ReadyPlanet.com


รวมข่าวดาวเทียม วันที่ 9 มค 2015 B


สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจำปีการศึกษา 2556

วันนี้ (1 ธ.ค. 57) เวลา 8.40 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจำปีการศึกษา 2556 ณ อาคารศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ในการนี้ อุปนายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น เฝ้าทูลละอองพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการรับรู้จากระยะไกลและระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่สนพระราชหฤทัยและทรงทุ่มเทความรู้ความสามารถและทรงพระราชวิริยะอุตสาหะในการทดสอบเทคโนโลยีการสำรวจดาวเทียมด้วยพระองค์เอง ในเรื่องความแม่นยำน่าเชื่อถือ ทรงวิจัยการใช้ภาพถ่ายจากดาวเทียมเพื่อสำรวจป่าพรุโต๊ะแดง จังหวัดนราธิวาส ทำให้ทรงทราบว่าการใช้ภาพถ่ายจากดาวเทียมมีความถูกต้องเป็นที่เชื่อถือได้ จึงทรงนำข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียมและระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาด้านการเกษตรและสิ่งแวดล้อมของอำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี จากนั้น ได้พระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ รางวัลพระธาตุพนมทองคำ รางวัลศิษย์เก่าดีเด่น รางวัลศรีมอดินแดง และรางวัลศรีกัลปพฤกษ์ จำนวน 9 คน มีผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ปริญญาโท และปริญญาตรี เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรทั้งภาคเช้าและภาคบ่าย จำนวน 7,936 คน ในโอกาสนี้ ได้พระราชทานพระราโชวาท ความสำคัญตอนหนึ่งว่า "...บัณฑิตทั้งหลายเมื่อออกไปดำเนินชีวิตและประกอบกิจการงานสร้างตัวสร้างฐานะย่อมจะต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ อยู่บ้างเป็นปรกติ ในการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น บัณฑิตคงจะได้พบว่า วิธีการที่เคยใช้ได้ผลกับปัญหาหนึ่ง ไม่อาจใช้ได้เสมอไปทุก ๆ กรณี ที่เป็นดังนี้ เพราะปัญหาต่าง ๆ มีสาเหตุ มีผล มีปัจจัยแวดล้อมและรายละเอียดแตกต่างกันไป การจะแก้ไขปัญหาให้บรรเทาลุล่วง บุคคลจึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจปัญหาให้รอบคอบและรอบด้าน เพื่อแสวงหาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมกับปัญหานั้น ๆ และสถานการณ์แวดล้อมมากที่สุด ในขณะเดียวกัน ก็ต้องรู้จักปรับเปลี่ยนวิธีการแก้ไขให้พอเหมาะพอดีกับแต่ละกรณี โดยใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรอง และวินิจฉัยตัดสินให้ถูกต้องตามหลักวิชา หลักเหตุผล และหลักธรรมเสมอ ถ้าบัณฑิตทำได้ดังที่กล่าวมานี้ ก็เชื่อแน่ว่า แต่ละคนจะสามารถปฏิบัติแก้ไขอุปสรรค ปัญหาให้บรรเทาลงและหมดสิ้นไป อำนวยผลให้ชีวิต และกิจการงานทุกอย่างดำเนินก้าวหน้าไปได้โดยสวัสดี."
เวลา 15.12 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังคณะมนุษศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทรงเปิดอาคารรัตนพิทยา เป็นอาคารสูง 9 ชั้น สร้างขึ้นเพื่อทดแทนอาคารภาควิชาภาษาต่างประเทศที่ทรุดโทรม มีอายุใช้งานมากว่า 40 ปี และเพื่อใช้เป็นอาคารเรียนรวมของคณะฯ ประกอบด้วย ห้องศูนย์การเรียนรู้ด้วยตนเอง ห้องทำงาน ห้องศูนย์ข้อมูลข่าวสาร หอจดหมายเหตุ ห้องประชุมสัมมนา ห้องฝึกอบรม ห้องศูนย์วิจัยเฉพาะทาง และห้องปฏิบัติการด้านต่าง ๆ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฤกษ์เมื่อปลายปี 2554 และได้พระราชทานชื่ออาคารฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล
จากนั้น เสด็จพระดำเนินไปทรงเปิดอาคาร "สถาบันขงจื่อ มหาวิทยาลัยขอนแก่น" ซึ่งมหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยเซาท์เวสต์ หรือซีหนาน และสำนักงานส่งเสริมการสอนภาษาจีนนานาชาติหรือ ฮั่นปั้น แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อตั้งสถาบันขงจื่อมหาวิทยาลัยขอนแก่น มาตั้งแต่ปี 2549 ถือเป็นแห่งแรกในประเทศไทย มีผลงานเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและสากล ได้รับเลือกให้เป็นสถาบันขงจื่อดีเด่น 1 ใน 20 แห่งทั่วโลก ในการทำหน้าที่จัดการเรียนการสอนด้านภาษาและวัฒนธรรมจีน พัฒนาศักยภาพครูสอนภาษาจีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ของ 2ประเทศ สำหรับอาคารสถาบันขงจื่อฯ ที่สร้างขึ้นนี้ เป็นอาคาร 2 ชั้นแบบประยุกต์จีน-ไทย มีนายเขมชาติ ภู่ประเสริฐ อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมของมหาวิทยาลัยฯ เป็นผู้ออกแบบให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม ภูมิทัศน์ และภูมิอากาศของไทย ผสมผสานแนวคิด "อารยสถาปัตย์ หรือ universal design" ที่ให้คนทุกเพศวัย ทุกสภาพร่างกาย สามารถเข้าใช้ประโยชน์ได้ และประหยัดพลังงาน อาคารนี้ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักตามแนวคิดสถาปัตยกรรมจีน แบ่งเป็นพื้นที่ส่วนหน้าสำหรับผู้มาติดต่อใช้บริการ ส่วนกลางเป็นห้องโถงนิทรรศการ จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับสถาบันขงจื่อ การสอนภาษาและวัฒนธรรมจีน ตลอดถึงการแสดงทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ส่วนหลังเป็นห้องปฏิบัติงาน ห้องศูนย์การเรียนรู้ ห้องเรียนและห้องสันทนาการโอกาสนี้ ทรงพระอักษรภาษาจีน ข้อความว่า "สถาบันขงจื่อ มหาวิทยาลัยขอนแก่น" ลงบนผืนผ้า พระราชทานแก่สถาบันฯ เพื่อเชิญเป็นป้ายชื่อประดับอาคารต่อไป
เวลา 16.21 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด "ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น" ตั้งอยู่ ณ ตำบลโคกสี อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ซึ่งสำนักงานประกันสังคมจัดตั้งขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ12 สิงหาคม 2547 เพื่อกระจายการให้บริการด้านการฟื้นฟู แก่ลูกจ้างที่ประสบอุบัติเหตุจากการทำงาน และผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้สามารถดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างอิสระไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น และสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเองได้ เปิดให้บริการอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2556 ในการฟื้นฟูด้านต่าง ๆ 4 ด้าน ได้แก่ การฟื้นฟูสมรรถภาพด้านการแพทย์ การฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ การฟื้นฟูสมรรถภาพด้านจิตใจและสังคม และการให้บริการส่งเสริมการมีงานทำ โดยมี "มูลนิธิคุณากร"ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ เพื่อใช้จ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลเพิ่มเติม และเป็นเงินทุนประกอบอาชีพพร้อมเบี้ยเลี้ยงในระหว่างเข้ารับการฟื้นฟูฯ ซึ่งปัจจุบันมีผู้เข้ารับการฟื้นฟูฯ จำนวน 109 ราย



ผู้ตั้งกระทู้ ช่างติดตั้งจาน :: วันที่ลงประกาศ 2015-01-09 15:03:31


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3758359)

อุทยานฯ หาดเจ้าไหมติด “ไมโครชิป” พะยูนกลางทะเลอันดามัน แต่ยังไม่สำเร็จ

ตรัง - เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง พร้อมนักบินพารามอเตอร์ ยกทีมลงติด “ไมโครชิป” หรือเครื่องหมายดาวเทียมให้แก่พะยูน สัตว์อนุรักษ์ชื่อดังแห่งท้องทะเลตรัง เพื่อประโยชน์ในการศึกษาทางด้านวิชาการ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ เหตุจากประสบปัญหาสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่ และนักบินพารามอเตอร์
      
       วันนี้ (1 ธ.ค.) นายมาโนช วงษ์สุรีรัตน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง ได้นำเจ้าหน้าที่ พร้อมเรือ 7 ลำ ลงไปยังบริเวณหาดหยงหลำ ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง เพื่อดำเนินการติดไมโครชิป หรือเครื่องหมายระบบดาวเทียมให้แก่พะยูน สัตว์อนุรักษ์ชื่อดังที่หลงเหลืออยู่ฝูงใหญ่ที่สุดในท้องทะเลตรัง เพื่อจะได้ติดตามพฤติกรรม เส้นทางอยู่อาศัย และแหล่งหากิน ซึ่งหากสำเร็จก็จะถือเป็นนักวิชาการชุดแรกของประเทศไทย หลังจากที่เมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งทะเลอันดามัน จังหวัดภูเก็ต นำโดย ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก พร้อมกับนักวิชาการจากประเทศญี่ปุ่น ได้ลงมาดำเนินการติดไมโครชิปให้แก่พะยูน ที่บริเวณเกาะลิบง อำเภอกันตัง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
      
       โดยเริ่มต้นเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ได้วางแผนนำเรือ 2 ลำ ออกไปตระเวนหาพะยูน ในแหล่งที่ชอบมาหากินหญ้าทะเล บริเวณหาดหยงหลำ แต่ดูเหมือนว่า พะยูน จะรู้ตัว จึงว่ายน้ำหลบหนีหายไปจากเส้นทางปกติ ดังนั้น หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จึงประสานขอทีมพารามอเตอร์จากอำเภอกันตัง 2 ลำ มาบินวนเหนือท้องฟ้า เพื่อให้ช่วยทำการชี้จุดที่พบพะยูน แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากเกิดปัญหาด้านการสื่อสารระหว่างนักบินกับเจ้าหน้าที่ และต่อมา พารามอเตอร์ก็เกิดเครื่องยนต์ติดขัดจนบินขึ้นไม่ได้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงกลับมาใช้แผนนำเรือทั้งหมดออกตามหาพะยูน เมื่อพบเป้าหมายจึงได้ทำการล้อมด้วยอวน แต่หลายครั้งก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากพะยูนไหวตัวหลบหนีไปเสียก่อน จึงได้ยกเลิกภารกิจ
      
       นายมาโนช วงษ์สุรีรัตน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม กล่าวว่า การติดไมโครชิปให้แก่พะยูนในครั้งนี้มีอุปสรรคหลายอย่าง เช่น ปัญหาการสื่อสารระหว่างนักบินพารามอเตอร์ กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งแม้บางจุดจะเจอพะยูนแต่ไม่สามารถลงไปปฏิบัติภารกิจได้ เนื่องจากมีระดับน้ำลึกมาก หรือกว่าที่เรือเจ้าหน้าที่จะวิ่งไปถึง พะยูนก็ว่ายน้ำหลบหนีไปแล้ว และสามารถหลุดรอดอวนที่ล้อมเอาไว้ จึงได้นำปัญหาต่างๆ เหล่านี้มาประมวลผลเพื่อวางแผนดำเนินการติดไมโครชิปในครั้งต่อไป ซึ่งหากประสบความสำเร็จก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการอนุรักษ์พะยูน รวมไปถึงสัตว์ทะเลหายากชนิดอื่นๆ เช่น โลมา เต่า ที่แม้จะมีอยู่เป็นจำนวนมากในท้องทะเลอันดามัน แต่ก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกับพะยูน คือ พบการตายในแต่ละปีจำนวนค่อนข้างจะสูง

ผู้แสดงความคิดเห็น ช่างติดตั้งจานดาวเทียม ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2015-01-09 15:06:10


ความคิดเห็นที่ 2 (3758360)

ชง บอร์ดกสทช.บังคับ ทีวีดาวเทียม-เคเบิ้ลทีวี เรียงช่องทีวีดิจิตอล 1-36

นายสมบัติ ลีลาพตะ รักษาการรองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ด้านกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์(กสท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมบอร์ด กสท. วันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบร่างประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ ภายหลังการทำประชาพิจารณ์ พร้อมเตรียมส่งให้บอร์ด กสทช. พิจารณาในขั้นตอนสุดท้ายภายในเดือนธันวาคม ซึ่งหากบอร์ด กสทช. เห็นชอบ คาดจะมีประกาศใช้ลงในราชกิจจานุเบกษา ในช่วงต้นปี 2558

