ReadyPlanet.com


รวมข่าวดาวเทียม วันที่ 9 มค 2015



รมว.ไอซีทีเล็งสร้างดาวเทียมภาครัฐรมว.ไอซีที
เล็งเสนอสร้างดาวเทียมภาครัฐไว้ใช้เอง ระบุ หวังแก้ปัญหาความมั่นคงและเพิ่มประสิทธิภาพบริการภาครัฐ คาดใช้งบกว่า 7 พันล้านบาทต่อดาวเทียม 1 ดวง

วันศุกร์ 31 ตุลาคม 2557 เวลา 02:00 น.รมว.ไอซีที เล็งเสนอสร้างดาวเทียมภาครัฐไว้ใช้เอง ระบุ หวังแก้ปัญหาความมั่นคงและเพิ่มประสิทธิภาพบริการภาครัฐ คาดใช้งบกว่า 7 พันล้านบาทต่อดาวเทียม 1 ดวง

นายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า ได้ให้คณะกรรมการกิจการอวกาศแห่งชาติไปศึกษารายละเอียดการสร้างดาวเทียมภาครัฐ เพื่อนำมาใช้เฉพาะการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ  โดยจะแก้ปัญหาเรื่องความมั่นคงของประเทศ ทั้งนี้จะแยกกับส่วนที่เป็นพาณิชย์ชัดเจน เพราะปกติรัฐต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเช่าสัญญาณดาวเทียมแก่เอกชนประมาณปีละ 7,000-8,000 ล้านบาท เพื่อให้ 7 กระทรวงในไทยได้ใช้งาน อาทิ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย

ทั้งนี้ หากรัฐมีดาวเทียมไว้ใช้เองก็จะไม่ต้องเสียค่าเช่าสัญญาณดาวเทียมให้เอกชน โดยเบื้องต้นตั้งงบประมาณในการสร้างดาวเทียม 1 ดวง อยู่ที่ 7,000-8,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเอกชนสามารถทำงานได้ในตอนนี้   เพราะรัฐยังต้องใช้ดาวเทียมของเอกชนอยู่  อีกทั้งหากมองในเรื่องของการรักษาความลับหรือความมั่นคงของชาติจำเป็นจะต้องมีดาวเทียมไว้ใช้เอง และรัฐดูแลเอง ดังนั้น แนวคิดการมีดาวเทียมดังกล่าวจึงต้องศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบ เพราะการสร้างดาวเทียมเองจะต้องใช้งบในการดูแลส่วนนี้เช่นกัน

นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้นางเมธินี เทพมณี ปลัดกระทรวงไอซีที เร่งแก้ไขปัญหาของสัญญาสัมปทานดาวเทียม กับ บริษัท ไทยคม จำกัด  (มหาชน) ให้แล้วเสร็จใน 3 เดือนต่อจากนี้ อาทิ ประเด็นดาวเทียมไอพีสตาร์  (ไทยคม4) ที่ไม่ได้อยู่ในสัญญาสัมปทานนั้น จะมีการคำนวณค่าปรับและค่าใช้จ่ายระหว่างกันอย่างไร และไทยคมจะต้องเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มอินทัช หรือ กลุ่มชินคอร์ปให้อยู่ในสัดส่วน 51% ตามสัญญาเดิม จากปัจจุบันอยู่ที่ 40-41% ส่วนดาวเทียมไทยคม 6 อยู่ระหว่างการตรวจสอบทรัพย์สินเพื่อส่งมอบให้กระทรวงไอซีทีตามสัญญาสัมปทาน เป็นต้น.


 



ผู้ตั้งกระทู้ Admin :: วันที่ลงประกาศ 2015-01-09 11:16:06


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3758239)


ติดตั้งระบบสอนผ่านดาวเทียมฉลุย
"ดร.โชติพิพัฒน์" สำรวจ 122 โรงเรียนพื้นที่ศึกษาประถมชัยภูมิ เขต 3 ติดตั้งระบบการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียมครบ ส่วนครูผู้สอนไม่มีปัญหาเข้าใจแนวทางการสอน พร้อมใช้เครื่องมือเป็นอย่างดี

วันจันทร์ 3 พฤศจิกายน 2557 เวลา 18:31 น.
เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ดร.โชติพิพัฒน์ จุลมณีรุ่งเรือง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิเขต 3 พร้อมคณะ ตรวจเยี่ยมโรงเรียนที่ได้รับงบจัดสรรในการปรับปรุงและติดตั้งระบบจานดาวเทียม ที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียน ในสังกัดโดยที่โรงเรียนบ้านขามราษฎร์นุกูลต.บ้านขามอ.จัตุรัสจ.ชัยภูมิพบว่าได้ดำเนินการติดตั้งระบบจานดาวเทียมทางไกลผ่านดาวเทียมเสร็จเรียบร้อยดีและสามารถใช้งานได้ตามปกติ

ดร.โชติพิพัฒน์ กล่าวว่า โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิเขต 3ได้รับการจัดสรรงบประมาณให้ดำเนินการปรับปรุงติดตั้งระบบจานดาวเทียมเพื่อใช้ในการเรียนการสอนจำนวนทั้งสิ้น 122 โรงเรียน โดยสำรวจผู้ที่เข้าเรียนในระบบทางไกลดังกล่าวรวมถึง7,714คนทั้งนี้ได้ดำเนินการติดตั้งพร้อมใช้งานครบทุกโรงเรียน ในส่วนการสอนของคุณครูผู้สอนไม่มีปัญหาอะไรเนื่องจากคุณครูผู้รับผิดชอบได้เข้าไปอบรมถึงแนวทางการจัดการเรียนการสอนการใช้เครื่องมือ มาแล้ว จึงไม่มีปัญหาอะไรจากการสอบถามนักเรียนที่เข้าเรียนก็มีความดีใจมาก สนุกสนานระบบภาพและเสียงชัดเจนดีส่วนมาตรการป้องกันความเสียหายหรืออุปกรณ์ที่อาจถูกขโมยได้ ในเรื่องนี้ได้กำชับให้ทางโรงเรียนได้กำชับเวรยามให้ดูแลถึงความปลอดภัยให้ช่วยกันดูแลหากอุปกรณ์เกิดการชำรุดเสียหายก็ให้ทางโรงเรียนรายงานด่วนทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาก็จะส่งทีมศึกษานิเทศก์และทีมไอซีทีเข้ามาช่วยแก้ไขให้อย่างเร่งด่วนต่อไป..

ผู้แสดงความคิดเห็น ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2015-01-09 11:19:43


ความคิดเห็นที่ 2 (3758241)


เคเบิล-ดาวเทียมค้านเรียงช่อง อัด “กสทช.” อุ้มแต่ทีวีดิจิตอล

ASTVผู้จัดการรายวัน - กสทช.เปิดประชาพิจารณ์ หลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ 30 เสียง ถล่มการทำงาน กสทช. ไม่เห็นด้วยกับการเรียงช่อง 1-36 มองไม่เป็นธรรมแก่เคเบิล/ทีวีดาวเทียม แต่สนับสนุนการเรียงช่องเดียวกันในทุกแพลตฟอร์มเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ชม
      
       วันนี้ (5 พ.ย.) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้จัดประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นสาธารณะเรื่อง หลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ. .... โดยภายในงานมีผู้ลงชื่อทั้งจากกลุ่มผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องและประชาชนทั่วไปกว่า 30 ราย ร่วมแสดงความคิดเห็น ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการที่ กสทช.บังคับให้มีการเรียงช่องทีวีดิจิตอล หมายเลข 1-36 ในทุกแพลตฟอร์ม
      
       เสียงส่วนใหญ่มองว่าไม่เป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ลงทุนเองทั้งหมดและไม่ได้ใช้ทรัพยากรของชาติ ควรให้เจ้าของบ้าน หรือผู้ประกอบการเหล่านี้สามารถตัดสินใจเรียงช่องเองได้ แต่บางส่วนเห็นด้วยกับการเรียงช่องครั้งนี้เนื่องจากแต่ละช่องมีมูลค่าจากการประมูลช่องทีวีดิจิตอลในราคาที่สูง แต่สำคัญที่สุดเห็นใจทั้งกลุ่มเคเบิล/ทีวีดาวเทียม และ กสทช. โดยหวังว่าจะสามารถหาทางออกร่วมกัน ให้เกิดการเรียงช่องโดยจะเริ่มที่เลขใดก็ได้เพื่อผู้ชมจะได้ไม่สับสน
      
