้อมกัน

ทั้งนี้ โรงเรียนบ้านค่ายรวมมิตร อ.ควนกาหลง ได้นำการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมเข้ามาใช้เพื่อแก้ปัญหาครูไม่ครบชั้น ตั้งแต่ปี 2547 ขณะนี้ แม้จะเป็นโรงเรียนขนาดกลาง มีนักเรียนจำนวน 126 คน ยังคงใช้การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมควบคู่กับการจัดการเรียนการสอน เนื่องจากที่ผ่านมาการให้เด็กเรียนกับการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม นักเรียนสามารถเรียนรู้กับครูผู้มีความรู้ในวิชาที่สอน และสามารถถ่ายทอดความรู้สู่นักเรียนได้ถูกต้องรวดเร็ว สามารถแก้ปัญหาขาดครูหรือสาขาวิชาที่ขาดแคลนครูได้เป็นอย่างดี

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-10-03 11:13:16


ความคิดเห็นที่ 16 (3716284)

2 วัยรุ่นเมืองจันท์คึกคะนอง ทำลายทรัพย์สินร้านขายจานดาวเทียมเสียหาย

จันทบุรี - 2 วัยรุ่นคึกคะนอง ปิดหน้าปิดตาทำลายทรัพย์สินร้านขายกล้องวงจรปิด-จานดาวเทียม เสียหาย เจ้าของร้านรุดแจ้งความดำเนินคดี เผยไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร
      
       เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (29 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายเจษฐากรณ์ ทองศรี อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95/5 หมู่ 2 ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.จันทบุรี เจ้าของร้านขายกล้องวงจรปิด และจานดาวเทียม “ทองศรี” ว่า มี 2 วัยรุ่นคึกคะนองเข้ามาทำลายกล้องวงจรปิด ทุบกระถางต้นไม้ และทำลายจานดาวเทียมที่ตั้งโชว์อยู่หน้าร้านได้รับความเสียหาย
      
       หลังรับแจ้งได้ไปยังร้านที่เกิดเหตุ พบว่า เป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น เปิดเป็นร้านขายกล้องวงจรปิดและจานดาวเทียม พบนายเจษฐากรณ์ พาไปดูกล้องวงจรปิดที่จับภาพ 2 วัยรุ่นคึกคะนอง ขณะกำลังทำลายทุบกระถางต้นไม้ ใช้ก้อนหินขวางกล้องวงจรปิด และทำลายจานดาวเทียมที่ตั้งโชว์อยู่หน้าร้านได้รับความเสียหายไว้ได้อย่างชัดเจน
      
       ตรวจสอบพบว่า เป็นวัยรุ่นชาย อายุประมาณ 15-25 ปี ใช้เสื้อปิดบังใบหน้า โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 23.55 น. วันที่ 28 กันยายน ล่าสุด นายเจษฐากรณ์ เข้าแจ้งความร้องทุกต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมือง ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไติดตามวัยรุ่นคึกคะนองทั้ง 2 คนนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว
      
       นายเจษฐากรณ์ กล่าวว่า วัยรุ่นทั้ง 2 คน ใช้เวลาก่อเหตุ 2-3 นาทีก่อนหลบหนีไป ซึ่งตนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร จึงคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องธุรกิจ ส่วนทรัพย์สินที่เสียหายอยู่ที่ประมาณหลักหมื่นบาท

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-10-03 11:15:53


ความคิดเห็นที่ 17 (3716285)

รู้หริอยัง? ดาวเทียมรุ่นใหม่ ให้บริการหาเครื่องบินฟรี

ระบบเครือข่ายดาวเทียมรุ่นใหม่ ที่เตรียมส่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในปีหน้าและเริ่มปฏิบัติการเต็มรูปแบบในปี 2017 กำหนดจะให้บริการค้นหาและกู้ภัยโดยไม่คิดมูลค่าในกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เหมือนเช่นกรณีการหายสาบสูญของเครื่องบินสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน เอ็มเอช 370 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งยังค้นหาไม่พบจนกระทั่งบัดนี้