 อย่างไรก็ตาม ร่างประกาศฯ ฉบับดังกล่าว มีสาระสำคัญ คือการยกเลิกประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ ฉบับเดิม ที่กำหนดให้ผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดาวเทียม และเคเบิ้ลทีวี สามารถเลือกการจัดเรียงช่องได้เองในหมายเลข 1-10 แต่จะต้องนำช่องรายการทีวีดิจิตอลไปไว้ในลำดับที่ 11-46 แต่ประกาศฉบับใหม่ที่จัดทำขึ้น จะเป็นการยกเลิกประกาศฉบับเดิม และกำหนดผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดาวเทียม และเคเบิ้ลทีวี ต้องนำช่องรายการทีวีดิจิตอลไปจัดเรียงช่องบนโครงข่ายตนเอง ในหมายเลข 1-36 เพื่อให้หมายเลขช่องทีวีดิจิตอล เป็นเหมือนกันทุกรูปแบบการออกอากาศ

ผู้แสดงความคิดเห็น ช่างติดตั้งจานดาวเทียม ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2015-01-09 15:07:58


ความคิดเห็นที่ 3 (3758364)

จังหวัดพะเยา เปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำและอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “ติดตามสภาพอากาศและจัดทำแผนที่น้ำชุมชน”
นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธานเปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำจังหวัดพะเยา พร้อมมอบนโยบายการติดตามสถานการณ์น้ำแบบบูรณาการระดับจังหวัด ในการอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “ติดตามสภาพอากาศและจัดทำแผนที่น้ำชุมชน” ณ ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา ซึ่งองค์การบริการส่วนจังหวัดพะเยา ร่วมกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร จัดขึ้นเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัดพะเยา 4 ปี (พ.ศ.2557 – 2560) ในการส่งเสริมการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและคุณภาพสิ่งแวดล้อมแบบมีส่วนร่วม โดยมีผู้แทนจากส่วนราชการต่างๆ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งในจังหวัด เข้ารับการอบรมจำนวน 100 คน
จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วย ดร.รอยล จิตรดอน ผู้อานวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร , นายวรวิทย์ บุรณศิริ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา ได้ร่วมลงนามความร่วมมือระหว่าง จังหวัดพะเยา องค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) ในการบริหารจัดการน้ำจังหวัดพะเยา โดยเริ่มต้นการบริหารจัดการต้นน้ำยมในเขต อ.ปง-เชียงม่วน และหนองเล็งทราย ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำกว๊านพะเยา ซึ่งการจัดการน้ำในครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือในการจัดการน้ำทั้งระบบของจังหวัดพะเยา โดยใช้เครื่องมือสารสนเทศและผังน้ำตำบล เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำแล้งและหลากในจังหวัดพะเยา โดยจะมีการรวบรวมข้อมูลน้ำของจังหวัด เช่น ข้อมูลน้ำในอ่างเก็บน้ำแต่ละตำบล ในหนองน้ำขนาดใหญ่ ระดับน้ำ โครงสร้างต่างๆ ที่อยู่ในผังน้ำ ไว้ที่ศูนย์บริหารจัดการน้ำจังหวัดพะเยา เพื่อใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการบริหารจัดการ
ดร.รอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) กล่าวว่า ในความร่วมมือครั้งนี้ ทาง สสนก. จะเป็นผู้ช่วยเรื่องระบบสารสนเทศแผนที่ ภาพถ่ายดาวเทียม เพื่อวางแผนในการบริหารจัดการน้ำจังหวัดทั้งในภาวะปกติ ภาวะวิกฤติและอุทกภัย พร้อมถ่ายทอดวิธีการเก็บข้อมูลน้ำในพื้นที่ของหน่วยงานต่างๆ เช่น อบต. อำเภอ อุทยานฯ ที่อยู่ครอบคลุมในจังหวัด โดยส่งข้อมูลมาที่ศูนย์บริหารจัดการน้ำจังหวัด เพื่อวางแผนในการแก้ปัญหาเรื่องน้ำ นอกจากนี้ ในเรื่องการจัดการที่จังหวัดพะเยาต้องดำเนินการก่อน คือ การบริหารน้ำในพื้นที่จังหวัดเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาน้ำหลาก และการฟื้นฟูและป้องกันการบุกรุกป่าไม้ในพื้นที่ต้นน้ำ ดังนั้น ความพร้อมของข้อมูลและความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลอย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา จะช่วยตัดสินใจในการบริหารจัดการน้ำได้ เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในจังหวัด

ผู้แสดงความคิดเห็น ช่างติดตั้งจานดาวเทียม ช.การไฟฟ้า วันที่ตอบ 2015-01-09 15:11:20


ความคิดเห็นที่ 4 (3758368)

ซ้ำที่เดิม ! ไต้ฝุ่น"ฮากูปิต" จ่อถล่มฟิลิปปินส์



ชาวฟิลิปปินส์ทางภาคกลาง เตรียมเผชิญหน้าพายุไต้ฝุ่นกำลังแรง ‘ฮากูปิต’ แบบเต็มๆ วันเสาร์นี้ ชี้รุนแรงระดับ 4 อาจทำให้เกิด ‘สตอร์มเซิร์จ’ คลื่นซัดฝั่งสูงเท่ากับบ้านหนึ่งชั้น 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ชาวฟิลิปปินส์ เตรียมเผชิญหน้ากับอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นกำลังแรง ‘ฮากูปิต’ ( Hagupit) ซึ่งก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิก และกำลังเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังฟิลิปปินส์ ด้วยความเร็วลมสูงถึง 170 กม./ชม. คาดว่าจะขึ้นฝั่งทางตอนกลางของฟิลิปปินส์ในวันเสาร์ที่ 6 ธ.ค.นี้

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์ ได้ประกาศให้พายุไต้ฝุ่นฮากูปิต เป็นพายุที่มีความรุนแรงถึงระดับ 4 อีกทั้งเส้นทางการเคลื่อนตัวของพายุ จะผ่านบริเวณตอนกลางของฟิลิปปินส์ ซึ่งเคยเป็นบริเวณที่ประสบภัยพายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน เมื่อปีที่แล้วอีกด้วย จึงทำให้ทางการได้ ประกาศแจ้งเตือน ประชาชนหลายพันคนซึ่งประสบหายนะภัยจากพายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนและยังอาศัยอยู่ในเต้นท์ที่พักชั่วคราว ควรอพยพไปพักอยู่ในศูนย์พักพิงก่อนในช่วงนี้



สำหรับพายุไต้ฝุ่น ฮากูปิต แม้จะไม่มีความรุนแรงเท่ากับพายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน ซึ่งถือเป็นไต้ฝุ่นกำลังแรงมากที่สุดขณะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายกว่า 7,000 คนนั้น แต่คาดว่าอิทธิพลของไต้ฝุ่นฮากูปิต นอกจากจะก่อให้เกิดฝนตกหนัก ลมกระโชกแรงจัดแล้ว ยังอาจก่อให้เกิด ‘สตอร์มเซิร์จ’ หรือคลื่นพายุซัดฝั่งที่มีความสูงขนาดเท่ากับบ้านหนึ่งชั้น

ด้านรองนายกเทศมนตรีเมืองทาโคลบัน ซึ่งเป็นเมืองที่ประสบภัยพายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนหนักสุด กล่าวว่า ขณะนี้ทางการได้มีคำสั่งให้ประชาชนต้องอพยพหนีภัยพายุไปอยู่ในที่ปลอดภัย เนื่องจากเคยเผชิญหายนะภัยจากพายุไห่เยี่ยนกันมาแล้ว.

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 15:15:31


ความคิดเห็นที่ 5 (3758370)

เต้ยเงิน2หมื่นล้าน ดีเอ็นเอไปดวงจันทร์

ผู้ประกอบการทางด้านอวกาศของอังกฤษผู้หนึ่ง กำลังเตรียมจะเต้ยเงินเพื่อนร่วมชาติคนละประมาณ 2,500 บาท หรือกว่านั้น ที่อยากจะส่งดีเอ็นเอในเส้นผม ขึ้นไปฝังบนดวงจันทร์

นายเดวิด ไออ้อน นายทุนผู้นั้น เคยทำงานกับบริษัท “สกายเน็ต” ข่ายดาวเทียมจารกรรมของอังกฤษ กาลิเลโอ และระบบหาตำแหน่งทั่วโลกของสหภาพยุโรป ได้กล่าวว่า จะให้โอกาสกับคนเมืองน้ำชา เอาดีเอ็นเอขึ้นไปฝังอยู่บนดวงจันทร์ โดยจะเก็บไว้ในตู้เซฟ ที่จะฝังไว้ใต้พื้นผิวดวงจันทร์ แต่จะต้องหาผู้มีความปรารถนา ให้ได้กองทุนมากถึง 25,000 ล้านบาทก่อน จึงจะสามารถขึ้นไปถึงบนดาวบริวารของโลกได้ ในปี พ.ศ. 2567 นี้

เขาเล็งจะให้ยาน “ลูนาร์ มิสชั่น วัน” ไปลงที่ขั้วใต้ แล้วให้มันเจาะเปลือกแข็งลึกลงไปให้ได้ไม่ต่ำกว่า 20 เมตร เพื่อให้เจาะตัวอย่างขึ้นมาวิเคราะห์บนยานดู “ยังไม่เคยมียานไปพระจันทร์ลำไหน เจาะลึกลงไปถึงขนาดนี้เลย เมื่อตอนที่ยานอวกาศ “อพอลโล” ไป ก็เจาะแกนลึกแค่ 3 เมตร”

นายเดวิดเผยแผนให้ฟังว่า หลังจากรอไว้สัก 6 เดือน ก็จะให้ยานอวกาศที่มีดีเอ็นเอกับข้อมูลดิจิตอลอยู่ ลงไปอยู่ในหลุมแล้วจึงค่อยปิดฝาเก็บ”.

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 15:17:48


ความคิดเห็นที่ 6 (3758372)

ตกใจ!เสียงสนั่น ชายแดนเขาพระวิหาร สุดท้ายแค่ชิ้นส่วนดาวเทียมตก

เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นบนท้องฟ้า ชายแดนด้านเขาพระวิหาร บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ชาวบ้านแตกตื่นคิดว่า เกิดการสู้รบอีก แต่คาดเป็นชิ้นส่วนดาวเทียมเก่าที่หมดอายุ...

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 7 ธ.ค. ที่หมู่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร เกิดมีเสียงระเบิดดังสนั่นบนท้องฟ้า ซึ่งสามารถได้ยินไปถึง อ.กันทรลักษ์ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ และ อ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี สร้างความแตกตื่นตกใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก เพราะต่างก็หวาดกลัว คิดว่ามีเหตุการณ์สู้รบตามแนวชายแดนเกิดขึ้นอีก หลังเสียงระเบิดสงบลง ผู้นำหมู่บ้านได้รับแจ้งว่า มีชาวบ้านพบวัตถุโลหะขนาดต่างๆ ลอยตกลงมาจากบนท้องฟ้า กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณพื้นที่ ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์

นายวีระยุทธ ดวงแก้ว กำนัน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ กล่าวว่า หลังจากสิ้นเสียงระเบิด ตนได้ออกสำรวจไปตามหมู่บ้านต่างๆ พบว่า มีชิ้นส่วนคล้ายอะลูมิเนียม ขนาดกว้าง 5 ซม. ยาว 150 ซม. ตกใส่หลังคาบ้านเลขที่ 366 บ้านโนนสว่างพัฒนา ม.9 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ บ้านของ นางรัชนี พานพบ หลังคาทะลุได้รับความเสียหาย นอกจากนั้น ยังพบชิ้นส่วนลักษณะเหมือนกัน แต่ขนาดต่างกันตกอยู่กระจายไปในพื้นที่หลายหมู่บ้าน เช่นที่ทางสามแยกหมู่ บ.ภูมิซรอล ม.12 ต.เสาธงชัย บ้านเสาธงชัย ม.1 ต.เสาธงชัย และพบที่ลำห้วยตาเงิด บ.ภูมิซรอล ม.13 ต.เสาธงชัย

ด้าน พ.ต.อ.ศักดิ์ชาย โรจนวัฒนางกูร ผกก.สภ.บึงมะลู กล่าวว่า เสียงระเบิดที่ได้ยินและมีเศษวัตถุหล่นลงมา สันนิษฐานว่า จะเป็นดาวเทียมเก่าที่หมดอายุแล้ว และระเบิดทำลายตัวเอง เหมือนกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อปี 2554 และปี 2556 ก็เคยเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว พบชิ้นหนึ่งตกอยู่ในป่าข้างทางใกล้กับ สภ.บึงมะลู ขาดกว้าง 50 ซม. ยาวประมาณ 80 ซม. ซึ่งก็เป็นที่น่าสังเกตว่า ทำไมถึงเกิดขึ้นในพื้นที่บริเวณหมู่บ้านใน ต.เสาธงชัย ชายแดนด้านเขาพระวิหารแล้ว ซึ่งตนสันนิษฐานว่า ใต้ภูเขาซึ่งเป็นเส้นกั้นเขตแดนประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ชายแดนเขาพระวิหาร อาจจะมีแร่อะไรบางอย่างที่มีแรงดึงดูดดาวเทียมเหล่านี้ให้ลอยมา เมื่อมาถึงชั้นบรรยากาศ ก็กระทบกับอากาศจนกระทั่งเกิดระเบิดขึ้น การเกิดระเบิดขึ้นครั้งนี้โชคดีที่ไม่มีคนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.

อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ยังได้โทรศัพท์ไปสอบถามยัง นายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ นายอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งยืนยันด้วยเช่นกันว่า ชิ้นส่วนดังกล่าวคาดว่า น่าจะเป็นชิ้นส่วนของดาวเทียม ที่ได้ตกลงมาในพื้นที่ดังกล่าว ในช่วงเวลานี้ ระหว่างเดือน ต.ค.-ธ.ค. ของทุกปี อย่างกรณีที่เกิดขึ้นก็เกิดขึ้นมาแล้วถึง 3 ครั้ง เกิดขึ้นปีละ 1 ครั้ง ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทหารได้เดินทางเข้าไปในพื้นที่และเก็บชิ้นส่วนต้องสงสัยไปตรวจสอบแล้ว ชิ้นส่วนดังกล่าวมีหลายชิ้น แต่ละชิ้นมีขนาดตั้งแต่ 50-60 ซม.

ทั้งนี้ นายเพิ่มศักดิ์ ยืนยันว่า ประชาชนในพื้นที่ไม่ได้แตกตื่น หรือ ตื่นเต้นอะไรมากนัก ยังคงทำมาหากินกันเป็นปกติ เพราะชิ้นส่วนที่ตกลงมามีลักษณะแบบเดียวกันกับที่เคยเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ทุกปี เฉพาะที่ตนเองมาดำรงตำแหน่งนายอำเภอกันทรลักษ์ ก็พบเจอเหตุการณ์มาแล้วถึง 3 ครั้ง ปีละ 1 ครั้งทุกปี

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 15:22:09


ความคิดเห็นที่ 7 (3758376)

ทีวีดิจิตอลพ่ายดาวเทียม อัดงบโปรโมทแค่ 100 ล้าน

ASTVผู้จัดการรายวัน - ผ่าเกมทีวีดิจิตอล 6 เดือนแรก เข็นไม่ขึ้น รวมใช้งบสร้างการรับรู้เพียง 100 ล้านบาทเท่านั้น ยกแรกพบทีวีดิจิตอล 3 อันดับแรกเป็นช่องทีวีดาวเทียมมาก่อน ส่วนน้องใหม่จริงๆ รั้งท้าย ขณะที่ “ช่อง 3 HD” เจ้าปัญหา กลับรั้งอันดับ 6 ส่งไม้ต่อสู่ยก 2 ส่อแววแข่งดุ ชี้ “คอนเท้นท์ อีส คิง” จับผู้ชมให้อยู่หมัด กีฬามาแรงโกยเรตติ้งมากสุด จับตา “ช่อง PPTV” และ “อมรินทร์ทีวี” เตรียมเทมากกว่า 1,000 ล้านบาท หวังรั้ง 5 อันดับแรกให้ได้ หลัง ช่อง 3 ก้าวสู่ “ช่อง 3HD” แบบท็อปฟอร์ม


       
       อุตสาหกรรมทีวีดิจิตอล เริ่มถูกจับตามองตั้งแต่การประมูลช่องเมื่อปลายปีก่อนและเริ่มร้อนแรงมากยิ่งขึ้นในช่วงออกอากาศอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โดยหลายๆ ช่องมีการทุ่มงบประมาณเปิดตัวช่องอย่างเป็นทางการให้ผู้ชมได้รับทราบมาอย่างต่อเนื่อง เช่น ช่องไทยทีวี, ช่อง PPTV HD, ช่องสปริงนิวส์ และช่อง ONE HD เป็นต้น
      
       แต่สุดท้ายแล้วการลงทุนในเบื้องต้นนี้กลับทำให้ช่องทีวีดิจิตอลต้องชะลอแผนและมีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ด้วยปัญหาความไม่ชัดเจนทั้งจากนโยบายของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และปัญหาด้านโครงข่าย รวมถึงการเข้าถึงผู้ชมที่ยังไม่ครอบคลุม ส่งผลให้การแข่งขันที่ควรจะรุนแรงกลับตกสะเก็ดและทำให้ 5 เดือนแรก (เม.ย-ส.ค.57) ช่องทีวีดิจิตอลที่มีผู้ชมมากสุด 3 อันดับแรกกลับเป็นช่องที่เคยเป็นช่องในแพลทฟอร์มทีวีดามเทียมมาก่อนคือ ช่องเวิร์คพ้อยท์ทีวี, ช่อง 8 และช่องโมโน 29 เนื่องจากผู้ชมส่วนใหญ่สามารถรับชมจากช่องทางเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมได้อยู่แล้ว โดยฐานของผู้ชมในกลุ่มนี้ครอบคลุมกว่า 15-16 ล้านครัวเรือน หรือกว่า 50 ล้านคนจากจำนวนประชากรทั่วประเทศกว่า 22 ล้านครัวเรือน
      
       *** ทีวีดิจิตอลใช้งบโปรโมทเพียง 100 ล้านบาทใน5เดือน ***
       อย่างไรก็ตาม จากตัวเลขของ “นีลสัน คอมปะนี” พบว่า ทีวีดิจิตอลทั้ง 22 ช่อง เริ่มใช้งบโฆษณาทำการตลาดในช่วง 5 เดือนแรก (เม.ย-ส.ค.57) คิดเป็นมูลค่ารวมที่ 101.2 ล้านบาท โดยในเดือนแรกคือ เดือนเม.ย.57 “ช่องเวิร์คพ้อยท์ทีวี” ใช้งบมากสุด 4.7 ล้านบาท แต่ “ช่องนิวทีวี” เข้าถึงผู้ชมมากสุด คิดเป็นสัดส่วน 25.9%
      
       ขณะที่ เดือน พ.ค.57 “ช่องสปริงนิวส์” ใช้งบมากสุด 4.5 ล้านบาท และเข้าถึงผู้ชมมากสุด คิดเป็นสัดส่วน 28% ส่วน เดือน มิ.ย.57 “ช่องโมโน 29” ใช้งบสูงสุด 6 ล้านบาท และเข้าถึงผู้ชมมากสุด 28% เช่นเดียวกัน สำหรับ เดือน ก.ค.57 “ช่องสปริงนิวส์” กลับมาใช้งบมากสุด 5.6 ล้านบาท และเข้าถึงผู้ชมมากสุด คิดเป็น 24% และเดือนส.ค.57 “ช่องไทยรัฐทีวี” ใช้งบมากสุด 6.6 ล้านบาท และเข้าถึงผู้ชมมากสุดที่สัดส่วน 27.4%
      
       ทั้งนี้ ยังพบอีกว่าช่วง 6 เดือนแรกของการออกอากาศ (เม.ย.-ก.ย.57)ส่วนแบ่งผู้ชมสูงสุด 5 อันดับแรกคือ ช่องเวิร์คพ้อยท์ทีวี ช่อง 8 ช่องโมโน 29 ช่อง TRUE4U และช่องไทยรัฐทีวี ตามลำดับ



        *** ช่อง 3HD เจ้าปัญหารั้งอันดับ 6 ***
       นอกจากนี้ยังพบด้วยว่า “ช่อง 3HD” กลับอยู่ในอันดับ 6 ของกลุ่มทีวีดิจิตอลที่มีผู้ชมมากสุด ทั้งๆ ที่เพิ่งสรุปหาข้อยุติในการนำคอนเท้นท์ ช่อง 3 อะนาล็อก มาออกคู่ขนานได้ใน ช่อง 3HD เมื่อต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา แล้วทำไมจึงสามารถอยู่ในอันดับที่ 6 ได้ นั่นเพราะเดิมผู้ชมสามารถรับชม ช่อง 3HD จากทางเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมได้นั่นเอง
      
       ส่วนคอนเท้นท์ที่มีผู้รับชมจำนวนมากจนทำให้อยู่ในอันดับที่ 6 คือ “ซีรีส์หนังจีน” ที่นำมารีรันใหม่จากที่เคยออกอากาศทาง ช่อง 3 อะนาล็อก มาก่อนหน้าและมีฐานผู้ชมค่อนข้างเหนียวแน่น โดยหลังจากสามารถนำคอนเท้นท์ ช่อง 3 อะนาล็อก มาออกคู่ขนานได้แล้ว เชื่อได้ว่า “ช่อง 3HD” จะก้าวสู่ท็อป 3 ได้อย่างไม่ต้องลงแรงมากนัก ขณะที่ช่องใหม่ๆ จะต้องทำงานหนักมากขึ้นแทน
      
       *** “ทีวีดิจิตอล” ชิงฐานผู้ชมได้ 13.3% ใน 7 เดือน ***
       อย่างไรก็ตาม การที่ทีวีดิจิตอลพร้อมออกอากาศอย่างสมบูรณ์ครบทั้ง 22 ช่อง หลังจบปัญหา ช่อง 3 แล้ว เชื่อได้ว่าแพลทฟอร์มทีวีดิจิตอลจะสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชมได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มช่องประเภท HD ที่มีเลขช่องตั้งแต่ 30 ขึ้นไป
      
       จากเดิมในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา (มี.ค-ก.ย.57) พบว่า การเติบโตของกลุ่มผู้ชมทีวีใน 3 แพลทฟอร์มเปลี่ยนแปลงไปคือ เดือนมี.ค.57 อันดับ 1 คือ ฟรีทีวี (6ช่อง) มีส่วนแบ่งผู้ชม 79.3% อันดับ 2.เคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม (คิดจาก 70 สถานี) มีส่วนแบ่งผู้ชม 17.3% และอันดับ 3. ทีวีดิจิตอล (22ช่อง) มีส่วนแบ่งผู้ชมเพียง 3.4% แต่พอมาถึงเดือนก.ย.57 พบว่า ทีวีดิจิตอลมีส่วนแบ่งผู้ชมเพิ่มขึ้นเป็น 13.3% ส่วนเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม มีส่วนแบ่งผู้ชมลดลงเหลือ 14.2% และฟรีทีวี มีส่วนแบ่งผู้ชมเหลือเพียง 72.5%
      
       ขณะที่ช่องทีวีดิจิตอลประเภท HD ปัจจุบันพบว่า 5 ช่องแรกที่มีจำนวนนาทีที่ชมเฉลี่ยต่อวันสูงสุดตามลำดับคือ ช่อง 3HD 37 นาที ช่องไทยรัฐทีวี 20 นาที ช่อง PPTV HD 19 นาที ช่อง ONE HD 15 นาที และช่องอมรินทร์ทีวี HD 14 นาที
      
       *** คอนเท้นท์ อีส คิง ***
       แม้ว่า ช่อง 3HD ยังไม่ออกอากาศเต็มรูปแบบ แต่กลับสามารถยึดครองจำนวนนาทีของผู้ชมมากสุดในกลุ่มช่องทีวีดิจิตอลประเภท HD ดังนั้นการดึงคอนเท้นท์จาก ช่อง 3 อะนาล็อก มาออกคู่ขนาน จึงถือเป็นเกมสุดหินที่ผู้เล่นในช่องอื่นๆ จะต้องทำงานงานมากยิ่งขึ้น ซึ่งในขณะนี้เริ่มเห็นความเคลื่อนไหวบ้างแล้ว เช่น “ช่อง PPTV HD” กับการปรับผังรายการเฟส 3 และมุ่งเพิ่มฐานผู้ชม รวมถึง “ช่องอมรินทร์ทีวี” ที่พร้อมปรับผังไตรมาสที่ 4 ในปี 2557 และจะใช้งบประมาณอีก 1,000 ล้านบาทในปี 2558
      
       นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด (BMB) ผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์ดิจิตอล “ช่อง PPTV HD” กล่าวว่า หลังจากที่พบว่าประเภทรายการที่ผู้ชมสนใจในทีวีดิจิตอล ได้แก่ Sport 53% Light Ent 16% News 9% Feature Film 6% Drama Thai 4% Drama Asian 3% Documentary 3% Drama Western 2% Children 2% Music 1% และ Religion 1% บริษัทฯ จึงเริ่มปรับผังเฟส 3 มาตั้งแต่ช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค.57
      