       พันเอก นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เปิดเผยว่า การจัดประชาพิจารณ์ครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 1 หลังจากออกประกาศฉบับเดิมที่ให้เคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมมี 10 ช่องแรก และมีการเรียงช่องทีวีดิจิตอลที่หมายเลข 16-46 โดยหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ. .... ครั้งนี้ถือเป็นฉบับแก้ไขหลังจากที่ถูกฟ้องจากผู้ประกอบการเคเบิลทีวีบางรายที่มองว่า เลขช่อง 1-10 ช่องแรกไม่เป็นธรรม กสทช.จึงกำหนดให้เลข 1-36 เป็นการเรียงช่องทีวีดิจิตอลในทุกแพลตฟอร์มเพื่อประชาชนจะได้เข้าใจตรงกัน และเคเบิล/ทีวีดาวเทียมจะง่ายในการกำหนดช่องมากขึ้น
      
       “การเปิดประชาพิจารณ์ในครั้งนี้ไม่ได้กำหนดแนวทางอะไรไว้ เพียงเปิดให้ทุกฝ่ายร่วมแสดงความคิดเห็น ซึ่งส่วนใหญ่เห็นด้วยและบางส่วนยังเข้าใจไม่ถูกต้อง โดยหลังจากนี้ กสท.จะนำข้อมูลมาประกอบการพิจาณาจัดเรียงช่องต่อไป”
      
       อย่างไรก็ตาม ในช่วงการแสดงความคิดเห็นนั้น หลายรายไม่เห็นด้วยกับหลักการฯ ในครั้งนี้ โดยส่วนใหญ่ยอมรับได้ในการเรียงช่องที่เหมือนกันในทุกแพลตฟอร์ม แต่ไม่จำกัดว่าจะเริ่มที่ช่องใด
      
       ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า การจัดเรียงช่องทีวีดิจิตอลตั้งแต่เลข 1-36 ไม่เป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการเคเบิลทีวี/ทีวีดาวเทียม เพราะเป็นกลุ่มที่ลงทุนเองไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐและไม่ได้ใช้ทรัพยากรของชาติ ควรให้ผู้ประกอบการเหล่านี้มีการพูดคุยกันเองในการกำหนดการเรียงช่องทีวีดิจิตอลได้เอง
      
       สอดคล้องกับ นางศุภสรณ์ โหรชัยยะ ผู้แทนบริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การนำช่องรายการของทรูวิชั่นส์ไปให้ทีวีดิจิตอลออกอากาศตั้งแต่เลข 1-36 นั้นเสมือนเป็นการริบทรัพย์สินของบริษัท และ กสทช.เลือกปฏิบัติระหว่างผู้ประกอบการของ กสทช. กับผู้ประกอบการเคเบิลดาวเทียม ดังนั้นร่างประกาศดังกล่าวไม่ได้ส่งเสริมให้ประชาชนได้รับบริการโทรทัศน์ได้อย่างทั่วถึงและไม่ได้ก่อประโยชน์อย่างแท้จริง อีกทั้งเป็นการผลักภาระการเปลี่ยนผ่านของทีวีดิจิตอลมายังผู้ให้บริการเคเบิลดาวเทียม แทนโครงข่ายที่ยังติดตั้งไม่เรียบร้อย
      
       ด้าน ดร.นิพนธ์ นาคสมภพ นายกสมาคมโทรทัศน์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเรียงช่องทีวีดิจิตอลเป็นเรื่องที่ล้าสมัย อีกทั้งมองว่าไม่ใช่เรื่องระดับชาติ จึงไม่เห็นด้วยในการพิจารณาจัดเรียงช่อง 1-36 ในครั้งนี้ แต่มองว่าควรมองเรื่องของอนาคต ผู้ชมไม่สนใจเรื่องเลขช่องมากกว่าประเภทช่อง ดังนั้น กสทช.จึงควรที่จะให้ความสำคัญต่อประเภทช่องมากกว่าการเรียงช่อง
      
       ขณะที่ นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้แสดงความคิดเห็นว่า เห็นด้วยกับการเรียงช่องในครั้งนี้ โดยมองว่าเคเบิลดาวเทียมไม่ได้เสียประโยชน์ เพราะเดิมเลข 1-10 ที่มีอยู่ไม่ได้ประโยชน์อยู่แล้ว เนื่องจากเป็นเลขช่องของฟรีทีวีเดิม ถือเป็นประโยชน์แก่ทางเคเบิลดาวเทียมด้วยซ้ำที่มีการเรียงเลขช่องเหมือนกันในทุกแพลตฟอร์ม
      
       อย่างไรก็ตาม มีผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชนที่สรุปได้ว่า ต้องการที่จะเห็นการเรียงช่องเกิดขึ้นและเหมือนกันในทุกแพลตฟอร์มและจะเริ่มที่เลขใดก็ได้ โดยเห็นใจทั้งสองฝ่าย คือ ผู้ประกอบการช่องทีวีดิจิตอล และเคเบิลดาวเทียม รวมถึง สทช.

ผู้แสดงความคิดเห็น ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2015-01-09 11:23:13


ความคิดเห็นที่ 3 (3758252)



ดีเดย์ตั้งบอร์ดดิจิทัลอีโคโนมี ธ.ค.นี้

นายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า การดำเนินนโยบายดิจิทัล อีโคโนมี คาดจะตั้งคณะกรรมการเสร็จช่วงเดือน ธ.ค. 2557 - ม.ค. 2558 ภายหลังการเสนอกฎหมายในรูปแบบ พ.ร.บ. เข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่ง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว จะกำหนดขอบข่ายอำนาจของกรรมการ เช่น สามารถสั่งการได้ ตั้งคณะกรรมการชุดย่อยได้

ทั้งนี้ คาดภารกิจแรกจะเป็นการจัดตั้งรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (อี กอฟเวิร์นเม้นต์) เนื่องจากดิจิทัล อีโคโนมี่ ต้องการให้ทุกหน่วยงายรัฐเชื่อมโยงข้อมูลข้อมูลขึ้นไปบนระบบคลาวด์เพื่อใช้ฐานข้อมูลเดียวกันทั้งหมด แต่ขณะนี้มีเพียง 3-4 หน่วยงานเท่านั้นที่ดำเนินการ

“สาเหตุสำคัญที่ทำให้ก่อนหน้านี้เราจัดทำ อี กอฟเวอร์เม้นท์ ไม่ได้เพราะ เดิมทีหน่วยงานที่ขับเครื่องคือ สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์(องค์การมหาชน) หรือ สรอ. พอ สรอ. ไปเจรจากับหน่วยงานต่างๆ ด้วยศักดิ์ศรี จึงโดนหน่วยงานนั้นๆ ให้ไปเจรจากับผู้ไม่มีอำนาจ แต่หากมีคณะกรรมการดิจิทัลอีโคโนมี เชื่อว่าด้วยศักดิ์ศรีที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะสามารถขอความร่วมมือได้ไม่ยาก” นายพรชัย กล่าว

พร้อมเผยการประชุมกับผู้บริหารหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงไอซีที วานนี้ (5 พ.ย.) ว่า จากการที่รัฐบาล โดยกระทรวงไอซีที มีแผนสร้างดาวเทียมสื่อสารเพื่อความมั่นคงมาใช้งานเอง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยงานร่วมกำหนดยุทธศาสตร์ เรื่องอวกาศ ว่าควรไปในทิศทางใด อาทิ วงโคจร การใช้ประโยชน์ทั้งส่วนภาครัฐและเชิงพาณิชย์ รวมทั้งควรต้องจัดจ้างที่ปรึกษาดำเนินการหรือไม่ และควรเป็นผู้ประกอบการของไทยหรือต่างชาติ

อย่างไรก็ตาม การจัดสร้างดาวเทียมใช้งานเอง ได้มีการตั้งคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติแล้ว มี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และเขาเป็นรองประธาน ซึ่งเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเรื่องดาวเทียมที่เป็นส่วนหนึ่งของดิจิทัล อีโคโนมี่

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 11:37:37


ความคิดเห็นที่ 4 (3758315)


ขยายผลเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม
รมช.ศึกษาระบุขยายผลเรียนทางไกลผ่านดาวเทียมแล้ว 1.5 หมื่นโรงเรียน เชื่อครูใต้กำลังใจเข้มแข็งดี

วันที่ 8 พ.ย.ที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศกองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมว.กระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานเปิดการสัมมนาทางวิขาการเรื่อง ร่วมคิด ร่วมทำ : หลอม หล่อระบบการศึกษาไทย” จัดโดยศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ สถาบันวิขาการป้องกันประเทศและนักศึกษาหลักสูตรเสาหลักเพื่อแผ่นดิน “เกียรติยศ”ใต้ร่มพระบารมีรุ่นที่ 1