ระบบดาวเทียมดังกล่าวเป็นของบริษัท อิริเดียม บริหารจัดการโดยแอรีออน ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างอิริเดียมและสำนักงานการบินของรัฐบาลแคนาดาและประเทศในยุโรป กำหนดส่งขึ้นสู่วงโคจรโดยยานขนส่งอวกาศไร้นักบิน สเปซเอ็กซ์ และจรวดส่ง ดนีเปอร์ ในปี 2016 นี้ และดาวเทียมรุ่นใหม่ดังกล่าวจะติดตั้งระบบติดตามเครื่องบินโดยสาร ซึ่งจะช่วยให้สามารถระบุตำแหน่งของเครื่องบินลำหนึ่งๆ ได้ ไม่ว่าจะอยู่เหนือน่านฟ้าใดทั่วโลก หลังจากที่ดาวเทียมทั้ง 66 ดวงในเครือข่ายขึ้นสู่วงโคจรและปฏิบัติหน้าที่เต็มที่แล้วในปี 2017

แม้ว่าระบบการติดตามและตรวจสอบสถานะของเครื่องบินจะเป็นระบบที่ให้บริการเฉพาะสมาชิกที่ชำระค่าบริการต่อบริษัท แต่แอรีออนระบุว่า เครือข่ายทั้งหมดของบริษัทพร้อมจะเปิดดำเนินการแบบไม่คิดมูลค่าแก่บรรดาสำนักงาน เพื่อการค้นหาและกู้ภัยนานาชาติในระหว่างภาวะฉุกเฉินต่างๆ รวมทั้งการเปิดทางให้ใช้เครือข่ายของตนในการค้นหาเครื่องบินที่หายสาบสูญไปด้วย

แอรีออนยกตัวอย่างเช่นกรณีของเอ็มเอช 370 ซึ่งหายไปเมื่อเดือนมีนาคม ระหว่างการค้นหาเพื่อกู้ภัยโดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยชีวิตผู้โดยสาร ก็สามารถติดต่อกับทางแอรีออน เพื่อช่วยในการระบุตำแหน่งของเครื่องบิน เพื่อให้การช่วยเหลือและกู้ภัยทำได้โดยเร็ว แอรีออนสามารถค้นหาเครื่องบินลำดังกล่าว ตั้งแต่ตอนที่ขาดการติดต่อกับหอบังคับการบิน โดยการใช้เทคโนโลยีระบุตำแหน่งโดยดาวเทียมอย่างน้อย 3 ดวงในทุกๆ 2-3 วินาที เพื่อให้สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของเครื่องบินและระบุตำแหน่งได้ในที่สุดนั่นเอง

เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังการระบุตำแหน่งดังกล่าวนั้นเรียกว่า การกระจายสัญญาณเพื่อการตรวจการณ์อัตโนมัติŽ (เอดีเอส-บี) ซึ่งจะใช้งานควบคู่กับ ทราน สปอนเดอร์Ž หรืออุปกรณ์รับส่งสัญญาณอัตโนมัติที่กำลังมีการติดตั้งให้กับเครื่องบินโดยสารทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ๆ อยู่ในเวลานี้

ระบบเครือข่ายดาวเทียมของอิริเดียมไม่ได้เป็นระบบเดียวที่สามารถรับสัญญาณเอดีเอส-บี แต่ยังมีระบบดาวเทียมของ อิมมาร์เเซท และโกลบอลสตาร์ ที่เตรียมติดตั้งเทคโนโลยีระบุตำแหน่งดังกล่าวลงไว้ในดาวเทียมของตนเองด้วยเช่นกัน แต่ระบบดาวเทียมอิริเดียม มีข้อได้เปรียบเล็กน้อยตรงที่ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขวางกว่า ด้วยเทคโนโลยี โพล-ทู-โพล โคฟเวอเรจŽ

ซึ่งทำให้การติดตามเส้นทางบินข้ามทวีปต่างๆ ทำได้ง่ายดายกว่านั่นเอง

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-10-03 11:17:55


ความคิดเห็นที่ 18 (3716288)

ป.ป.ช.จ่อชี้ "คดีมาร์ค-สุเทพปิดสถานีดาวเทียม"

นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ต้องรอความชัดเจนในที่ประชุมป.ป.ช.วันที่ 30 ก.ย. นี้ว่าจะส่งเลยหรือไม่ แต่ทราบว่า สนช.มีข้อบังคับเรื่องถอดถอน ดังนั้น ป.ป.ช. ต้องดูรายละเอียดอีกครั้งว่าเข้าพ.ร.บ.ว่าด้วยป.ป.ช.หรือไม่