       สำหรับคอนเท้นท์รายการปรับจะเป็นรายการคุณภาพเพื่อช่วยขยายฐานผู้ชมและสร้างความนิยมให้ “ช่อง PPTV HD” มากขึ้น โดยเสริมความแข็งแกร่งด้วยซีรีส์เกาหลี เช่น รักรีเทิร์น (Can We Fall in Love Again?), 14 วัน สวรรค์ กำหนด (GOD’s Gift 14 days) และ ลิขิตรัก เจ้าหญิง มูยอง (The Blade and Petal) เป็นต้น รวมถึงคอนเท้นท์กีฬา เช่น การถ่ายทอดสดฟุตบอลบุนเดสลีกาลีก ทุกวันเสาร์ จำนวน 34 แมชต์ และการถ่ายทอดสดการแข่งขันชกมวยศึกราชดำเนิน Super Fight ทุกวันอาทิตย์ เป็นต้น
      
       “ช่อง PPTV HD ถือเป็นน้องใหม่สำหรับวงการสื่อที่เข้ามาในอุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลซึ่งจะเห็นได้ว่า 5 อันดับแรกของทีวีดิจิตอลจะเป็นช่องที่มีสื่ออยู่ในมือ หรืออยู่ในวงการนี้มาก่อนแล้ว ทั้งยังมีความชัดเจนในตัวช่องและมีคอนเท้นท์ที่มีฐานผู้ชมอยู่แล้ว เช่น ละครของ ช่อง 3 เป็นต้น ดังนั้หนกาก PPTV จะสามารถแข่งขันได้ต้องหาคอนเท้นท์ที่ดีมาสู้ ดังนั้นจึงเลือกใช้ซีรีส์เกาหลีเป็นตัวนำใน 3 ปีแรก โดยหวังว่าการปรับผังใหม่นี้จะช่วยให้ช่อง PPTV HD ขึ้นมาเป็นท็อป 5 ในกลุ่มทีวีดิจิตอลได้ จากปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 10” นายเขมทัตต์ กล่าว
      
       ในปี 2558 บริษัทฯ ยังพร้อมลงทุนอีกหลายร้อยล้านบาท ทั้งจากงบเดิม 1,000 ล้านบาท ในส่วนของคอนเท้นท์ที่ใช้ไม่หมดของปี 2557 ไปจนถึงปี 2558 รวมถึงงบโปรโมชั่นอีก 100 ล้านบาทที่ยังเหลือ เพื่อขยายฐานผู้ชม ด้วยการเพิ่มจอทีวีในกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ และ PG Lounge ของสายการบินบางกอกแอร์ไลน์ ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือ และเพิ่มงบใหม่อีก 200-300 ล้านบาทสำหรับสร้างสำนักงานใหม่และสตูดิโอเพิ่มเติม
      
       ทางด้าน นายโชคชัย ปัญจรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อมรินทร์ เทเลวิชั่น จำกัด ผู้บริหาร “ช่องอมรินทร์ทีวี” กล่าวว่า ในปี 2558 บริษัทพร้อมลงทุนอีกกว่า 1,000 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ต้องขอรอดูสถานการณ์การแข่งขันและความชัดเจนของกติกาต่างๆ ที่ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) จะนำมาใช้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคูปองแลกกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล การเรียงเบอร์ช่อง และแผนการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับทีวีดิจิตอล
      
       “ในไตรมาสที่สี่ บริษัทฯ ยังจะมีการปรับผังรายการใหม่อีกครั้งและจะมีการปรับผังครั้งใหญ่ในปี 2558 อีกด้วย โดยเชื่อว่าการลงทุนในอมรินทร์ทีวี จะยังคุ้มทุนได้ใน 7 ปีตามแผนเดิมที่วางไว้ แม้ว่าในปีนี้รายได้จะต่ำกว่าเป้าอย่างมากซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลทีวีส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบทั้งหมด”

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 15:27:16


ความคิดเห็นที่ 8 (3758377)



แจ้งจับคนขับ “อูเบอร์ แท็กซี่”
นิวเดลี-เมื่อ 7 ธ.ค.คนขับแท็กซี่ในเครือข่าย “อูเบอร์ แท็กซี่” ที่ติดต่อผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน อายุอยู่ในช่วง 30 ปี ถูกกล่าวหาข่มขืนผู้บริหารหญิงวัย 25 ปี ของบริษัทด้านการเงินในกรุงนิวเดลีของอินเดีย และขู่ฆ่าเหยื่อถ้าแจ้งความ โดยเหยื่อให้การว่าได้เรียกแท็กซี่อูเบอร์เพื่อกลับบ้านหลังกินข้าวเย็นกับเพื่อนเมื่อคืนวันที่ 5 ธ.ค. ระหว่างทางเกิดงีบหลับไป เมื่อรู้สึกตัวก็พบว่ารถจอดในที่เปลี่ยวและคนขับได้ใช้กำลังข่มขืนเธอ ก่อนขับไปปล่อยลงใกล้บ้าน แต่เธอได้ถ่ายรูปทะเบียนรถไว้ทันและเข้าแจ้งตำรวจ ซึ่งกำลังตามจับคนขับรายนี้มาดำเนินคดี.

จรวดจีนส่งดาวเทียมสำเร็จ
ปักกิ่ง-เมื่อ 7 ธ.ค.สื่อรัฐบาลจีนรายงานว่าจีนส่งดาวเทียมตรวจสอบสิ่งแวดล้อมที่ร่วมพัฒนากับบราซิลขึ้นสู่วงโคจรโลกได้สำเร็จและใช้จรวดตระกูลลอง มาร์ชขนส่งเป็นครั้งที่ 200 การส่งดาวเทียมครั้งนี้ซึ่งมีภารกิจตรวจจับการทำลายป่าในแถบลุ่มน้ำอะเมซอน ใช้จรวดลอง มาร์ช-4 บี ปล่อยจากศูนย์ยิงจรวดเมืองไท่หยวน มณฑลซานซี ทางภาคเหนือของจีน นับเป็นดาวเทียมตรวจสอบสภาพแวดล้อมดวงที่ 5 ที่จีนร่วมกับบราซิลส่งขึ้นสู่วงโคจรโลกได้นับแต่ปี 2542.

ปริ๊นซ์ผู้ดีเสด็จเยือนสหรัฐฯ
ลอนดอน-เมื่อ 7 ธ.ค. เจ้าชายวิลเลียม รัชทายาทลำดับ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษพร้อมเจ้าหญิงเคท ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ พระชายา เริ่มเสด็จเยือนสหรัฐฯอย่างเป็นทางการ นาน 3 วัน ซึ่งถูกมองว่าเป็นการส่งเสริมบทบาทของทั้งสองพระองค์ในฐานะตัวแทนอังกฤษมากขึ้น โดยวันที่ 8 ธ.ค.ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐฯเปิดทำเนียบขาวถวายต้อนรับเจ้าชายวิลเลียมและพระชายาที่ซึ่งเจ้าชายวิลเลียมจะทรงนำเรื่องการลักลอบค้าสัตว์ป่าหารือกับผู้นำสหรัฐฯและจะทรงมี พระดำรัสเรื่องเดียวกันที่ธนาคารโลกด้วย.

จีนส่งน้ำจืดช่วยมัลดีฟส์
ปักกิ่ง-เมื่อ 7 ธ.ค. ทางการจีนส่งเครื่องบินบรรทุกน้ำดื่ม 20 ตันและขบวนเรือบรรทุกน้ำดื่มอีกกว่า 960 ตัน ไปช่วยมัลดีฟส์แก้ไขวิกฤติขาดแคลนน้ำ หลังไฟไหม้โรงกลั่นและบำบัดน้ำทะเลเป็นน้ำประปาในมัลดีฟส์ ทำให้ชาวมัลดีฟส์ราว 100,000 คน ไม่มีน้ำอุปโภคบริโภค ซึ่งมัลดีฟส์ได้ขอความช่วยเหลือจากพันธมิตรทั้งสหรัฐฯ อินเดีย ศรีลังกา และจีน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว วันเดียวกัน จีนประณามฟิลิปปินส์ที่ยื่นร้องเรียนคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศให้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชิงหมู่เกาะทะเลจีนใต้ว่าเป็นการใช้อำนาจภายนอกแทรกแซงกิจการภายในภูมิภาค

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 15:29:13


ความคิดเห็นที่ 9 (3758379)

ทหารเก็บวัตถุตกจากท้องฟ้าใกล้ “เขาพระวิหาร” ไว้ตรวจสอบ-ยันเป็นชิ้นส่วนดาวเทียมระเบิด



ศรีสะเกษ - ทหารไทยเก็บชิ้นส่วนวัตถุระเบิดตกจากท้องฟ้าใกล้เขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา 9 ชิ้น ไว้รอตรวจสอบที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กกล.สุรนารี เบื้องต้นยันเป็นชิ้นส่วนดาวเทียมหมดอายุใช้งานเข้าสู่ชั้นระเบิดทำลายตัวเอง เผยระเบิดมาแล้ว 3 ครั้งในช่วงเดือนเดียวกันและเวลาใกล้เคียงทั้ง 3 ครั้ง ระบุไม่เกี่ยวเหตุการณ์สู้รบชายแดนเขาพระวิหาร
      
       วันนี้ (9 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเกิดระเบิดบนท้องฟ้าใกล้เขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อเวลาประมาณ 11.45 น. วันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา และมีเศษชิ้นส่วนวัตถุจากการระเบิดตกลงมาในเขตบ้านภูมิซรอล และหมู่บ้านต่างๆ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา กระจายเป็นบริเวณกว้าง และเศษชิ้นส่วนบางชิ้นหล่นลงใส่หลังคาบ้านของชาวบ้านได้รับความเสียหาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารได้ตามเก็บชิ้นส่วนวัตถุทั้งหมดไปไว้เพื่อรอการตรวจสอบ ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
      
       ล่าสุดที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) ตั้งอยู่ในบริเวณหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 1 ได้นำชิ้นส่วนวัตถุที่เก็บมาจากสถานที่ต่างๆ จำนวน 9 ชิ้น มาทำการตรวจสอบเบื้องต้น ซึ่งชิ้นส่วนวัตถุแต่ละชิ้นมีขนาดไม่เท่ากัน บางชิ้นมีรอยไหม้เป็นสีดำ บางชิ้นมีลักษณะเป็นสีเทา โดยชิ้นส่วนทั้งหมดมีลักษณะแตกออกจากกันคล้ายเกิดจากการระเบิด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ทหารยังคงตระเวนออกไปตามเก็บชิ้นส่วนตามสถานที่ต่างๆ ในเขต อ.กันทรลักษ์ และ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ
      
       แหล่งข่าวทหารระดับสูงในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาเปิดเผยว่า จากการสันนิษฐานเบื้องต้นยืนยันว่าเป็นชิ้นส่วนดาวเทียมที่มาระเบิดบริเวณเหนือเขาพระวิหาร โดยเคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้วรวม 3 ครั้ง คือ เมื่อปี 2554, ปี 2556 และปี 2557 นี้ ซึ่งเวลาเกิดเหตุดาวเทียมระเบิดจะเป็นช่วงเดือนธันวาคม ห้วงเวลาประมาณใกล้เคียงกันประมาณ 10.00-12.00 น. ทั้ง 3 ครั้ง ไม่ทราบว่าเป็นการทำลายตนเองหรือไม่ แต่สันนิษฐานว่าเป็นดาวเทียมของประเทศใดประเทศหนึ่งที่หมดอายุการใช้งาน พอเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกก็จะระเบิดทำลายตัวเอง
      
       การระเบิดแบบนี้เป็นอันตรายมาก หากตกใส่ผู้คนอาจทำให้เสียชีวิตได้ และหากตกใส่สิ่งของก็จะทำให้ทรัพย์สิน สิ่งของ ได้รับความเสียหาย ซึ่งได้แจ้งให้หน่วยเหนือทราบแล้วเพื่อให้ดำเนินการประสานงานในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
      
       อยากฝากถึงประชาชนไทยตามแนวชายแดนกัมพูชาว่าหากใครเก็บชิ้นส่วนดาวเทียมระเบิดได้ขอให้นำส่งที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ตั้งอยู่ที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และขอยืนยันให้ประชาชนได้รับทราบว่าเหตุการณ์ดาวเทียมระเบิดครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์สู้รบใดๆ ที่บริเวณเขาพระวิหารอย่างเด็ดขาด โดยขณะนี้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ อยู่ในสภาวะปกติทุกอย่าง
      
       พ.ต.อ.ศักดิ์ชาย โรจนวัฒนางกูร ผกก.สภ.บึงมะลู กล่าวว่า การระเบิดของดาวเทียมครั้งนี้ได้มีชิ้นส่วนตกลงมาในป่าใกล้กับ สภ.บึงมะลู มีขนาดความกว้างประมาณ 45 ซม. ยาวประมาณ 75 ซม. ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปเก็บมาไว้เพื่อนำส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบต่อไป ซึ่งการระเบิดแบบนี้เคยเกิดมาแล้วถึง 3 ครั้ง คาดว่าบริเวณใกล้กับเขาพระวิหารเป็นจุดถูกกำหนดให้ดาวเทียมเก่าหมดอายุใช้งานครบวงโคจรมาระเบิดทำลายตัวเอง ซึ่งการระเบิดในครั้งนี้โชคดีที่ไม่มีประชาชนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด มีเพียงทรัพย์สินหลังคาบ้านของชาวบ้านที่ถูกชิ้นส่วนดาวเทียมตกใส่ได้รับความเสียหายเท่านั้น