โดยพล. อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์ว่าการทำงานในช่วงระยะที่ 3 เดือนที่ผ่านมาหรือไตรมาสแรกของรัฐบาลผลในทางปฏิบัติเกิดขึ้นในบางส่วน ทั้งนี้ในส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีเน้นย้ำในเรื่องการศึกษาทางไกลผ่านระบบดาวเทียมจากวังไกลกังวล  โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่มีปัญหาขาดแคลนครูนั้นเรื่องหนึ่งที่เป็นความสำคัญเรื่องแรกที่ คสช.ได้เข้ามาบริหารประเทศ คือ การแก้ปัญหาการศึกษาที่เกิดปัญหาขึ้นในโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ห่างไกลที่มีจำนวนมากมีปัญหาในเรื่องขาดแคลนครูผู้สอน มีครูไม่ครบจำนวน  พล.อ.ประยุทธ์ ได้สั่งการให้ไปขยายเรื่องการศึกษาผ่านดาวเทียมที่ใช้สัญญาณภาพเสียงจากโรงเรียนวังไกลกังวลที่เป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพของครูมีความเชี่ยวชาญ และถ่ายทอดสัญญาณไปยังโรงเรียนต่าง ๆซึ่งได้ดำเนินการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาเป็นเวลาเกือบ 20ปีเราก็ได้ไปดำเนินการและขยายผลต่อเนื่องมาตลอดทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จในการที่จะเริ่มต้นขยายผลการรับสัญญาณจากโรงเรียนวังไกลกังวลไปยังโรงเรียนขนาดเล็กที่ห่างไกล โดยขณะนี้มีโรงเรียนที่อยู่ในโครงการทั่วประเทศ1.5 หมื่นโรงเรียน มีนักเรียนที่จะได้รับโอกาสนี้กว่า 1 ล้านคน ทำให้คาดหวังได้ว่า หลังจากรับสัญญาณ เมื่อวันที่3 พ.ย.ที่ผ่านมา  ซึ่งเป็นวันเปิดภาคการศึกษาจากนั้นจะมีการประเมินผลต่อไปตามลำดับ เพื่อยกคุณภาพการเรียนการสอนและเมื่อมีการสอบคะแนนก็จะสูงขึ้น เป็นเรื่องที่กำลังทำและติดตามผลต่อไป

เมื่อถามว่าการดำเนินการทั้งประเทศจะสัมฤทธิ์ผลอย่างไรพล.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กำลังดำเนินการทั่วประเทศและเรามีคณะกรรมการที่จะเข้าไปประเมินผลและติดตามการปฏิบัติซึ่งต้องประเมินตอนจบภาคการศึกษา วัดผลการศึกษาของนักเรียนก่อนและหลังการขยายผลตนมั่นใจว่าโรงเรียนที่ดำเนินการอย่างเข้มแข็งตลอดมา ผลการสอบวัดผลหรือการสอบโอเน็ตของนักเรียนสูงกว่าระดับมาตรฐานถ้าทำอย่างต่อเนื่องไปเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จในการปูพื้นฐานทางการศึกษาของนักเรียนโดยเฉพาะโรงเรียนห่างไกลให้มีความทัดเทียมกับโรงเรียนที่มีคุณภาพ

เมื่อถามว่า ได้หารือกับผบ.ทบ.เกี่ยวกับปัญหาระบบการศึกษาในพื้นที่ภาคใต้หรือไม่ พล.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ปรึกษาอยู่ตลอด เนื่องจากเป็นผู้บังคับบัญชาในส่วนของกองทัพบก เป็นรองผอ.รมน. และยังเป็นรองประธานคณะกรรมการติดตามผลการแก้ปัญหา3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการฯในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการก็เข้าไปแก้ปัญหาในมิติด้านการศึกษา ในปีงบประมาณนี้  ทางกระทรวงศึกษาธิการก็ได้จัดตั้งกระทรวงศึกษาธิการส่วนหน้าคือ นำบุคคลากรทางการ เครื่องไม้ เครื่องมือ และบุคลากรต่าง ๆ ลงไปทำงานในพื้นที่ ส่วนจิตใจของเจ้าหน้าที่ครูในพื้นที่ภาคใต้  ซึ่งตนได้ลงไปเยี่ยมก็เข้มแข็งดีทั้งนี้ในวันที่ 17 พ.ย.นี้ ตนได้นัดหมายเพื่อรับฟังความเห็นของครูแต่ละกลุ่มในพื้นที่ภาคใต้ด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2015-01-09 14:18:19


ความคิดเห็นที่ 5 (3758317)


กระทรวงไอซีที เอาจริง
เดินหน้าสร้างดาวเทียมแห่งชาติ เร่งทำวาระตั้งทีมประชุมคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ จัดคิวหารือรองนายกรัฐมตรีภายใน พ.ย.นี้

นายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า ภายในเดือน พ.ย.นี้ จะประชุมคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ที่มี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นประธาน เพื่อเดินหน้าโครงการดาวเทียมแห่งชาติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้มีดาวเทียมของประเทศใช้สำหรับหน่วยงานรัฐ เบื้องต้นจะใช้งบประมาณดวงละ 7,000-8,000 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างให้คณะทำงานทำวาระการประชุมเพื่อเสนอและจัดตารางการประชุม

อย่างไรก็ตาม ดาวเทียมแห่งชาติถือเป็นโครงการของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ถือเป็นดาวเทียมของประเทศที่จะสร้างประโยชน์อย่างมหาศาล จากเดิมที่รัฐบาลต้องจ่ายค่าเช่าปีละหลายพันล้านบาท หากทำขึ้นเองก็จะได้ไม่ต้องเสียค่าเช่าเอกชน อีกทั้ง ในด้านการนำมาให้บริการกระทรวงต่าง ๆ ถือว่าเป็นอีกแนวทางในการป้องกันไม่ให้เอกชนล่วงรู้ข้อมูลของรัฐมากเกินไป ช่วยป้องกันเรื่องความมั่นคงของชาติได้สำหรับ คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาตินั้น จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกว่าด้วยการบริหารกิจการอวกาศ ปี 2552 แต่ที่ผ่านมาแทบไม่มีการเรียกประชุมและมีความคืบหน้าในการดำเนินงานของคณะกรรมการเลย ดังนั้น คณะกรรมการชุดปัจจุบันจะเข้ามามีบทบาทสำคัญที่จะกำหนดยุทธศาสตร์ด้านอวกาศของประเทศ พร้อมทั้งเตรียมบุคลากรเพื่อรองรับและผลักดันโครงการดาวเทียมแห่งชาติให้เกิดขึ้นด้วย

“นอกจากนี้ยังได้สั่งให้ทุกหน่วยงานในสังกัดนำเสนอโครงการ หรือ ข้อตกลงในรูปแบบเอ็มโอยู ที่ได้เคยดำเนินการมาทุกเรื่องให้ไอซีทีพิจารณา หากเรื่องใดที่เป็นประโยชน์แต่ไม่ถูกสานต่อจะสั่งให้เดินหน้าต่อ และหากเรื่องใดทำให้ภาครัฐเสียเปรียบจะสั่งให้ยกเลิกทันที” นายพรชัย กล่าว.

ผู้แสดงความคิดเห็น ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2015-01-09 14:20:38


ความคิดเห็นที่ 6 (3758320)



 
“ไทยคม” เผยไตรมาส 3 ยังแข็งแกร่ง หลังประสบความสำเร็จในการจัดส่งดาวเทียมไทยคม 7 ขึ้นสู่วงโคจร สร้างนวัตกรรมบริการ Wi-Fi Onboard บนเครื่องบินนกแอร์ และความสำเร็จจากการจำหน่ายหุ้นกู้ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อไทยคม ขณะที่ผลกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 9 เดือนแรก 1,407 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 67% จากปีก่อน พร้อมนำประสบการณ์อวกาศยิ่งใหญ่ระดับโลกสู่สายตาคนไทย NASA - A Human Adventure ปลายปีนี้
      
       นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ไทยคม มีผลประกอบการที่สูงขึ้นโดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 2,598 ล้านบาท มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 9 เดือนแรก 1,407 ล้านบาท เติบโตขึ้น 67% จากปีก่อน ขณะเดียวกัน ไทยคมยังประสบความสำเร็จในอีกหลายด้านในไตรมาสที่ผ่านมา โดยบริษัทได้ทำการจัดส่งดาวเทียมไทยคม 7 เพื่อรักษาสิทธิในวงโคจรที่ตำแหน่ง 120 องศาตะวันออกให้แก่ประเทศไทย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มปริมาณช่องสัญญาณให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน และเสริมศักยภาพโครงข่ายโทรคมนาคมดาวเทียมของประเทศ
      