ส่วนคดีระบายข้าวให้กับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ปรับปรุงข้าว เพื่อส่งมอบแก่อินโดนีเซีย 3 แสนตัน โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรมว.พาณิชย์ มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น อยู่ระหว่างไต่สวน โดยไต่สวนนัดแรกไปแล้วในวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ มาให้ถ้อยคำต่อป.ป.ช.ในฐานะผู้ร้องและพยาน ส่วนพ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ซึ่งถูกแจ้งข้อกล่าวหาคดีระบายข้าวนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งป.ป.ช.รออยู่

รายงาน ข่าวจากป.ป.ช.เผยว่า ในวันที่ 30 ก.ย. ที่ประชุมป.ป.ช. ยังจะพิจารณาคดีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ กรณีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ในการออกคำสั่งปิดสถานีดาวเทียม หลังประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกทม. และปริมณฑล เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2553

ทำให้เว็บไซต์ 36 แห่งภายในประเทศ และเว็บไซต์ดาวเทียมต่างประเทศ 15 ประเทศใช้งานไม่ได้ และยังระงับการเสนอข่าวหรือรายการทางวิทยุโทรทัศน์ และสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีเพิลแชลเนล ถือเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรองรับ

ทั้งนี้ หากที่ประชุมป.ป.ช.เห็นว่าข้อมูลที่คณะอนุกรรมการไต่สวนส่งมามีความ สมบูรณ์เพียงพอแล้ว ก็พิจารณาชี้มูลความผิดได้ทันที

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-10-03 11:19:37


ความคิดเห็นที่ 19 (3716291)

จอดำแน่! ปรากฏการณ์ "Sun Outage" ทำเคเบิล-ดาวเทียมดูทีวีไม่ได้ชั่วคราว ดิจิตอลไม่กระทบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เตรียมจอดำ โทรทัศน์ใน ช่วงเวลา 13.42-13.59 น. ระหว่างวันที่ 21ก.ย.- 4 ต.ค. 57 จะจำดำ เนื่องจากเกิด “ Sun Outage" เป็นปรากฏการณ์ที่โลก ดาวเทียม และดวงอาทิตย์ โคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน ทำให้คลื่นรังสีสุริยะจากดวงอาทิตย์รบกวนการรับสัญญาณความถี่ขาลง (Downlink)ของจานดาวเทียม มีผลให้ไม่สามารถรับชมช่องรายการต่างๆ ได้ชั่วขณะ

Sun Outage จะเกิดขึ้น 2 ช่วงในรอบปี คือช่วงเดือนมีนาคม และช่วงปลายเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม ช่วงเวลาตั้งแต่ 13.00-15.00 น. แต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ10-15 นาที

ผลกระทบ: จะไม่สามารรับชมทางดาวเทียม และเคเบิ้ล(รับจากดาวเทียมเหมือนกัน) แต่จะสามารถรับชมทางทีวีดิจิตอลได้ (ข้อดี ไม่ได้รับผลกระทบ)

วิธีแก้ : ไม่มีเนื่องจากเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-10-03 11:22:06


ความคิดเห็นที่ 20 (3716292)

สถาบันวิจัยสหรัฐฯเผย! โสมแดงพัฒนา “ฐานปล่อยจรวด” แห่งใหม่เสร็จแล้ว

  เอเอฟพี – ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดเผยให้เห็นว่า เกาหลีเหนือได้พัฒนาสถานีดาวเทียมหลักเพื่อรองรับจรวดที่มีขนาดใหญ่และยิงได้ไกลขึ้นสำเร็จแล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าอาจจะมีการปล่อยจรวดเกิดขึ้นภายในสิ้นปีนี้ สถาบันวิจัยในสหรัฐฯ เผยวันนี้ (2)
      
       “ขณะนี้เกาหลีเหนือพร้อมที่จะเดินหน้าปฏิบัติการปล่อยจรวดอีกครั้งหนึ่งแล้ว” สถาบันสหรัฐฯ-เกาหลีของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ ระบุบนเว็บไซต์ 38 นอร์ธ ของพวกเขาที่ถูกติดตามอย่างใกล้ชิด
      