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 15:34:47


ความคิดเห็นที่ 10 (3758383)

ทบ. ปัดโดรนไทย โดนเขมรยิงร่วงที่เขาพระวิหาร



วินธัย ทบ.ปัดข่าว Drone หรือ UAV ทบ.ไทย โดนเขมรยิงตก คาดเศษชิ้นส่วนที่ตกแถวเขาพระวิหาร ศรีสะเกษ เป็นชิ้นส่วนดาวเทียมหมดอายุที่เคยตกมาแล้วหลายครั้ง

วันที่ 11 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก ทบ. ชี้แจงกรณี มีเศษชิ้นส่วนโลหะ ที่คาดว่าเป็นส่วนประกอบดาวเทียม ได้ตกกระจายอยู่บริเวณ พื้นที่ชายแดน เขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.57 ที่ผ่านมา ทำให้มีสื่อของกัมพูชา เข้าใจผิด รายงานว่าเป็นชิ้นส่วน อากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของไทย ที่ถูกยิงร่วงว่า จากการประสานข้อมูลกับทาง กองกำลังสุรนารี พบว่า ชิ้นส่วนโลหะที่พบครั้งนี้ ยังคงมีลักษณะคล้ายกับชิ้นส่วนที่เคยพบเมื่อ ธ.ค.54 และ ธ.ค.56 คือเป็นชิ้นส่วนประกอบของดาวเทียม ที่พบว่าเคยมีตกอยู่ในพื้นที่เป็นประจำ ยืนยันไม่ใช่ชิ้นส่วนของอากาศยานไร้คนขับของไทยอย่างแน่นอน

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 15:37:09


ความคิดเห็นที่ 11 (3758384)

จีนส่งดาวเทียม ชุดใหญ่ 200 ดวง



สำนักข่าวทางการจีนแจ้งว่า จีนได้ส่งดาวเทียมใหม่อีกดวงหนึ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วนี้ โดยสร้างร่วมกับบราซิล เป็นดาวเทียมเพื่อตรวจสอบสิ่งแวดล้อม นับตั้งแต่ต้นมาจนบัดนี้ จีนได้ส่งดาวเทียมในชุด “ลอง มาร์ช” ครบ 200 ดวงไปแล้ว

ดาวเทียมเพื่อสิ่งแวดล้อมนี้ ยังคงส่งด้วยจรวดขับดัน “ลอง มาร์ช-4 บี” จากศูนย์ส่งจรวดที่มณฑลชานสีทางภาคเหนือ และเป็นดาวเทียมในชุดสิ่งแวดล้อมดวงที่ 5 นับแต่ปี พ.ศ.2542 เป็นต้นมา

ดาวเทียมดวงใหม่นี้ จะมีหน้าที่โดยเฉพาะ เพื่อเฝ้าดูการหักล้างถางป่าในบริเวณลุ่มน้ำอเมซอน ตัวดาวเทียมหนัก 2 ตัน โดยสองชาติได้ช่วยกันออกค่าก่อสร้างจำนวน 990 ล้านบาทกันคนละครึ่ง

ผู้อำนวยการบรรษัทวิทยาศาสตร์การอวกาศและเทคโนโลยีจีน ได้คาดหวังว่า ยังสามารถจะใช้จรวดนำส่ง “4 บี” นี้ อย่างน้อยภายในรอบระยะเวลา 7 ปีข้างหน้า อย่างต่ำอีก 100 เที่ยว.

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 15:39:04


ความคิดเห็นที่ 12 (3758387)
ครูดาวเทียม สู่สถานพินิจฯกรมพินิจเด็กและเยาวชน ตั้งกระจายอยู่ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึง ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนอีก 19 แห่ง ซึ่งมีหน้าที่หลักในการดูแลและแก้ไขบำบัดฟื้นฟู

วันอาทิตย์ 14 ธันวาคม 2557 เวลา 01:33 น.ขยายขอบเขตความช่วยเหลือสู่เด็กและเยาวชนที่ต้องการทางศึกษาผ่านโครงการ “ครูดาวเทียม” พัฒนาความรู้ สู่น้องในกรมพินิจ โครงการเอื้อโอกาสทางการศึกษาผ่านระบบการศึกษาทางไกลให้แก่สถานพินิจเด็กและเยาวชน

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น จึงได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพร้อมส่งมอบสื่อทางไกลผ่านดาวเทียม จำนวนทั้งสิ้น 95 ชุด ให้กับกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดย นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และนายวีระยุทธ สุขเจริญ อธิบดีกรมพินิจเด็กและเยาวชน

นายวีระยุทธ สุขเจริญ อธิบดีกรมพินิจเด็กและเยาวชน กล่าวว่า กรมพินิจเด็กและเยาวชน ตั้งกระจายอยู่ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึง ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนอีก 19 แห่ง ซึ่งมีหน้าที่หลักในการดูแลและแก้ไขบำบัดฟื้นฟู เด็กและเยาวชนที่กระทำผิดให้กลับมาเป็นคนดี ของสังคม ซึ่งจากสถิติในปี 2556 มีจำนวนเด็กและเยาวชนในสถานควบคุมทั้งหมดจำนวน 8,564 คนต่อวัน ซึ่งเด็กเหล่านี้ส่วนใหญ่มีเกณฑ์อายุระหว่าง 15-18 ปี หรือกำลังศึกษาอยู่ในช่วงมัธยมศึกษาตอนต้นหรือต่ำกว่า ซึ่งช่วงอายุดังกล่าว นับว่ามีความจำเป็นอย่างมากที่ควรได้รับโอกาสในการศึกษา รวมถึงกระบวนการขัดเกลาทางด้านจริยธรรมที่ดี อันจะนำมาซึ่งความเจริญงอกงามทางปัญญา ความคิด จิตใจ และคุณธรรม ‘ครูดาวเทียม’ นับเป็นเครื่องมือที่ดี อีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยต่อยอดขยายโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชนในสถานพินิจฯ เติบโตเป็นเด็กที่ดีมีความรู้นำกลับไปใช้เมื่อกลับสู่สังคม

กอบชัย จิราธิวัฒน์ กล่าวว่า โครงการนี้มุ่งสนองพระราชดำริในการพัฒนาการศึกษาของเด็กไทย และมุ่งมั่นที่ดำเนินตามรอยพระยุคลบาทด้านการส่งเสริมการศึกษาต่อไป จึงให้การสนับสนุนสื่ออุปกรณ์ชุดรับสัญญาณดาวเทียม เพื่อการศึกษาให้แก่หน่วยงานที่ขาดแคลนสื่อการเรียนการสอน และบุคลากรทางการสอนไม่เพียงพอ ด้วยความตั้งใจในการพัฒนาโครงการดังกล่าวอย่างยั่งยืน

นับแต่ริเริ่ม “โครงการครูดาวเทียม”ซีพีเอ็นได้ทำกิจกรรมในหลากหลายรูปแบบทั้งกับสถานศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น ไปแล้วในกว่า 88 โรงเรียน และภายใน 2 ปีจากนี้ ยังมีแผนการที่จะติดตั้งครูดาวเทียมในอีก 64 โรงเรียนรวมเป็น 152 โรงเรียนทั่วประเทศ.

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 15:41:19


ความคิดเห็นที่ 13 (3758389)

THCOM เซ็นกู้ 2 แบงก์ใหญ่ สร้างดาวเทียมไทยคม 8 ส่งขึ้นฟ้าต้นปี 59

บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ระบุว่า นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลงนามในสัญญาเงินกู้เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับโครงการดาวเทียมไทยคม 8 ร่วมกับ นายปณิต ตุลย์วัฒนจิต ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และนายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 57 ที่ผ่านมา
      
       โดยความสำเร็จในการจัดทำสัญญาเงินกู้ในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 ที่โครงการดาวเทียมของประเทศไทยได้รับการสนับสนุนด้านเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย ภายใต้เงื่อนไขและต้นทุนที่ใกล้เคียงกับเงินกู้จากต่างประเทศ โดยความสำเร็จในครั้งก่อนหน้า คือ การกู้เพื่อลงทุนในโครงการดาวเทียมไทยคม 6 เมื่อปี 55 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจของไทยเอง
      
       สำหรับโครงการดาวเทียมไทยคม 8 มีแผนจะส่งขึ้นสู่วงโคจรในช่วงครึ่งแรกของปี 59 ซึ่งจะเป็นดาวเทียมที่เป็นกำลังสำคัญอีกส่วนหนึ่งในอนาคต เนื่องจากนอกจากการจัดสร้างดาวเทียมไทยคม 8 จะทำให้ประเทศไทยมีดาวเทียมสื่อสารเพิ่มขึ้นแล้ว การให้บริการของดาวเทียมไทยคม 8 จะสร้างประโยชน์ต่อประเทศไทยโดยตรง คือ ทำให้มีปริมาณช่องสัญญาณดาวเทียมเพียงพอต่อการใช้งานในประเทศที่นับวันจะเพิ่มสูงขึ้น และเพื่อเตรียมรองรับเทคโนโลยีการแพร่ภาพขั้นสูง เช่น UHD (Ultra High Definition) ซึ่งจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมบรอดคาสต์ของไทยให้แข็งแกร่ง และเติบโตต่อเนื่อง

 

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 15:43:39


ความคิดเห็นที่ 14 (3758390)

ตัวแทนผู้ประกอบการเคเบิ้ลทีวียื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการปฎิรูปการสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ สปช. เรียกร้องให้ กสทช.ยกเลิกประกาศฉบับใหม่

ตัวแทนผู้ประกอบการเคเบิ้ลทีวียื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการปฎิรูปการสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ สปช. เรียกร้องให้ กสทช.ยกเลิกประกาศฉบับใหม่การจัดลำดับช่องทีวีดิจิตอล เพราะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและประชาชน
นายมานพ โตการค้า ประธานชมรมผู้ประกอบการโครงข่ายดาวเทียม และโทรทัศน์ดาวเทียม เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการปฎิรูปการสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาปฎิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. เพื่อคัดค้านประกาศการจัดเรียงลำดับช่องของคณะกรรมาธิการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.ฉบับใหม่ ที่ให้ทีวีดิจิตอลไปอยู่ลำดับที่ 1 - 36 จากเดิมที่ประกาศให้อยู่ลำดับที่ 11 - 46 เนื่องจากหากต้องปฎิบัติตามประกาศใหม่จะทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อผู้ประกอบการเคเบิ้ลรายอื่นๆที่สูญเสียประชาสัมพันธ์ช่องให้เป็นที่ยอมรับ รวมทั้งส่งผลกระทบให้ประชาชนเกิดความสับสน
ขณะที่นายภาณุวัสส์ ตั้งศักดิ์สถิตย์ ประธานชมรมการค้าผู้ประกอบการเคเบิ้ลทีวี ได้ยื่นหนังสือเอกสารเพิ่มเติมกรณีแก้ไขกฎหมายที่ กสทช. กำหนดให้ วิทยุ โทรทัศน์ และ โทรคมนาคม เป็นประกาศฉบับเดียวกันว่า ทั้ง 3 ส่วนควรแยกเป็นอิสระจากกัน เนื่องจากการทำงานมีหน้าที่ต่างกัน จะทำให้การกำกับดูแลเกิดความสับสนในการปฎิบัติหน้าที่ จึงต้องการให้ คณะกรรมาธิการปฎิรูปการสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาปฎิรูปแห่งชาติ ดูแลเรื่องดังกล่าวให้เกิดความเป็นธรรม
ด้านนายจุมพล รอดคำดี สมาชิก สปช. สายสื่อสารมวลชน เป็นตัวแทนรับเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า ยินดีที่จะรับเรื่องที่เกี่ยวข้องเข้าไปพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯต่อไป

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 15:44:44


ความคิดเห็นที่ 15 (3758391)

ผู้ประกอบการโครงข่ายดาวเทียม ร้องสปช. ขอยุติประกาศเรียงลำดับช่อง กสทช.