       นอกจากนี้ เพื่อเป็นการบริหารต้นทุน และค่าใช้จ่ายในโครงการดาวเทียมไทยคม 7 อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทจึงได้ทำการเสนอขายหุ้นกู้มูลค่ารวม 4,550 ล้านบาท เพื่อระดมทุนใช้ในการลดต้นทุนดอกเบี้ยโครงการดาวเทียมไทยคม 7 ลงได้ไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของดอกเบี้ยเดิมที่มีกำหนดจ่ายตามแผนการเงิน ซึ่งหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งสถาบัน และรายย่อยเข้าจองซื้อเกินกว่าเป้าหมายอย่างมาก ความสำเร็จจากการจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้ ได้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุน และประชาชนที่มีต่อศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งของไทยคมได้เป็นอย่างดี
      
       ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทไม่หยุดยั้งที่จะคิดค้นนำเสนอนวัตกรรม จนนำมาซึ่งความสำเร็จในการเปิดบริการ Wi-Fi Onboard ซึ่งเป็นการให้บริการ Wi-Fi อินเทอร์เน็ตบนย่านความถี่เค-ยูแบนด์ ด้วยความเร็วระดับ 3G เป็นครั้งแรกในเอเชียบนสายการบินนกแอร์
      
       ในส่วนของธุรกิจบรอดแบนด์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของไทยคม บริษัทยังคงรับรู้รายได้เพิ่มเติมต่อเนื่องจากการให้บริการไอพีสตาร์ในตลาดหลัก โดยในประเทศจีน บริษัทได้รับส่วนแบ่งรายได้เพิ่มขึ้นจากการที่ซีเนอร์โทนขายช่องสัญญาณเพิ่มเติม และในประเทศออสเตรเลีย บริษัทได้รับรายได้จากการจัดจำหน่ายบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตให้แก่ เอ็นบีเอ็น (NBN Company Limited) ประเทศออสเตรเลีย เพื่อขยายบริการโครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติเพิ่มเติม
      
       ความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นบทพิสูจน์ถึงความตั้งใจของไทยคมที่จะสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และจะมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมการสื่อสารผ่านดาวเทียมเพื่อเป็นหนึ่งในโครงข่ายหลักรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมต่อไป ขณะเดียวกัน ยังคงมุ่งสานต่อโครงการเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน โดยในเดือนธันวาคมนี้ ไทยคมได้เป็นผู้สนับสนุนหลักในการนำนิทรรศการอวกาศระดับโลก NASA - A Human Adventure เพื่อนำประสบการณ์ยิ่งใหญ่ระดับโลกให้เด็กๆ และคนไทยได้สัมผัส ภายใต้ความร่วมมือกับองค์การนาซา โดยไทยคมหวังว่างานนี้จะเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจ เสริมสร้างจินตนาการ และเปิดโลกทัศน์ให้เยาวชนของชาติได้สนใจด้านวิทยาศาสตร์และอวกาศซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
      
       ในส่วนของกลุ่มบริษัทในเครือนั้น บริษัท ดีทีวี เซอร์วิส จำกัด ในไตรมาส 3 ผลจากการร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างบริษัท ดีทีวี เซอร์วิส จำกัด (ดีทีวี) กับ บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด (ทรูวิชั่นส์) ในการเผยแพร่รายการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมในระบบเคยู แบนด์ นำเสนอคอนเทนต์คุณภาพทั้งกีฬา และบันเทิงของทรูวิชั่นส์ รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรช่องรายการ และแพลตฟอร์มอื่น ส่งผลให้ยอดจำหน่ายอุปกรณ์ชุดรับสัญญาณดาวเทียมเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ในขณะที่บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) มีจำนวนฐานลูกค้าจากการให้บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสายวงจรเช่า (Leased Line) และการให้บริการศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต (Internet Data Center หรือ IDC) ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เนื่องจากการเติบโตของฐานลูกค้าใหม่ และปริมาณการใช้งาน (Bandwidth) ในกลุ่มลูกค้าองค์กร และในส่วนของบริษัท ลาว เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (ลาวเทเลคอม) ยังคงรักษาความเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์ที่มีส่วนแบ่งในตลาดเป็นอันดับ 1 ในประเทศลาวได้อย่างต่อเนื่อง

ผู้แสดงความคิดเห็น ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2015-01-09 14:24:24


ความคิดเห็นที่ 7 (3758321)

จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เผยไตรมาส 3 ขาดทุนลดลงเหลือ 164 ล้านบาท หลังผนึก CTH ปรับโครงสร้างธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมแบบบอกรับสมาชิก (เพย์ทีวี) เข้าเป้าตามแผน พร้อมรุกธุรกิจทีวีดิจิตอลอย่างเต็มที่ ตั้งเป้าผลักดันให้ช่องทีวีดิจิตอลทั้ง 2 ช่องติดอันดับ 1 ใน 5
      
       นางสาวบุษบา ดาวเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2557 บริษัทขาดทุนสุทธิ 164.00 ล้านบาท ดีขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 285.90 ล้านบาท เนื่องจากอยู่ในช่วงการลงทุน และจากการผนึกกำลังร่วมกันของบริษัท CTH ในการปรับโครงสร้างธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมแบบบอกรับสมาชิก (เพย์ทีวี) ทำให้แกรมมี่มีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
      
       โดยไตรมาส 3 นี้บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,666 ล้านบาท โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของธุรกิจภาพยนตร์ จากเรื่อง “ฝากไว้ในกายเธอ” เป็นหลัก ส่วนธุรกิจเพลง โดยเฉพาะธุรกิจโชว์บิซและธุรกิจบริการรับจัดและบริหารกิจกรรมก็ปรับตัวดีขึ้นจากสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มในทางบวก นอกจากนั้น การเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิตอลทีวีก็ทำให้ธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมและธุรกิจดิจิตอลทีวีปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน
       ส่วนธุรกิจอื่นๆ ของบริษัท เช่น ธุรกิจโฮมชอปปิ้ง ก็เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มสดใส จากยอดขายรายวันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีสินค้าที่จำหน่ายทั้งหมดกว่า 300 รายการ บริษัทยังคงเน้นกลยุทธ์การตลาดด้วยการเลือกสินค้าดีมีคุณภาพและบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้า ทั้งนี้ ธุรกิจโฮมชอปปิ้งจะสามารถบรรลุจุดคุ้มทุนได้ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้แล้ว
      
       นางสาวบุษบากล่าวต่อไปว่า ด้านธุรกิจเพลง แกรมมี่ได้ขยายช่องทางการเข้าถึงกลุ่มแฟนคลับ โดยนำคอนเทนต์ต่างๆ ของบริษัทผ่านช่องทาง Social Media เช่น ยูทิวบ์ (Youtube) และมิวสิกสตรีมมิ่ง (Music Streaming) นอกจากนั้น ได้เปิดตัวคอนเสิร์ตฮอลล์เต็มรูปแบบภายใต้ชื่อ ‘เมืองไทย จีเอ็มเอ็ม ไลฟ์ เฮ้าส์’ ถือเป็นศูนย์รวมความบันเทิงแห่งใหม่ล่าสุดใจกลางกรุงเทพมหานคร ที่ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อจัดคอนเสิร์ตระดับกลาง โชว์บิซ อีเวนต์ต่างๆ สามารถรองรับผู้ชม 2,000-3,000 คน โดยคาดว่าจะจัดกิจกรรมที่นี้ได้ไม่น้อยกว่า 104 กิจกรรมต่อปี เป็นการเสริมสร้างรายได้เพิ่มให้กลุ่มธุรกิจเพลงในภาพรวมอีกด้วย
      
       สำหรับธุรกิจทีวีดิจิตอล บริษัทรุกตลาดอย่างเต็มที่ด้วยรายการใหม่ๆ ที่แตกต่างอย่างต่อเนื่อง ทั้งช่อง “one” ที่นำทัพโดยคุณบอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ นำซิตคอมสุดฮิต “เป็นต่อ” กลับมาสร้างความฮาครั้งใหม่ ตามติดมาด้วยปรากฏการณ์ใหม่ของละครไทย “สงครามนางงาม” ซีรีส์ 18+ ที่มีกระแสตอบรับจากผู้ชมดีเกินคาด ส่วนช่อง “GMM Channel” ที่นำทัพโดยคุณฉอด-สายทิพย์ มน

ผู้แสดงความคิดเห็น ข่าวดาวเทียม 9JAN2015 วันที่ตอบ 2015-01-09 14:27:56


ความคิดเห็นที่ 8 (3758324)

“INTUCH” เผยรายได้ทั้งปีดีกว่าเป้าโตเกิน 5-7% หลัง 9 เดือนโตเกือบ 15% เหตุธุรกิจดาวเทียมหนุน

บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ ฟุ้ง 3 ไตรมาสแรกโกยรายได้ไปแล้วกว่า 19,269.89 ล้านบาท จากเศรษฐกิจฟื้นตัว และดาวเทียมไทยคม 6 รับรู้รายได้ค่าเช่าสัญญาณเต็มจำนวน อีกทั้งยอดผู้ใช้โทรศัพท์ และข้อมูลดาต้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เผยแผนโรดโชว์ไปต่างประเทศนอกเหนือจากกลุ่มนักลงทุนหลัก คาดสรุปดีล Venture Capital ได้อย่างน้อย 1 แห่งก่อนสิ้นปี
      