       ทางสถาบัน ระบุว่า ในตอนนี้เปียงยางมีศักยภาพเพียงพอที่จะส่งจรวดขึ้นภายในช่วงสิ้นปี 2014 ขณะเดียวกันก็เน้นย้ำว่า ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าพวกเขามีแผนจะปล่อยจรวดจริงๆ
      
       ผลการวิเคราะห์ภาพดาวเทียมทำให้ทราบว่ามีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่กำลังดำเนินอยู่ที่สถานีปล่อยดาวเทียมโซแฮของเกาหลีเหนือมาตั้งแต่กลางปี 2013 โดยมุ่งการพัฒนาสิ่งก่อสร้างเพื่อรองรับจรวดที่มีขนาดใหญ่ขึ้น พิสัยไกลขึ้น และมีน้ำหนักบรรทุกที่มากขึ้น
      
       โสมแดงประสบความสำเร็จในการนำดาวเทียมเข้าสู่วงโคจรด้วยจรวดอึนฮา-3 ของพวกเขาเมื่อเดือนธันวาคมปี 2012
      
       การปล่อยจวดครั้งดังกล่าวถูกประชาคมโลกประณามว่าเป็นการแอบทดสอบขีปนาวุธและเป็นผลให้เกาหลีเหนือถูกองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) คว่ำบาตรหนักขึ้น
      
       สถาบันสหรัฐฯ-เกาหลี เชื่อว่า การพัฒนาที่เสร็จสมบูรณ์แล้วนี้จะทำให้สถานีโซแฮสามารถรองรับจรวดที่มีความยาวสูงสุดถึง 50 เมตร หรือยาวกว่าจรวดอุนฮา-3 เกือบ 70 เปอร์เซ็นต์

สถาบันวิจัยสหรัฐฯเผย! โสมแดงพัฒนา “ฐานปล่อยจรวด” แห่งใหม่เสร็จแล้ว

        อย่างไรก็ตาม จรวดลักษณะเช่นนั้นเชื่อว่ายังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะใช้งานได้จริง ซึ่งหมายความว่า ในระยะสั้นการยิงจรวดอึนฮา-3 อีกครั้งหนึ่งมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้มากกว่า สถาบัน ระบุ
      
       ชุดภาพถ่ายล่าสุดนี้ยังเผยให้เห็นการทดสอบเครื่องยนต์เพิ่มเติมในเดือนสิงหาคม เพื่อใช้กับขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา
      
       สถาบัน ระบุว่า “ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการทดสอบเหล่านี้ประสบความสำเร็จไปขนาดไหนแล้ว แต่ปกติแล้ว การทดสอบเครื่องยนต์จรวดมักจะมีขึ้นก่อนที่การทดสอบเต็มระบบจะเริ่มต้นขึ้น”
      
       การพัฒนาขีปนาวุธ ICBM ที่ใช้การได้จริงจะเป็นตาหมากพลิกกระดาน ซึ่งจะทำให้แผ่นดินใหญ่สหรัฐฯเข้ามาอยู่ในพิสัยการยิง และจะทำให้คำขู่ยิงนิวเคลียร์ของโสมแดงที่เกิดเป็นประจำกลายเป็นภัยคุกคามใหม่ที่น่ากลัวยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-10-03 11:24:14


ความคิดเห็นที่ 21 (3716297)

 ไอซีทีเคลียร์งบแท็บเล็ต-บี้จบปัญหาดาวเทียมไทยคม



รมว.ไอซีทีเดินหน้าเคลียร์งบแท็บเล็ต 3,700 ล้านบาท จับมือ 3 กระทรวงทำแผนพัฒนาโครงข่ายสื่อสารเพื่อโรงเรียนและโรงพยาบาล พร้อมตั้งโต๊ะกรรมการตาม ม.72 พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ สางปมดาวเทียมไทยคมให้จบภายในรัฐบาลนี้ จี้หน่วยงานกระทรวงเร่งประเมินศูนย์ไอทีชุมชน เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อชุมชน
      
       นายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการนำงบประมาณที่เหลือจากโครงการแท็บเล็ตที่ดำเนินการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการจำนวน 3,700 ล้านบาท ว่า ได้หารือร่วมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องแล้วประกอบด้วยกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เพื่อตั้งคณะทำงานร่วมกันกับกระทรวงไอซีทีโดยมีปลัดทั้ง 4 กระทรวงทำงานร่วมกันเพื่อทำแผนในการนำงบประมาณดังกล่าวไปดำเนินการวางระบบโครงข่ายสื่อสารให้กับโรงเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข
      
       “การวางแผนดังกล่าวต้องวางแผนในระยะ 3-5 ปี และแผนงานต้องเสร็จภายใน 1-2 เดือนนับจากนี้ โดยในการของบประมาณปี 2559 เราก็จะนำแผนนี้บรรจุเข้าไปเพื่อของบประมาณในการดำเนินการต่อเนื่อง อันจะเป็นประโยชน์สำหรับรัฐบาลถัดไปอีกด้วย”
      
       ***เคลียร์ปมดาวเทียมไทยคม
      
       นอกจากนี้ยังได้มีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงปัญหาที่คั่งค้าง เกี่ยวกับดาวเทียมไทยคมโดยอัยการสูงสุดให้กระทรวงไอซีทีตั้งคณะกรรมการกำกับ ดูแลสัมปทานตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ หรือ คณะกรรมการมาตรา 72 โดยจะมีบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เข้ามาร่วมเป็นกรรมการเป็นเพื่อแก้ปัญหาที่ยังขัดแย้งตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวันที่ 26 ก.พ. 2553 เพราะถือเป็นความขัดแย้งมายาวนาน โดยประเด็นดังกล่าวจะยึดคำสั่งของศาลฎีกาก่อน โดยจะต้องเร่งศึกษารายละเอียดและสรุปแนวทางแก้ไขให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตัดสินใจอีกครั้ง และจะต้องเร่งดำเนินการให้จบภายในรัฐบาลนี้
      
       “คณะกรรมการที่เข้ามาดูรายละเอียด ประกอบด้วย กฤษฎีกา สภาพัฒน์ฯ ไทยคม โดยมีปลัดไอซีทีเป็นประธาน เพื่อแก้ปัญหาที่คาราคาซังมานานหลายปีให้จบภายในรัฐบาลชุดนี้”
      
       สำหรับประเด็นที่จะต้องหยิบยกมาดำเนินการเนื่องจากคำพิพากษามองว่ารัฐเสียหาย ได้แก่ การอนุมัติให้ลดสัดส่วนการถือครองหุ้นของ บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในไทยคม จากที่ต้องถือไม่น้อยกว่า 51% กลายเป็นไม่น้อยกว่า 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ปัญหาดาวเทียมสำรองของดาวเทียมไทยคม 3 และสถานะของดาวเทียมไอพีสตาร์ว่า เป็นดาวเทียมนอกสัมปทานหรือไม่ และการคืนเงินประกัน 6.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่ได้จากกรณีดาวเทียมไทยคม 3 ปลดระวางก่อนกำหนด
      
       ***ประเมินศูนย์ไอทีชุมชน
      
       ขณะเดียวกันยังได้สั่งการให้สำนักส่งเสริมและพัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ดำเนินการประเมินศูนย์ไอทีชุมชนที่มีอยู่ประมาณ 2,000 แห่ง ทั่วประเทศว่า มีประสิทธิภาพในการดำเนินงานหรือมีปัญหาเรื่องใดบ้าง สามารถบริหารจัดการได้เองโดยไม่เป็นภาระต่อชุมชนหรือไม่ เพื่อนำมาวิเคราะห์เพิ่มหรือลดจำนวนให้ตรงกับความต้องการของพื้นที่ และนำปัญหามาแก้ไขร่วมกันกับชุมชน ซึ่งต้องประเมินให้เสร็จภายใน 1 เดือน ก่อนที่ต้นปี 2558 จะพิจารณาเพิ่มศูนย์อีก 300 แห่ง ภายใต้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2014-10-03 11:29:32


ความคิดเห็นที่ 22 (4136408)
Great color combinations. This gentleman really knows what works for him. cartier tank anglaise bracelet en cuir http://www.buycheapwristwatch.ru/fr/
ผู้แสดงความคิดเห็น cartier tank anglaise bracelet en cuir (virlagjmehl-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2017-02-14 22:34:40



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.