ชมรมผู้ประกอบการโครงข่ายดาวเทียม ยื่นหนังสือถึงกรรมาธิการปฏิรูปการสื่อสารมวลชน และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาปฏิรูปแห่งชาติ เพื่อขอให้ยุติประกาศการจัดเรียงลำดับช่อง ของ กสทช. และแก้กฎหมายการกำกับดูแลเคเบิ้ลทีวีท้องถิ่น ออกจากกิจการวิทยุโทรทัศน์ และทีวีดาวเทียม


นายมานพ โตการค้า ประธานชมรมผู้ประกอบการโครงข่ายดาวเทียม พร้อมสมาชิก ยื่นหนังสือ ต่อนายจุมพล รอดคำดี ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการสื่อสารมวลชน และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาปฏิรูปแห่งชาติ คัดค้านประกาศของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เกี่ยวกับการจัดเรียงช่อง ซึ่งช่องดิจิตัลจะออกอากาศตั้งแต่ช่อง 11-46 และช่องดาวเทียมได้ตกลงและกำหนดช่องลงตัวแล้ว จนมีประกาศฉบับล่าสุด ให้จัดเจียงช่องใหม่เป็น 1-36 ผ่านมติบอร์ดชุดเล็กของ กสทช. แล้ว ซึ่งประกาศฉบับดังกล่าวหากผ่านมติ กสทช. ชุกใหญ่จะส่งผลต่อผู้บริโภคในเรื่องของจิตวิทยา ไม่เปนธรรมต่อผู้ประกอบการ เกิดผลกระทบการตลาด เพราะมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบแล้ว

ด้านายภานุวัสส์ ตั้งศักดิ์สถิตย์ ประธานสมาคมการค้าผู้ประกอบการเคเบิ้ลทีวี ยื่นเอกสารเพิ่มขอให้แยกการกำกับดูแลเคเบิ้ลทีวีท้องถิ่น ออกจากกิจการวิทยุโทรทัศน์ และทีวีดาวเทียม เพราะการประกอบธุรกิจเคเบิ่ชทีวีท้องถิ่นไม่ได้ใช้ชื่นความถี่เป็นโทรทัศน์ทางสายที่ต้องพาดไปกับเสาไฟฟ้าเท่านั้น และส่งผลต่อการบริหารจัดการ ในเชิงธุรกิจซึ่งอาจเกิดความสับสน

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 15:46:42


ความคิดเห็นที่ 16 (3758393)

กสทช.ชะลอเรียงช่องทีวีดิจิตอลหลังสมาคมดาวเทียม-ทรูวิชั่นส์ร้องเรียน

มติ กสทช.ยังไม่อนุมัติประกาศเรียงช่องทีวีดิจิตอล เนื่องจากสมาคมดาวเทียมและทรูวิชั่นส์ส่งหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ดังนั้นเพื่อความรอบคอบจึงสั่งให้ กสท.กลับไปพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ส่วนความคืบหน้าเรื่องการจ่ายเงินคูปองดิจิตอลพร้อมจ่ายล็อตแรกแล้ว 1-2 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังได้เคาะงบประมาณปี 58 แล้วจำนวน 5 พันล้านบาท หลังเชิญ สนช.ร่วมเป็นอนุกรรมการ
      
       นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า มติที่ประชุม กสทช.ยังไม่อนุมัติเห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ... (ฉบับใหม่) เพื่อกำหนดช่อง 1-36 เป็นช่องทีวีดิจิตอลเหมือนกันทุกแพลตฟอร์ม ตามที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เห็นชอบและส่งเรื่องมาให้ กสทช.พิจารณา เนื่องจากมีผู้ประกอบการส่งหนังสือร้องเรียน 2 ราย ได้แก่ โครงข่ายผู้ประกอบการโทรทัศน์ดาวเทียม และ บริษัท ทรูวิชั่นส์ จํากัด โดยโครงข่ายผู้ประกอบการโทรทัศน์ดาวเทียมให้เหตุผลที่คัดค้านร่างประกาศดังกล่าวว่าจะทำให้ประชาชนสับสนจากเดิมที่ประชาชนเข้าใจอยู่แล้ว ขณะที่ทรูวิชั่นส์ให้เหตุผลว่าเป็นผู้ประกอบการรายเดิมที่ได้รับสัญญาสัมปทาน ไม่ใช่ผู้ประมูลทีวีดิจิตอล โดยเป็นผู้ให้บริการแบบบอกรับสมาชิกที่มีการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้บริการอย่างแท้จริง ทำให้ควรมีสิทธิ์ได้รับความคุ้มครองตามบทเฉพาะกาลของ พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 คือ คุ้มครองผู้ประกอบการรายเดิม สามารถจัดเรียงหมายเลขช่องได้เอง จึงไม่ควรอยู่ภายใต้เกณฑ์ในการประกาศตามร่างดังกล่าว
      
       "ดังนั้น กสทช. จึงส่งเรื่องกลับไปให้ กสท.กลับไปทบทวนอีกรอบ และเสนอเข้าที่ประชุม กสทช.อีกครั้งในวันที่ 21 ม.ค. 58 เพื่อความรอบคอบ ไม่ถูกกล่าวหาว่าเราละเลย และมีข้อพิพาทตามมาทีหลัง ทำให้เรื่องนี้เสร็จไม่ทันในช่วงปีใหม่อย่างที่ตั้งใจไว้"
      
       *** อนุมัติจ่ายเงินคูปองดิจิตอลล็อตแรกแล้ว
      
       สำหรับความคืบหน้าเรื่องการจ่ายเงินให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการแลกซื้ออุปกรณ์สำหรับการรับชมทีวีดิจิตอลนั้น นายฐากรกล่าวว่า ได้อนุมัติงบประมาณรอบแรกให้ธนาคารกรุงไทยเบิกจ่ายได้แล้วประมาณ 1-2 ล้านบาท ซึ่งต้องยอมรับว่าหลังจากที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้ กสทช.ตรวจสอบเอกสารแนบที่เป็นสำเนาของประชาชนทั้งหมด ทำให้การจ่ายเงินล่าช้าออกไป โดยในช่วงแรกเจ้าหน้าที่ที่ กสทช.เกณฑ์มาตรวจเอกสาร 200 คน อาจตรวจล่าช้าเพราะยังไม่ชำนาญ แต่มั่นใจว่าหลังจากนี้การตรวจเอกสารจะรวดเร็วขึ้น และคาดว่าจะทยอยอนุมัติอย่างต่อเนื่องจนครบ ซึ่งภายในปีนี้จะอนุมัติได้กว่า 100 ล้านบาท
      
       *** เคาะงบปี 58 ที่ 5 พันล้านบาท
      
       ส่วนการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปี 2558 ที่ประชุม กสทช.ได้อนุมัติกรอบวงเงินรายจ่ายจำนวน 5,035.112 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากกรอบเดิมที่วางไว้ 5,297.47 ล้านบาท เนื่องจากได้รับคำแนะนำจากคณะอนุกรรมการพิจารณางบประมาณของสำนักงานที่มีตัวแทนจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มาร่วมพิจารณา โดยแบ่งเป็นการเบิกจ่ายเงินเดือนและสาธารณูปโภค 1,817.727 ล้านบาท งบประมาณผูกพัน 1,161.302 ล้านบาท งบประมาณสำหรับโครงการใหม่ 1,986.083 ล้านบาท งบประมาณกองทุน กทปส. 50 ล้านบาท งบประมาณกลางสำหรับกรณีฉุกเฉิน 20 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าปี 58 จะมีรายได้ทั้งสิ้น 7,479 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีเงินนำส่งเข้าคลังจำนวน 2,443.95 ล้านบาท
      
 

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 15:49:17


ความคิดเห็นที่ 17 (3758395)

กรมทรัพยากรน้ำ ให้ของขวัญปีใหม่ประชาชน 3 โครงการ เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั่วประเทศ   กรมทรัพยากรน้ำ ให้ของขวัญปีใหม่ประชาชน 3 โครงการ เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั่วประเทศ
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กล่าวว่า กรมทรัพยากรน้ำจัดทำ 3 โครงการ มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทยมีความสุขในปี 2558 ตามนโยบายของรัฐบาล คือ โครงการคืนคลองให้น้ำไหล คืนน้ำใสทั่วประเทศ เริ่มดำเนินงานตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ด้วยการขุดลอกคู-คลอง ความยาวรวม 999 กิโลเมตร ทั้งหมด 76 คลอง ในพื้นที่ต่างจังหวัด และคลองมหาสวัสดิ์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเฉลี่ยความยาวการขุดคลองน้ำไหลประมาณ 10 - 12 กิโลเมตร ในแต่ละคลองที่มีปัญหาการตื้นเขิน โดยการคัดเลือกจะใช้ภาพถ่ายดาวเทียมตรวจสภาพปัญหา พบว่าร้อยละ 70 เป็นคลองขนาดเล็ก ต้องดำเนินการเป็นลำดับแรก ซึ่งจะใช้งบเพียงคลองละไม่เกิน 2 ล้านบาท โครงการเพิ่มปริมาณน้ำให้ประปาหมู่บ้าน เริ่มช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2558 คาดว่าจะเพิ่มปริมาณน้ำได้ 172 ลูกบาศก์เมตร และสุดท้ายโครงการกระจายน้ำถึงไร่นา ระบบน้ำประปาให้หมู่บ้าน ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน 2558 คาดว่าจะมีประชาชนได้รับประโยชน์ 638,341 ครัวเรือน รวมพื้นที่รับประโยชน์จำนวน 70,927 ไร่ และเพิ่มระบบประปาหมู่บ้านได้ 603 แห่ง

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 15:50:36


ความคิดเห็นที่ 18 (3758399)

จีนจ่อสร้าง “เครือข่ายดาวเทียม-เรดาร์” หวังเสริมอิทธิพลทางทะเล

รอยเตอร์ - จีนจะติดตั้งเครือข่ายสังเกตการณ์นอกชายฝั่ง ซึ่งรวมถึงสถานีดาวเทียมและเรดาร์ เพื่อเสริมสร้างอิทธิพลทางทะเลของประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น หนังสือพิมพ์ ไชน่า เดลีย์ ของทางการรายงานวันนี้ (19 ธ.ค.) โดยถือเป็นความเคลื่อนไหวที่อาจทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาคนี้หนักข้อยิ่งขึ้น
      
       เพื่อนบ้านมากมายของจีน รวมถึง ญี่ปุ่น, ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ได้แสดงความกังวลต่อการเสริมกำลังทางทหารและท่าทีก้าวร้าวที่เพิ่มมากขึ้นทุกขณะของจีนในภูมิภาคนี้
      
       เครือข่ายดังกล่าวซึ่งเจ้าหน้าที่จากทบวงกิจการทางมหาสมุทร (State Oceanic Administration) เรียกว่า “รากฐาน” เพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลของจีน และมีกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จภายในปี 2020 หนังสือพิมพ์เจ้านี้ระบุ
      
       เครือข่ายดังกล่าวจะครอบคลุมน่านน้ำชายฝั่ง, น่านน้ำสากล และน่านน้ำขั้วโลก รายงานระบุ และเสริมว่าจะมีการสร้างสถานีปฏิบัติการสังเกตการณ์ใต้ทะเลและเตือนภัยสึนามิขึ้นด้วย
      
       เครือข่ายดังกล่าวจะช่วยให้จีนทราบว่าทรัพยากรที่มีอยู่ในน่านน้ำของจีนมีอะไรบ้าง รายงานระบุ แต่ไม่ได้เอ่ยถึงค่าใช้จ่ายในการสร้างเครือข่ายนี้ว่ามากน้อยเท่าไหร่
      
       จีนอ้างกรรสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่าอุดมด้วยแหล่งสะสมสินแร่, ก๊าซ และน้ำมัน ขณะที่บรูไน, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม และไต้หวัน ก็อ้างด้วยเช่นกัน
      
       ในทะเลจีนตะวันออก แนวหมู่เกาะที่ทั้งจีนและญี่ปุ่นอ้างกรรมสิทธิ์ ซึ่งจีนเรียกว่า เตี้ยวอี๋ว์ และญี่ปุ่นเรียกว่า เซงกากุ เป็นตัวการทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองชาติตึงเครียด เรือตรวจการณ์และเครื่องบินขับไล่จากทั้งสองฝ่ายติดตามเฝ้าระวังอีกฝ่ายใกล้หมู่เกาะแห่งนี้อยู่เป็นประจำ ก่อให้เกิดความกลัวว่าการปะทะกันโดยไม่คาดฝันหรือเหตุการณ์อื่นๆอาจพัฒนากลายเป็นความขัดแย้งที่ใหญ่โตกว่าเดิม
      
       เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯพยายามทำให้บรรดาพันธมิตรเอเชีย-แปซิฟิกฟื้นคืนความมั่นใจในเรื่องการโยกย้ายยุทธศาสตร์ของวอชิงตันมาที่ภูมิภาคนี้ และพาดพิงถึงข้อพิพาทน่านน้ำกับประเทศเพื่อนบ้านของจีน
      
       โอบามาให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าพัฒนาความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงกับประเทศต่างๆ รวมถึง พันธมิตรเก่าแก่อย่างญี่ปุ่น และอดีตศัตรูอย่างเวียดนาม
      