       น.ส.ทมยันตี คงพูลศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ หรือ INTUCH กล่าวว่า สัดส่วนของรายได้จากการขายและบริการปีนี้คาดว่าจะเติบโตมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 5-7% ซึ่งในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี บริษัทฯ มีรายได้ 19,269.89 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 11,113.01 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทฯ มีการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจค่าเช่าช่องสัญญาณดาวเทียวที่รับรู้เต็มจำนวนจากไทยคม 6 ของ บมจ.ไทยคม หรือ THCOM เข้ามาเต็มปี ซึ่งรายได้จากดาวเทียมไทยคม 7 คาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้ได้ภายในไตรมาส 1 ปีหน้า  และรายได้จากการให้บริการสัญญาณ Wi-Fi บนเครื่องบินพาณิชย์ ขณะที่รายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจของ  แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANC ที่มีการเติบโตต่ออย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของการใช้งานโทรศัพท์ และข้อมูลดาต้าที่มีปริมาณผู้ใช้เพิ่มมากขึ้น
      
       “บริษัทวางเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปีหน้า คาดว่าจำนวนรายได้จะสูงกว่าปีนี้ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ที่มีการประเมินว่าจะเติบโตของ GDP ที่ประมาณ 4-5% ขณะเดียวกัน บริษัทฯ วางแผนจะมีการเดินสายโรดโชว์ในต่างประเทศนอกเหนือจากกลุ่มลูกค้าหลักมากขึ้น จากปัจจุบันที่นักลงทุนหลักของบริษัทฯ ยังเป็นฮ่องกง และสิงคโปร์ โดยเป้าหมายต่อไปที่บริษัทฯ จะไปโรดโชว์จะเป็นประเทศญี่ปุ่น มาเลเซีย และแคนาดา ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ลงทุนเน้นหุ้นปันผล โดยจากที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนในประเทศญี่ปุ่น และแคนาดาเป็นอย่างดี”
      
       อย่างไรก็ดี ในส่วนของแผนการพัฒนาธุรกิจเพิ่มเติมนั้น ขณะนี้บริษัทอยู่ในช่วงของการเจรจาร่วมลงทุน หรือ Venture Capital ด้านโทรคมนาคม และดิจิตอลคอนเทนต์ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของบริษัท ซึ่งปัจจุบันมีเจรจาไว้หลายแห่ง โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปการเข้าร่วมทุนภายในปีนี้อย่างน้อย 1 บริษัท ซึ่งเงินลงทุนที่ใช้ในการร่วมทุนยังคงอยู่ที่ 200 ล้านบาท

ผู้แสดงความคิดเห็น ข่าวดาวเทียม 9JAN2015 วันที่ตอบ 2015-01-09 14:30:41


ความคิดเห็นที่ 9 (3758325)

ศธ.เตรียมขยายผลศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ร.ร.กว่า 15,000 แห่ง    พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางไปเยี่ยมชมการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ที่โรงเรียนวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีนายขวัญแก้ว วัชโรทัย ประธานกรรมการบริหาร มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม และผู้จัดการโรงเรียนวังไกลกังวลให้การต้อนรับ ร่วมด้วย รศ.นราภรณ์ จันทร์โอชา ภริยานายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานกรรมการบริหาร โดยเปิดให้เข้าเยี่ยมชมการจัดการเรียนการสอนที่ใช้เป็นห้องเรียนต้นทาง ถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียมไปทั่วประเทศตามพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อเกือบ 20 ปีมาแล้ว โดยปีนี้ รัฐบาลดำเนินการขยายผลโครงการอย่างจริงจัง พร้อมมีนโยบายให้โรงเรียนขนาดเล็กกว่า 15,000 แห่ง ทั่วประเทศ นักเรียนกว่า 1 ล้านคน ได้เรียนผ่านระบบนี้ เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนครู ซึ่งเริ่มใช้พร้อมกันแล้วทั่วประเทศในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษานี้
        รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ยังมีปัญหาทางเทคนิคเล็กน้อย เช่น ได้รับสัญญาณดาวเทียมขาดช่วง ไฟฟ้าดับ ซึ่งอยู่ระหว่างการแก้ไข

ผู้แสดงความคิดเห็น ข่าวดาวเทียม 9JAN2015 วันที่ตอบ 2015-01-09 14:33:39


ความคิดเห็นที่ 10 (3758326)

รมช.ศธ.ขยายผลการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม นำสื่อดูการสอนจากครูต้นทาง ถ่ายทอดสัญญาณ


ประจวบคีรีขันธ์ - รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำสื่อมวลชนเดินทางมาศึกษาดูงานการสอนจากครูต้นทาง และการถ่ายทอดสัญญาณจากสตูดิโอ สถานีการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม DLTV ณ โรงเรียนวังไกลกังวล ตามโครงการการขยายผลการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมไปยังโรงเรียนที่อยู่ห่างไกล เพื่อวางแนวทางในการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ
      
       วันนี้ (14 พ.ย.) พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมคณะ ได้นำสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ที่โรงเรียนวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมี นายขวัญแก้ว วัชโรทัย ประธานกรรมการการบริหารมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม นางนราพร จันทร์โอชา รองประธานมูลนิธิฯ พร้อมคณะกรรมการมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม นายวรวิทย์ กุลจิรกาญจน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวังไกลกังวล และนายจาตุรันต์ วัฒนประทีป ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพวังไกลกังวลให้การต้อนรับ
      
       ทั้งนี้ คณะของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ชมการทำกิจกรรมหน้าเสาธงของนักเรียน ซึ่งนอกจากจะมีการเคารพธงชาติ สวดมนต์ ยังมีการร้องเพลงหน้าที่เด็กดี 10 ประการ ซึ่ง พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ ได้กล่าวชื่นชมในความสามารถของนักเรียน พร้อมทั้งระบุด้วยว่า การจัดการศึกษาของโรงเรียนวังไกลกังวล และมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ถือเป็นการจัดการศึกษาต้นแบบที่น่ายกย่อง และควรแก่การนำมาเป็นตัวอย่างในการจัดการเรียนการศึกษาให้แก่สถานศึกษาอื่นในอนาคต
      
       จากนั้น นายขวัญแก้ว วัชโรทัย ประธานกรรมการการบริหารมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ได้นำคณะเยี่ยมชมห้องออกอากาศในวิชาต่างๆ ห้องตัดต่อภาพและเสียง ห้องคลังภาพ รวมทั้งในโอกาสนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษิการ ได้ออกอากาสร่วมกับนักเรียนต้นทาง และมีการซักถามนักเรียนปลายทางในระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งวันนี้มีนักเรียนปลายทางจากโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 21 จังหวัดแม่ฮ่องสอน และโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 27 จังหวัดหนองคาย ร่วมออกอากาศสดด้วย
      
       รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า สำหรับการเดินทางมาศึกษาดูงานครั้งนี้ถือว่าได้ประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งเกิดความรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ซึ่งจากนี้ไปกระทรวงศึกษาธิการ ได้นำไปขยายผลให้แก่โรงเรียนปลายทางทั่วประเทศกว่า 5 พันโรงเรียน
      
       การดูงานครั้งนี้เป็นการมาดูงานที่โรงเรียนต้นทาง เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการศึกษาให้เกิดประสิทธิภาพ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ ได้เริ่มโครงการขยายผลการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมในปีการศึกษา 2557 ในภาคเรียนที่ 2 อย่างเต็มประสิทธิภาพ
      
       ทั้งนี้ ยอมรับว่ายังเกิดปัญหา และอุปสรรค เช่น สัญญาณภาพขาดหาย ซึ่งเกิดจากสภาพอากาศ และกระแสไฟฟ้า เป็นต้น ล่าสุด กระทรวงศึกษาธิการได้จัดคณะทำงานเพื่อไปตรวจเยี่ยมยังโรงเรียนปลายทาง เพื่อติดตามผลการดำเนินงาน สำรวจวิธีการใช้เครื่องมือให้ถูกต้องเพื่อให้เกิดการออกอากาศที่สมบูรณ์ ส่วนปัญหาเรื่องความเสถียรของสัญญาณภาพนั้น เป็นปัญหาด้านเทคนิค ซึ่งจะต้องเร่งแก้ไขกันต่อไป ไม่ใช่ปัญหาที่น่าหนักใจแต่อย่างใด
      
       อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การขยายผลการศึกษาทางไกลเพิ่งจะเริ่มดำเนินการได้ประมาณ 2 เดือน ทำให้ยังไม่สามารถประเมินผลได้ คงต้องรอดูผลงานภายหลังจบภาคเรียนที่ 2 ว่า นักเรียนมีผลการเรียนเป็นอย่างไร แต่เท่าที่สำรวจเบื้องต้นก็มีผลดีขึ้นตามลำดับ
      
       อนึ่ง มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ได้จัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม โดยการถ่ายทอดการเรียนการสอนหลักสูตรขั้นพื้นฐานจากโรงเรียนวังไกลกังวล โรงเรียนราษฎร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรูปแบบ “ถ่ายทอดสด 1 ช่อง 1 ชั้น” ตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 รวม 12 ช่อง 12 ชั้น สอนโดยครูคนเดียวกัน เวลาเดียวกัน คุณภาพเดียวกัน ถ่ายทอดโดยตรงจากโรงเรียนวังไกลกังวล เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้โรงเรียนต่างๆ ที่ขาดแคลนครู โดยเฉพาะครูประจำวิชา สามารถดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนได้เท่าเทียมกัน เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงการเรียนการสอนได้กว้างขวางและง่ายดายขึ้น มูลนิธิฯได้เพิ่มช่องทางให้สามารถรับชมการเรียนการเรียนการสอนได้อีก 2 ช่องทาง คือ 1) ระบบ e-Learning ผ่านเว็บไซต์
www.dlf.ac.th ซึ่งถ่ายทอดการเรียนการสอนจากโรงเรียนวังไกลกังวลทุกชั้นเรียนผ่านทางอินเทอร์เน็ต (Internet) และ Application บนอุปกรณ์พกพา ในชื่อ “DLTV on Mobile” โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพื่อรับชมบนมือถือ หรืออุปกรณ์พกพาอื่นๆ ได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Android หรือ IOS
      
       ผลจากการเรียนกับระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ “ครูตู้” เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง และมีสถิติสูงขึ้นทุกปี ขณะนี้มีผู้สำเร็จการศึกษาจากการศึกษาด้วยระบบทางไกลผ่านดาวเทียม จากทุกภาคของประเทศไทย และสามารถเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา และประสบความสำเร็จเป็นจำนวนมาก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี

ผู้แสดงความคิดเห็น ข่าวดาวเทียม 9JAN2015 วันที่ตอบ 2015-01-09 14:35:21


ความคิดเห็นที่ 11 (3758332)

"เพลย์สเตชันวิว" บริการใหม่จากโซนี่ รับชมเคเบิลทีวีบนคอนโซล

โซนี่ เปิดตัวบริการใหม่แบบจ่ายรายเดือน ที่จะมาเปลี่ยนเครื่องเล่นเกมที่บ้านให้กลายเป็นกล่องทีวีจูนเนอร์ สตรีมรายการโปรดมาดูในห้องนั่งเล่น โดยไม่ต้องพึ่งจานดาวเทียมหรือสายเคเบิล
      
        บริษัทโซนี่เน็ตเวิร์คเอนเตอร์เทนเมนท์อินเตอร์เนชันแนล ร่วมกับบริษัทโซนี่คอมพิวเตอร์เอนเตอร์เทนเมนท์ ออกมาประกาศเปิดตัวบริการใหม่ล่าสุดในนาม "เพลย์สเตชันวิว" (PlayStation Vue) บริการรับชมทีวีในรูปแบบคลาวด์เซอร์วิส ที่มีกำหนดประเดิมทดลองก่อนบนเครื่องคอนโซลเพลย์สเตชัน 3 และเพลย์สเตชัน 4 ส่วนอุปกรณ์อื่นๆทั้งที่เป็นแบรนด์โซนี่ และไม่ใช่ของโซนี่อย่างไอแพด จะเปิดให้บริการตามมาในภายหลัง
      
        ซึ่งบริการเพลย์สเตชันวิวนี้ จะเปิดโอกาสให้สมาชิกสามารถรับชมรายการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ และเข้าถึงเหล่าคอนเทนต์ออนดีมานด์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเสียบสายเคเบิลหรือติดตั้งจานดาวเทียม ซึ่งเจ้าบริการตัวนี้จะนำเสนอรายการทีวีทั้งในรูปแบบออนดีมานด์ รวมถึงรายการย้อนหลังต่างๆ จึงทำให้ผู้ใช้สามารถติดตามรายการโปรดได้ทุกเวลาที่สะดวก อีกทั้งมันยังเก็บเฉพาะรายการดังๆในช่วงสามวันที่ผ่านมาให้อัตโนมัติ โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องไปสั่งตั้งโปรแกรมบันทึกเอาไว้ล่วงหน้า
      
        สำหรับลิสต์รายชื่อเครือข่ายโทรทัศน์ที่คอนเฟิร์มตบเท้าเข้าร่วมบริการดังกล่าว ปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 6 เจ้าใหญ่ๆ ได้แก่ CBS, Fox, Viacom, NBCUniversal, Scripps Network Interactive และ Discovery Communications ส่วนช่องทีวีชื่อดังอื่นๆอย่าง ABC, HBO, ESPN, TNT, TBS และ CNN นั้นทางโซนี่ ระบุว่ากำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา ซึ่งทางฝั่งของราคาค่าบริการ ณ เวลานี้ยังไม่มีการเปิดเผย แต่ทางโซนี่ ระบุว่าบริการเพลย์สเตชันวิว จะใช้การเก็บค่าสมาชิกแบบเดือนต่อเดือน โดยที่ไม่มีการผูกมัดสัญญา หรือเก็บค่ายกเลิกสัญญาใดๆ
      
        "PlayStation Vue" มีกำหนดเปิดเบต้าให้เจ้าของเครื่องเพลย์สเตชัน 3 และเพลย์สเตชัน 4 ได้ทดลองใช้กันในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยจะประเดิมก่อนในสหรัฐอเมริกาเป็นที่แรก เริ่มจากกรุงนิวยอร์ก ต่อด้วยชิคาโก, ฟิลาเดลเฟีย และลอสแอนเจลิส ตามลำดับ ซึ่งในช่วงเบต้าดังกล่าวจะมีช่องทีวีราวๆ 75 ช่องมาให้ได้เลือกรับชมกัน




ผู้แสดงความคิดเห็น ช่างติดตั้งจานดาวเทียม ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2015-01-09 14:41:11


ความคิดเห็นที่ 12 (3758336)

ภาพดาวเทียมชี้ “โสมแดง” เดินเครื่องผลิตพลูโตเนียมเกรดอาวุธ

ภาพกิจกรรมของรถบรรทุกและยานพาหนะประเภทอื่นๆ บริเวณทางเข้าโรงแปรสภาพเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ เมืองยองบยอน 

 
        เอเอฟพี - ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดบ่งชี้ถึงการเดินหน้าผลิตยูเรเนียมเกรดอาวุธที่โรงงานนิวเคลียร์แห่งสำคัญของเกาหลีเหนือ ขณะที่เปียงยางขู่จะทดสอบนิวเคลียร์เพื่อตอบโต้องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ซึ่งได้มีมติประณามสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในรัฐโสมแดงเมื่อ 2 วันก่อน
      
       สถาบันสหรัฐฯ-เกาหลีแห่งมหาวิทยาลัย จอห์น ฮอปกินส์ รายงานผ่านเว็บไซต์ 38 North ว่าจากภาพถ่ายดาวเทียมเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนแสดงให้เห็นกลุ่มควันจากโรงแปรสภาพเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ (re-processing plant) ซึ่งตั้งอยู่ภายในโรงงานนิวเคลียร์เมืองยองบยอน อันเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการซ่อมบำรุงและทดสอบก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติงานจริง
      
       โรงงานแห่งนี้ทำหน้าที่แปรสภาพเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วจากเตาปฏิกรณ์ขนาด 5 เมกะวัตต์ในเมืองยองบยอน ซึ่งถือเป็นแหล่งผลิตยูเรเนียมเกรดอาวุธที่สำคัญของเกาหลีเหนือ
      
       สถาบันสหรัฐฯ-เกาหลี ชี้ว่า จากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมพบว่าเตาปฏิกรณ์เมืองยองบยอนถูกปิดไป 10 สัปดาห์ ซึ่งยาวนานกว่าการซ่อมบำรุงตามปกติ จึงเป็นไปได้ว่าเกาหลีเหนืออาจเคลื่อนย้ายแท่งเชื้อเพลิงบางส่วนออกไปทำการแปรสภาพใหม่ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่ก็ยังไม่อาจสรุปแน่ชัด
      
       นอกจากนี้ ดาวเทียมยังสามารถตรวจจับกิจกรรมความเคลื่อนไหวของรถบรรทุกใกล้ๆ ประตูอาคารซึ่งเปิดรับแท่งเชื้อเพลิงใช้แล้วเข้าไปทำการแปรสภาพในโรงงาน
      
       บทวิเคราะห์ชิ้นนี้สอดคล้องกับท่าทีของเปียงยางที่ขู่จะเดินหน้าทดสอบนิวเคลียร์ใต้ดิน หลังจากที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสมัชชาใหญ่สหประชาชาติลงมติประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือเมื่อวันอังคาร (18) ซึ่งถือเป็นกระบวนการขั้นต้นที่อาจนำไปสู่การเอาผิดกับรัฐบาลโสมแดงฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
      
       ร่างมติซึ่งผ่านความเห็นชอบ 111 ต่อ 19 เสียง และมี 55 ชาติงดออกเสียง เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) เพื่อเอาผิดกับคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และอ้างไปถึงผลการสอบสวนของยูเอ็นความยาว 400 หน้ากระดาษที่เผยแพร่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งระบุว่ารัฐบาลเกาหลีเหนือละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ชนิดที่ “ไม่มีชาติใดเปรียบได้โลกยุคใหม่”
      
       สำนักข่าวเคซีเอ็นเอซึ่งเป็นกระบอกเสียงของเปียงยางได้เผยแพร่ถ้อยแถลงจากโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งปรามาสมติยูเอ็นว่าเป็น “สิ่งจอมปลอม” พร้อมกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าวางแผนทำให้เกาหลีเหนือได้รับความอับอายต่อหน้าประชาคมโลก
      
       “พฤติกรรมก้าวร้าวของสหรัฐฯ ครั้งนี้ทำให้เราไม่อาจยับยั้งการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งใหม่ได้... กองทัพเกาหลีเหนือจะเสริมกำลังป้องกันประเทศอย่างไร้ขีดจำกัด เพื่อสกัดกั้นการแทรกแซงทางทหารและความพยายามรุกรานของอเมริกา” โฆษกกระทรวง ระบุ
      
       เกาหลีเหนือเคยทำการทดสอบนิวเคลียร์มาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว
      
       เกาหลีเหนือสั่งปิดเตาปฏิกรณ์เมืองยองบยอน เมื่อปี 2007 ตามข้อตกลงลดอาวุธแลกความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ทำร่วมกับ 5 มหาอำนาจ ได้แก่ จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, รัสเซีย และสหรัฐฯ โดยได้สั่งทุบหอระบายความร้อนเพื่อยืนยันเจตนารมณ์ด้วย แต่แล้วก็กลับฟื้นฟูเตาปฏิกรณ์แห่งนี้ขึ้นมาอีกในช่วงกลางปี 2013
      
       ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เตาปฏิกรณ์ดังกล่าวสามารถผลิตยูเรเนียมเกรดอาวุธได้ราว 6 กิโลกรัมต่อปี ซึ่งเพียงพอต่อการทำระเบิดนิวเคลียร์ได้ 1 ลูก
      
       ปัจจุบันคาดกันว่า เกาหลีเหนือยังคงมียูเรเนียมในสต๊อกมากพอที่จะผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้ถึง 6 ลูก หลังจากที่ได้นำบางส่วนออกไปใช้ทดสอบนิวเคลียร์อย่างน้อย 2 ใน 3 ครั้งที่ผ่านมา

ผู้แสดงความคิดเห็น ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2015-01-09 14:47:54


ความคิดเห็นที่ 13 (3758342)

 กสท.เตรียมแก้ไขประกาศเรียงเลขช่อง

  “สุภิญญา” แนะจับตาการประชุมบอร์ด กสท. จันทร์ 24 พ.ย. มีวาระน่าจับตา ได้แก่ การแก้ไขประกาศเรียงเลขช่องบนกล่องดาวเทียม และเคเบิล รวมถึงร่างรวมกลุ่มสื่อ เพื่อส่งเสริมสิทธิเสรีภาพมากกว่าการเข้าไปควบคุม
      
       น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ครั้งที่ 51/2557 ในวันจันทร์ที่ 24 พ.ย.นี้ มีวาระน่าจับตา ได้แก่ การพิจารณา (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ. ... ภายหลังการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะก่อนดำเนินการส่งให้ที่ประชุม กสทช.พิจารณา ก่อนลงราชกิจจานุเบกษาต่อไป
      
       โดยการแก้ไขร่างประกาศฉบับนี้ เพื่อต้องการให้กล่องทีวีทุกรุ่นในประเทศไทยเรียงลำดับเลขช่องให้ตรงกัน คือ นำช่องทีวีดิจิตอลมาเรียงไว้ก่อนที่หลายเลขช่อง 1-36 เพื่อประโยชน์ของคนดูจะจำเลขช่องได้ง่าย รวมทั้งแยกได้ว่าอะไรเป็น เพย์ทีวี หรือฟรีทีวี
      
       “แน่นอนว่าย่อมมีเสียงคัดค้านจากผู้ประกอบการดาวเทียม แต่เชื่อว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อวงการโทรทัศน์ไทย เพราะอย่างไรทุกกล่องดาวเทียมต้องสามารถรับชมฟรีทีวีได้อยู่แล้ว จะได้เกิดความเข้าใจง่ายไม่สับสน ที่สำคัญคือ ต้องหาจุดสมดุลที่ลงตัว เพราะไม่อยากให้มีการฟ้องร้องต่อศาลต่อไป”
      
       ส่วนวาระเดิมที่ค้างการพิจารณาจากการประชุมครั้งที่แล้วน่าสนใจจับตา ได้แก่ การออก (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่องมาตรการส่งเสริมการรวมกลุ่มของผู้รับใบอนุญาต ผู้ผลิตรายการและผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชนที่เกี่ยวกับกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. ... ซึ่งร่างนี้ฯ ได้เสริมบทบาทองค์กรวิชาชีพ โดยที่ กสทช. ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง แต่อาจมีจุดยึงโยงบ้างในกรณีที่เข้าข่ายการทำผิดกฎหมาย แต่หากเรื่องไหนเกี่ยวข้องด้านจริยธรรม จะให้ส่งเสริมวิชาชีพสื่อเข้ามากำกับดูแลกันเองซึ่งน่าจะเป็นหนทางที่ดี
      
       “ในเวลานี้ที่อำนาจรัฐต่างๆ พยายามจะเข้ามาควบคุมสิทธิเสรีภาพสื่อ น่าจะเป็นจุดกระตุ้นสำคัญที่สื่อควรจะเร่งรวมตัวกัน และมีมาตรการกำกับดูแลตนเองตามกรอบจรรยาบรรณ ซึ่ง กสทช. มีหน้าที่ และควรต้องส่งเสริม รวมทั้งร่างฯ ฉบับนี้จะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการส่งเสริมนั้น ซึ่งอย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการศึกษาหาแนวทางที่เหมาะสมในการนำไปปฏิบัติจริงต่อไป”
      
       ทั้งนี้ ในที่ประชุมเตรียมพิจารณาร่างประกาศฯ สำคัญหลายฉบับได้แก่ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่องแนวทางการกำกับดูแลอัตราค่าบริการในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. ... การแก้ไข (ร่าง) เรื่อง การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของคนพิการและคนด้อยโอกาสให้เข้าถึงหรือรับรู้และใช้ประโยชน์จากรายการของกิจการโทรทัศน์
      
       ส่วนวาระอื่นๆ น่าติดตาม ได้แก่ การชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตของผู้รับใบอนุญาต มาตรา 75 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 วาระเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องต่อการรับชมทีวีดิจิตอลในแพลตฟอร์มอื่นๆ และวาระการรายงานผลการแจกคูปองเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิตอลทีวี และแนวทางแก้ไขปัญหาและอุปสรรค ทั้งหมดติดตามผลการประชุมได้วันจันทร์นี้

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 14:50:21


ความคิดเห็นที่ 14 (3758349)

"สุภิญญา" เตรียมแก้ไขประกาศเรียงเลขช่องกล่องดาวเทียม เคเบิ้ลทีวี วอนผู้ประกอบการอย่าฟ้องศาลให้ยืดเยื้อ



นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า วันที่ 24พฤศจิกายนนี้ การประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีวาระน่าจับตา ได้แก่ การพิจารณา (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ. … ภายหลังการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะก่อนเสนอให้ที่ประชุม กสทช.พิจารณาและลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยการแก้ไขร่างประกาศฉบับนี้ เพื่อต้องการให้กล่องทีวีทุกรุ่นในประเทศไทยเรียงลำดับเลขช่องให้ตรงกัน คือ นำช่องทีวีดิจิตอลมาเรียงไว้ก่อน ตั้งแต่หมายเลขช่อง 1 – 36 เพื่อประโยชน์ของผู้รับชมให้จดจำเลขช่องได้ง่าย และแยกได้ว่าเป็นช่องเพย์ทีวี หรือฟรีทีวี ยอมรับว่าแนวทางดังกล่าวมีเสียงคัดค้านจากผู้ประกอบการดาวเทียม แต่เพื่อประโยชน์กับวงการโทรทัศน์ไทย เพราะทุกกล่องดาวเทียมสามารถรับชมฟรีทีวีได้ จึงไม่อยากให้มีการฟ้องร้องต่อศาล