       เมื่อเดือนที่แล้ว วอชิงตันเรียกร้องให้ปักกิ่งล้มเลิกโครงการแปรสภาพที่ดินในหมู่เกาะพิพาทสแปรตลีย์ในทะเลจีนใต้ หลังจากมีรายงาน ระบุว่า ภาพถ่ายดาวเทียมเผยให้เห็นว่า จีนกำลังสร้างเกาะบนแนวหินโสโครกที่อาจใหญ่พอสำหรับเป็นที่ตั้งของทางวิ่งเครื่องบิน
      
       จีน ระบุว่า พวกเขามี “อำนาจอธิปไตยที่ไม่อาจโต้แย้งได้” เหนือหมู่เกาะสแปรตลีย์และชี้ว่า สหรัฐฯ ออกมาแสดง “ความคิดเห็นอย่างไร้ความรับผิดชอบ”







ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 15:55:12


ความคิดเห็นที่ 19 (3758403)

ต้องปรบมือ! อินเดียทำสำเร็จ ยิงจรวดขนาดใหญ่ ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ

ชาวภารตะต้องเฮ...องค์การวิจัยอวกาศอินเดีย สุดเจ๋ง ประสบความสำเร็จงดงามในการยิงจรวดขนาดใหญ่สุดเท่าที่เคยทำมา ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ ขณะที่นายกฯ โมดี ทวีตข้อความผ่านโลกโซเชียล ชื่นชมความสำเร็จของทีมนักวิทยาศาสตร์อินเดีย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การวิจัยอวกาศอินเดีย (The Indian Space Reserch Organisation) หรือ ISRO ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการยิงจรวด GSLV MK-III ขนาดน้ำหนัก 630 ตัน ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ จากศูนย์อวกาศ สาธิต ภาวัน บนเกาะศรีฮาริโกตา รัฐอานธรประเทศ ทางภาคใต้ของอินเดีย เมื่อเช้าวันที่ 18 ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการยิงจรวดขนาดใหญ่ที่สุดของอินเดียเท่าที่เคยสร้างมา อีกทั้งยังมีการนำยานอวกาศไร้มนุษย์ ขึ้นไปด้วย เนื่องจากหวังไว้ว่า สักวันหนึ่งในอนาคต อินเดียจะส่งมนุษย์อวกาศขึ้นไปพิชิตนอกโลก

ข่าวแจ้งว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา องค์การวิจัยอวกาศอินเดียเคยประสบความสำเร็จกับการปล่อยจรวดที่มีน้ำหนักเบากว่านี้ไปห้วงอวกาศมาแล้ว แต่ยังคงประสบปัญหากับจรวดที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งจะต้องบรรทุกสัมภาระที่มีน้ำหนักมากกว่าเดิมอยู่ และครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่อินเดียพบกับความสำเร็จในการยิงจรวดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เพราะสามารถบรรทุกดาวเทียมสื่อสาร หนักถึง 4,000 กก. ขึ้นไปด้วยได้


นายเค รัดฮากฤษณัน ประธานองค์การวิจัยอวกาศอินเดียกล่าวด้วยความดีใจว่า การปล่อยจรวดในวันนี้ถือเป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์ด้านอวกาศของอินเดีย ขณะที่ นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ได้ทวีตข้อความทางโลกออนไลน์ ว่า ความสำเร็จในการยิงจรวด GSLV MK-III ยังเป็นชัยชนะ สำหรับความเฉลียวฉลาดและการทำงานอย่างหนัก ของเหล่านักวิทยาศาสตร์ของอินเดีย พร้อมทั้งขอชื่นชมยินดีกับความพยายามของพวกเขาเหล่านี้

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 15:57:51


ความคิดเห็นที่ 20 (3758470)

ในการประชุม‘ซุปเปอร์บอร์ด’เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา ผลปรากฏหวยมาลงล็อกที่ กสท โทรคมนาคม ที่อยากถูกเรียกว่า “แคท” และ ทีโอที ซึ่งคุณพ่อซุปเปอร์บอร์ดสั่งให้ปรับลดค่าใช้จ่ายลงให้ได้ 10% จากที่ทำเสนอมา 5%...

นอกจากนั้น ยังเห็นชอบให้คงบทบาทด้านการวางโครงสร้างโทรคมนาคมพื้นฐาน อันได้แก่ อินเตอร์เน็ตเกตเวย์ เคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศ (ที่ตอนนี้มี 8 สาย แต่ใช้จริง 4 สาย) บริการโทรศัพท์พื้นฐาน และอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ รวมทั้งให้ลดบทบาทในธุรกิจศูนย์ข้อมูลอินเตอร์เน็ต (ไอดีซี) และคลาวด์คอมพิวติ้ง (cloud) เนื่องจากเอกชนทำได้ดีอยู่แล้ว...

ส่วนธุรกิจที่ ทีโอที ขอดำเนินการแข่งเดือดกับเอกชนต่อ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการมือถือ 3 จี และธุรกิจกลุ่มเสาโทรคมนาคมนั้น ให้ที่ปรึกษาศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อน....

เบรกเอี๊ยดหัวทิ่มบ่อ วันเดียวกัน บอร์ด กสทช. ก็ได้มีมติไม่อนุมัติร่างประกาศเรื่องหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ. ... (ฉบับใหม่) หรือการจัดเรียงเลขช่องทีวีดิจิตอลของไทย ตั้งแต่ช่อง 1-36 ให้เป็นเลขเดียวกันทุกโครงข่าย ทั้งโครงข่ายทีวีดิจิตอล โครงข่ายดาวเทียม และเคเบิลทีวี เนื่องจาก ทรูวิชั่นส์ ยื่นคัดค้านบอกขัดบทเฉพาะกาลกฎหมายคุ้มครองผู้ประกอบการรายเดิม...

ประเมินสถานการณ์ ดังนั้นแล้ว บอร์ดจึงเห็นควรให้ ‘ปลอดภัย’ ไว้ก่อน ด้วยการส่งเรื่องกลับไปให้บอร์ด กสท.ชุดเล็กพิจารณาตามข้อกฎหมายให้ถี่ถ้วน แล้วจึงนำกลับมาเสนอบอร์ดใหญ่อีกครั้งปีหน้า วันที่ 21 ม.ค.58...

ว้าย กรี๊ด กระแซะ กระทุ้งมาพักใหญ่ เพราะคราวนี้เอาจริง ประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ร่อนหนังสือถึงผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซ 5 แสนคนทั่วประเทศ เพื่อย้ำเตือนถึงภาระหน้าที่แห่งการเป็นผู้เสียภาษีที่ถูกต้อง โดยในจำนวนดังกล่าวมีอยู่ประมาณ 5 หมื่นรายที่ยังเลี่ยงบาลีอยู่ เอ้า! ขอเชิญเข้าระบบคืนความสุขให้ประเทศชาติกลับคืนบ้าง...

เพราะควักกระเป๋าจ้าง “อาเล็ก ธีรเดช” มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ หัวเว่ย ดีไวซ์ จึงหวังให้ไกลและตั้งใจจะไปให้ถึง ด้วยการเพิ่มงบการตลาดในปี 2558 ดับเบิ้ล จาก 200 ล้านบาทในปีนี้ เป็น 400 ล้านบาทในปีหน้า...

หลังได้รับอนุญาตจาก แอปเปิล แต่งตั้งให้เป็นห้างค้าปลีกรายแรกที่ได้เป็นตัวแทนจำหน่าย Authorized Reseller เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้ บิ๊กซี ได้ขยายจุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แอปเปิลจากเดิม 27 สาขา เป็น 123 สาขาทั่วประเทศแล้ว...

นอกจากเปิดออฟฟิศไฉไล ใจกลางกรุงเทพมหานครบนถนนวิทยุ กูเกิล ยังประกาศสุดยอดคำค้นประจำปี 2014 สำหรับประเทศไทยไปเรียบร้อย โดยแก็ดเจ็ตที่คนไทยไล่ล่าค้นหาผ่าน กูเกิล มากที่สุดเป็นคำว่า “iPhone 6” ตามมาด้วย Line Store, iOS 8, Samsung Galaxy S5 และ Nokia X เป็นต้น ...

ส่วนเกมออนไลน์ที่ค้นหากันอย่างเมามัน อันดับแรก ได้แก่ warz, คุกกี้รัน, avatar star, fifa online 3 และ fantasy frontier เป็นต้น ...

ถือเป็นเรื่องราวน่ารัก น่าชัง รับเทศกาลแห่งความสุข เมื่อ สมชัย เลิศสุทธิวงศ์ ซีอีโอ เอไอเอส ซิคเว่ เบรกเก้ ซีอีโอ ดีแทค และ ศุภชัย เจียรวนท์ ซีอีโอ ทรู จับมือร่วมกันแถลงข่าวครั้งประวัติศาสตร์ ผลักดันให้เกิดการประมูล 4 จี เพื่อแบ็กอัพนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอลของรัฐบาล สัปดาห์ที่จะถึง---แฟนคลับแต่ละค่ายเชิญจัดป้ายไฟ...

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 18:46:50


ความคิดเห็นที่ 21 (3758472)

กสทช.เตรียมส่งหนังสือถึงช่อง MCOT HD ระงับโฆษณาเสริมอาหารผิด กม

นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านคุ้มครองผู้บริโภคและสิทธิเสรีภาพประชาชน
 
 
        กสทช.จับมือ อย.พบโฆษณาเสริมอาหารผิด กม.ในรายการช่อง MCOT HD เตรียมทำหนังสือสั่งระงับโฆษณาเร็วที่สุด หากเพิกเฉยถูกปรับ-พัก-เพิกถอนใบอนุญาต พร้อมจับตาทีวีดิจิตอลอีก 2-3 รายการ กำลังเข้าข่ายผิด กม.ขณะที่ดาวเทียมอีก 11 ช่อง ผิดซ้ำ หลังเคยลงนามข้อตกลงกันไปแล้วเตือนจะมีผลต่อการต่อใบอนุญาต
      
       น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านคุ้มครองผู้บริโภคและสิทธิเสรีภาพประชาชน กล่าวว่า กสทช.ได้ร่วมกันตรวจสอบเฝ้าระวังการโฆษณาที่ผิดกฎหมายของอาหาร และยาต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ล่าสุดพบว่า รายการตกมัน(ส์)บันเทิง ทางช่อง MCOT HD ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) มีการโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Miracle Perfect Srim ซึ่งเป็นสินค้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่า ไม่มีใบอนุญาตโฆษณา (ฆอ.) และมีการโฆษณาสรรพคุณเกินจริง ซึ่งทาง อย.ได้ส่งหนังสือให้ระงับการโฆษณาสินค้าในรายการดังกล่าวแล้ว
      
       ดังนั้น หลังจากนี้สำนักงาน กสทช.จะส่งหนังสือออกไปด้วย หากยังเพิกเฉย คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อพิจารณาลงโทษปรับไม่เกินวันละ 20,000 บาท สูงสุดถึง 5 ล้านบาท ตลอดจนการพักใบอนุญาต และเพิกถอนใบอนุญาตในที่สุด นอกจากนี้ ยังมีช่องทีวีดิจิตอลอีก 2-3 ช่อง ซึ่งเป็นช่องรายการวาไรตีที่มีเรตติ้งสูงสุด พบการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายอาหารและยา อยู่ระหว่างการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดของ อย.และกสทช.
      
       นอกจากนี้ ยังมีทีวีดาวเทียมอีก 11 ช่องรายการที่มีการโฆษณาอาหารและยาผิดกฎหมาย ได้แก่ Zabb Channel, Happy Home TV, CHIC CLUB CHANNEL, Asian Film, Mystery Channel, Nice Channel, UMM TV, AJP, MV Bangkok Channel, หนัง แชนแนล และ มงคล แชนแนล ซึ่งเป็นการโฆษณาอาหารและยาโดยไม่ได้รับอนุญาต และโฆษณาสรรพคุณเกินจริงในผลิตภัณฑ์กว่า 20 ผลิตภัณฑ์ เช่น สเปรย์น้ำสมุนไพรรักษาปวดประจำเดือน หรือไมเกรน มีการลดแลกแจกแถม โฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอวดอ้างสรรพคุณเป็นยารักษาโรค ลดน้ำหนัก รับประทานแล้วขาวใส เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งโฆษณาเหล่านี้ล้วนหลอกลวง เกินจริง เอาเปรียบผู้บริโภค
      
       “ช่องทีวีดาวเทียมที่มีการตรวจพบเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เคยเป็นช่องที่เคยลงนามในข้อตกลงเรื่อง การกระทำที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และได้รับทราบแนวปฏิบัติจากสำนักงาน กสทช.ไปแล้วในช่วงที่มีการปิดช่องรายการหลังรัฐประหาร แต่กลับกระทำผิดซ้ำอีก ดังนั้น หากส่งหนังสือแจ้งให้ระงับการออกรายการไปแล้วยังเพิกเฉย นอกจากจะปรับทางศาลปกครอง ตลอดจนการเพิกถอนใบอนุญาตแล้ว ต้องระวังเรื่องการพิจารณาต่อใบอนุญาตในครั้งต่อไปด้วยอาจไม่ได้รับการต่อใบอนุญาต หรือต่อให้ในระยะเวลาอันสั้นก็เป็นได้”

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 18:52:31


ความคิดเห็นที่ 22 (3758474)

ไอซีทีเสนอตั้งองค์กรนาซาไทย รื้อยุทธศาสตร์อวกาศประเทศ!