นอกจากนี้ ยังต้องจับตาการพิจารณาร่างประกาศ กสทช. เรื่องมาตรการส่งเสริมการรวมกลุ่มของผู้รับใบอนุญาต ผู้ผลิตรายการ และผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชนที่เกี่ยวกับกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. … เพื่อเสริมบทบาทองค์กรวิชาชีพ โดย กสทช. ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง แต่อาจต้องดูแลบางกรณีที่เข้าข่ายการทำผิดกฎหมาย หากเรื่องไหนเกี่ยวข้องด้านจริยธรรมจะให้ส่งเสริมวิชาชีพสื่อเข้ามากำกับดูแลกันเองของวงการสื่อมวลชนเพื่อให้รวมตัวกันและมีมาตรการกำกับดูแลตนเองตามกรอบจรรยาบรรณของสื่อมวลชน

ผู้แสดงความคิดเห็น ช่างติดตั้งจานดาวเทียม ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2015-01-09 14:53:15


ความคิดเห็นที่ 15 (3758352)

ใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม ขยายพื้นที่จ่ายน้ำ-ประปาเพิ่มขีดความสามารถจีไอเอส

นายเจริญ ภัสระ ประธานบอร์ดการประปานครหลวง (กปน.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กปน.มีการนำระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ หรือ จีไอเอส (Geographic Information System: GIS) มาใช้ในการบริหารจัดการงานประปาด้านต่างๆ ในระดับหนึ่งแล้ว จึงได้ประชุมหารือกับ GISTDA หรือสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) นำภาพถ่ายดาวเทียมของ GISTDA และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง มาเสริมแผนที่ GIS ของ กปน. ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งความถูกต้องแม่นยำ และความทันสมัยของข้อมูล ตลอดจนความชัดเจนของภาพแสดงพื้นที่ โดยเฉพาะการขยายเขตบริการให้เต็มพื้นที่ทั่วชุมชนเมืองของ กปน. ทั้ง 3 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ซึ่งปัจจุบันครอบคลุมพื้นที่จ่ายน้ำในชุมชนเกือบครบ 100% แล้ว แต่ยังเหลือพื้นที่ชายขอบ ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลชุมชน หรือเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่ท่อประปายังเข้าไม่ถึง ซึ่งภาพถ่ายดาวเทียมจะอำนวยความสะดวกให้ กปน.กำหนดแนววางท่อให้เข้าถึงประชาชนอย่างทั่วถึง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นายไพบูลย์ ศิริภาณุเสถียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ GISTDA กล่าวว่า GISTDA เป็นหน่วยงานที่มีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายดาวเทียมจากดาวเทียมไทยโชต (THEOS) หรือดาวเทียมดวงอื่นๆของต่างประเทศ บุคลากรผู้เชี่ยวชาญ และเครือข่ายพันธมิตรจากหลากหลายประเทศ ตลอดจนเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องต่างๆ อาทิ ระบบแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมแบบออนไลน์ (Web Map Service: WMS) การสำรวจพื้นที่ด้วยอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ระบบเรดาร์ชายฝั่งที่สามารถตรวจวัดกระแสน้ำทะเลและคลื่นแบบ Real Time ซึ่งสามารถเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลคาดการณ์ให้ กปน. เตรียมรับมือกับภาวะน้ำทะเลหนุนสูงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2558 ที่จะถึงนี้ เป็นต้น จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่ 2 หน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลจะได้ร่วมกันพัฒนาเพื่อประเทศชาติและประชาชนต่อไปในอนาคต.

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 14:56:10


ความคิดเห็นที่ 16 (3758353)

ใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม ขยายพื้นที่จ่ายน้ำ-ประปาเพิ่มขีดความสามารถจีไอเอส

นายเจริญ ภัสระ ประธานบอร์ดการประปานครหลวง (กปน.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กปน.มีการนำระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ หรือ จีไอเอส (Geographic Information System: GIS) มาใช้ในการบริหารจัดการงานประปาด้านต่างๆ ในระดับหนึ่งแล้ว จึงได้ประชุมหารือกับ GISTDA หรือสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) นำภาพถ่ายดาวเทียมของ GISTDA และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง มาเสริมแผนที่ GIS ของ กปน. ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งความถูกต้องแม่นยำ และความทันสมัยของข้อมูล ตลอดจนความชัดเจนของภาพแสดงพื้นที่ โดยเฉพาะการขยายเขตบริการให้เต็มพื้นที่ทั่วชุมชนเมืองของ กปน. ทั้ง 3 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ซึ่งปัจจุบันครอบคลุมพื้นที่จ่ายน้ำในชุมชนเกือบครบ 100% แล้ว แต่ยังเหลือพื้นที่ชายขอบ ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลชุมชน หรือเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่ท่อประปายังเข้าไม่ถึง ซึ่งภาพถ่ายดาวเทียมจะอำนวยความสะดวกให้ กปน.กำหนดแนววางท่อให้เข้าถึงประชาชนอย่างทั่วถึง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นายไพบูลย์ ศิริภาณุเสถียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ GISTDA กล่าวว่า GISTDA เป็นหน่วยงานที่มีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายดาวเทียมจากดาวเทียมไทยโชต (THEOS) หรือดาวเทียมดวงอื่นๆของต่างประเทศ บุคลากรผู้เชี่ยวชาญ และเครือข่ายพันธมิตรจากหลากหลายประเทศ ตลอดจนเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องต่างๆ อาทิ ระบบแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมแบบออนไลน์ (Web Map Service: WMS) การสำรวจพื้นที่ด้วยอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ระบบเรดาร์ชายฝั่งที่สามารถตรวจวัดกระแสน้ำทะเลและคลื่นแบบ Real Time ซึ่งสามารถเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลคาดการณ์ให้ กปน. เตรียมรับมือกับภาวะน้ำทะเลหนุนสูงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2558 ที่จะถึงนี้ เป็นต้น จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่ 2 หน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลจะได้ร่วมกันพัฒนาเพื่อประเทศชาติและประชาชนต่อไปในอนาคต.

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 14:57:15


ความคิดเห็นที่ 17 (3758355)

ศธ.มอบความรู้ประชาชนเป็นของขวัญปีใหม่ 58

พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า กระทรวงศึกษาธิการเตรียมคืนความสุขให้กับประชาชนไทย เนื่องในโอกาสปีใหม่ 2558 ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการเป็นกระทรวงที่ให้การศึกษา โครงการมอบความสุขจึงจะเน้นการมอบความรู้ให้กับคนไทย โดยองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการจะให้สถานศึกษาในสังกัด ให้ความรู้ประชาชนฟรีตลอดเดือน ม.ค. 2558 อาทิ กศน.ฝึกอาชีพให้ประชาชน หนึ่งคน หนึ่งอาชีพ อาชีวะ ซ่อม สร้าง เสริม ส่งสุข ให้บริการตรวจซ่อมบำรุงรักษาเครื่องมือ อุปกรณ์ประกอบอาชีพและเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ตรวจสภาพรถให้พร้อมใช้งานในช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมทั้งฝึกอาชีพระยะสั้นและอาชีพที่ยั่งยืนให้ประชาชน สัปดาห์อาชีวะ เอกชน สร้างคนสร้างชาติ ส่งนักเรียนอาชีวศึกษาเอกชนทั่วประเทศให้บริการชุมชนและสังคม อาทิ ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ล้างแอร์ บริการความรู้ด้วยวิชาชีพ

รมว.ศึกษาธิการกล่าวอีกว่า โครงการอุดมศึกษาสร้างความรู้ สร้างอาชีพ สร้างความสุขสู่ชุมชน โดยวิทยาลัยชุมชน 20 แห่ง จัดฝึกอบรมระยะสั้น อาทิ หลักสูตรการเพาะเห็ดโคน ปุ๋ยหมักชีวภาพ การผลิตผ้าหมักโคลน อบรม ภาษาคอมพิวเตอร์ โครงการครูพระราชทานสัญญาณจากฟ้า ส่งเสริมการเรียน ทางไกลผ่านดาวเทียมในโรงเรียนขนาดเล็ก จัดติวเตอร์ทางไกลผ่านดาวเทียมเพื่อเตรียมความพร้อมในการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน.

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 14:59:31



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.