นายพรชัย รุจิประภา รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า จากการหารือกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงกลาโหม และมหาวิทยาลัยต่างๆ เกี่ยวกับการบูรณาการนโยบายอวกาศของประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยมีดาวเทียมสื่อสารและดาวเทียมสำรวจ เพียงพอต่อความต้องการ โดยไม่ต้องลงทุนซ้ำซ้อน ขณะเดียวกันต้องพัฒนา บุคลากรด้านดาวเทียมด้วย ปัจจุบันกิจการอวกาศมีการลงทุนและใช้งาน ซ้ำซ้อน ฉะนั้น จึงมีการเสนอแนะว่า ควรจะมีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อ กำหนดยุทธศาสตร์และบูรณาการนโยบายดาวเทียมของประเทศและในอนาคตอาจตั้งเป็นองค์กรนาซาประเทศไทย เพื่อดูแลภารกิจดาวเทียมทั้งหมด คาดว่าภายในเดือน ม.ค.58 จะมีแนวทางการกำหนดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน

สำหรับความคืบหน้าการปรับเปลี่ยนชื่อและโครงสร้างกระทรวงไอซีที ให้เป็นกระทรวงเศรษฐกิจและสังคมดิจิตอลนั้น ขณะนี้ได้เร่งดำเนินการปรับโครงสร้างสำนักงานปลัดกระทรวง สำนักงานเศรษฐกิจดิจิตอล และหน่วยงานอื่นๆในสังกัด และนำเสนอคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพร.) เพื่อกำหนดอัตราการทำงานต่อไป คาดว่าภายในเดือน มี.ค.จะมีความชัดเจน ขณะเดียวกันก็จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมดิจิตอลชั่วคราว โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อกำหนดนโยบายการทำงานรองรับการเปลี่ยนผ่านกระทรวงไอซีที ไปสู่กระทรวงเศรษฐกิจและสังคมดิจิตอล เป็นการชั่วคราว ระหว่างรอการพิจารณาตาม พ.ร.บ.คณะกรรมการดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ....ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านมีความต่อเนื่อง โดยคาดว่าภายในเดือน เม.ย.58 การปรับโครงสร้างกระทรวงทั้งหมด รวมถึง พ.ร.บ.เศรษฐกิจดิจิตอล จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ.

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 18:55:00


ความคิดเห็นที่ 23 (3758476)

"ไอซีที"ผุดบอร์ดชั่วคราวหนุนดิจิทัลอีโคโนมี

นายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้หารือร่วมกับนายพิเชษฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมผู้แทนจากกระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องจัดทำยุทธศาสตร์เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีอวกาศ

สืบเนื่องจากรัฐบาลชุดนี้มีแผนสร้างดาวเทียมสำหรับสื่อสารและสำรวจด้วยตัวเอง ซึ่งผลจากการหารือชัดเจนว่า อีก 3 สัปดาห์จากนี้ แต่ละภาคส่วนจะสามารถมีข้อกำหนดร่วมกันได้ในส่วนของระยะเวลาดำเนินการ จะวางแผนเป็นโรดแมพ ในการจัดสร้างดาวเทียมครั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่าการจัดทำดาวเทียมจะเป็นแผนระยะยาว หรืออย่างต่ำ 5 ปีขึ้นไปกว่าจะมีการยิงดาวเทียมแล้วเสร็จ

การประชุมครั้งนี้ แต่ละภาคส่วนยังเห็นร่วมกันในการดำเนินเรื่องกิจการดังกล่าวในฐานะหน่วยงาน หรือกรมใดกรมหนึ่ง ที่จะจัดตั้งในอนาคต เพื่อให้การดำเนินการและบทบาทออกมาในลักษณะเช่นเดียวกับองค์การบริหารการบินและการอวกาศแห่งสหรัฐ (นาซ่า)

“สาเหตุที่เราต้องทำดาวเทียมเอง เพราะที่ผ่านมาเราส่งทรัพยากรบุคคลไปศึกษาเรื่องกิจการอวกาศเป็นจำนวนมากแต่กลับไม่ได้ใช้ประโยชน์เท่าที่ควร อีกทั้งประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามเองได้ดำเนินโครงการดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และประเทศใกล้เคียงอื่นๆ ก็มีแผนเริ่มสร้างดาวเทียมตนเองเช่นกัน หากไม่ทำประเทศอาจล้าหลังได้ เพราะเรื่องของอวกาศมีผลประโยชน์มหาศาล" นายพรชัย กล่าว

แนวคิดจัดสร้างดาวเทียมภาครัฐ ก็เพื่อให้บริการความมั่นคงและบริการสาธารณะโดยมอบหมายให้คณะกรรมการกิจการอวกาศแห่งชาติไปศึกษาความเป็นไปได้ของการสร้างดาวเทียมภาครัฐ 1 ดวง เพื่อให้บริการความมั่นคงและสาธารณะ เนื่องจากปัจจุบันภาครัฐที่ใช้ระบบไอทีในการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารต่างๆ ต้องใช้ดาวเทียมจากบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ซึ่งต้องจ่ายค่าเช่าสัญญาณ ปีละไม่ต่ำกว่า 7,000-8,000 ล้านบาท หากนำเงินที่ต้องจ่ายค่าเชื่อมต่อสัญญาณมาใช้จะคุ้มค่ากว่า และสร้างผลดีต่อความมั่นคงหรือไม่

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด การดำเนินการตามนโยบายเศรษฐกิจ ดิจิทัล จะจัดตั้งคณะกรรมการชุดชั่วคราวขึ้นมาขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัล อีโคโนมี ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เป็นการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำงานที่เกี่ยวกับดิจิทัล อีโคโนมี ก่อนกระบวนการจัดทำ พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. ... จะแล้วเสร็จ และเมื่อการประกาศใช้ พ.ร.บ. ดังกล่าว และตั้งคณะกรรมการดิจิทัล อีโคโนมีแล้วเสร็จ จึงจะมีการยุบคณะกรรมการชั่วคราวดังกล่าวทิ้งไป

ทั้งนี้ พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. ... คาดจะแล้วเสร็จและได้รับความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ในเดือนมี.ค.-เม.ย.2558

ส่วนความคืบหน้าปรับโครงสร้างกระทรวงไอซีที ล่าสุดจากข้อเสนอแนะการใช้คำและการเปลี่ยนชื่อกระทรวงใหม่ จากทาง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กระทรวงไอซีทีมีความเห็นคล้อยตามในการเปลี่ยนชื่อใหม่กระทรวงฯจาก กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็น "กระทรวงเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล"

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 18:57:20


ความคิดเห็นที่ 24 (3758480)

กสทช.ระงับโฆษณาผิดอย."ช่อง9-ทีวีดาวเทียม"

กสทช.ลงดาบโฆษณาผิดกฎหมายอย. ช่อง9 ทีวีดาวเทียม 11 ช่อง วิทยุ 33 คลื่นใน 10 จังหวัด ชี้เข้าข่ายเกินจริง

นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านคุ้มครองผู้บริโภคและสิทธิเสรีภาพประชาชน เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบเฝ้าระวังการโฆษณาที่ผิดกฎหมายอาหารและยา ของสำนักงาน กสทช. และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยังพบการโฆษณาอาหารและยาผิดกฎหมาย ล่าสุดมีคำสั่งให้ระงับการโฆษณา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Miracle Perfect Srim ในรายการ ตกมันส์บันเทิง ทางช่อง 9 หรือเอ็มคอท เอชดี เนื่องจากเป็นโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เข้าข่ายเอาเปรียบผู้บริโภค

ทั้งนี้ อย. ได้พิจารณาตามกฎหมายที่อยู่ในการกำกับดูแล และเห็นว่าเป็นโฆษณาผิดกฎหมาย ดังนั้นสำนักงาน กสทช. จึงมีคำสั่งระงับโฆษณาแล้ว หากฝ่าฝืนจะปรับวันละ 2 หมื่นบาท หากไม่แก้ไขจะออกคำสั่งทางปกครอง ซึ่งปรับได้สูงสุด 5 ล้านบาท และโทษสูงสุดคือ การพักใช้ เพิกถอน ใบอนุญาต และหากช่องใดกระทำผิดซ้ำ จะส่งผลต่อการพิจารณาต่อใบอนุญาต

นอกจากฟรีทีวีแล้วยังมีทีวีดาวเทียมอีก 11 ช่อง ที่โฆษณาอาหารและยาผิดกฎหมาย ได้แก่ Zabb Channel, Happy Home TV ,CHIC CLUB CHANNEL, NHANG Channel, Asian Film, Mystery Channel, Nice Channel ,UMM TV, AJP, MV Bangkok Channel และมงคล แชนแนล ทั้งนี้ ความผิดส่วนใหญ่จะเป็นการโฆษณาอาหารและยาโดยไม่ได้รับอนุญาต โฆษณายาโดยแสดงสรรพคุณยาอันตราย เช่นสเปรย์น้ำสมุนไพรรักษาอาการปวดประจำเดือน ไมเกรน มีการลดแลกแจกแถม โฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอวดอ้างสรรพคุณเป็นยารักษาโรค ลดน้ำหนัก รับประทานแล้วขาวใส เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งล้วนเป็นโฆษณาหลอกลวง เกินจริง และเอาเปรียบผู้บริโภค

"ช่องทีวีดาวเทียมเหล่านี้เคยลงนามในข้อตกลงเรื่อง การกระทำที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และรับทราบแนวปฏิบัติเรื่องการกระทำที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค จาก สำนักงาน กสทช .แล้ว จากนี้คือการเดินหน้า ปฏิบัติตามแนวทางที่ได้ตกลงร่วมกันไว้ เมื่อยังทำผิดก็ต้องลงโทษ" นางสาวสุภิญญา กล่าว

สำหรับปัญหาการโฆษณาอาหารและยา ทางสื่อวิทยุกระจายเสียงนั้น มีข้อมูลผลการเฝ้าระวังสื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทางคลื่นวิทยุในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ย.2557 ในโครงการสร้างเครือข่ายผู้บริโภคในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ซึ่งอยู่ภายใต้ความร่วมมือระหว่างมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคร่วมกับเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค 10 จังหวัด และ สำนักงาน กสทช. ว่ายังคงพบการโฆษณาอาหารและยาที่ผิดกฎหมายในทั้ง 10 จังหวัดที่มีการเฝ้าระวัง โดยมีการโฆษณาอาหารและยาโอ้อวดเกินจริง ในลักษณะเดียวกับที่พบทางโทรทัศน์

จากการเฝ้าระวังทางสื่อวิทยุ 33 คลื่นใน 10 จังหวัด ซึ่งเป็นคลื่นหลัก จำนวน 31 คลื่น พบว่า 88% มีการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย โดยพบผลิตภัณฑ์ทั้งสิ้น 103 รายการ แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์อาหารและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจำนวน 54 รายการ ผลิตภัณฑ์ยา 34 รายการ และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง 13 รายการ และโฆษณาสถานพยาบาล 1 รายการ ขณะนี้ อย. ได้พิจารณาแล้วพบว่ามีผิดกฎหมายจริง 4 สถานีในจังหวัดขอนแก่น ได้แก่ สถานีวิทยุทหารอากาศ 020 สถานีวิทยุ สวพ.ขอนแก่น สถานีวิทยุเบสท์เรดิโอ และสถานีวิทยุสุขภาพดีมีสุข และสำนักงาน กสทช. ได้มีคำสั่งระงับโฆษณาแล้ว จากนั้นจะมีการดำเนินการในลักษณะเดียวกับโทรทัศน์ต่อไป

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 19:02:08


ความคิดเห็นที่ 25 (3758483)

โป๊ปประทานพรชาวอิรักลี้ภัย เนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ

โป๊ปฟรานซิส โทรศัพท์ผ่านดาวเทียม ประทานพรชาวอิรักลี้ภัยกลุ่มไอเอส ขอจง ‘ยืนหยัด’ พร้อมทั้งทรงเป็นประธานประกอบพิธีทางศาสนาเนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ ตรัสทุกวันนี้โลกต้องการความอ่อนโยนและมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก ได้ทรงประทานพรแก่ผู้ลี้ภัยชาวอิรัก ณ ค่ายผู้ลี้ภัยในเมืองอันกาวา ใกล้เมืองเออร์บิล เนื่องในวันก่อนคริสต์มาส หรือวันคริสต์มาสอีฟ ทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านดาวเทียม และสถานีโทรทัศน์ในอิตาลีมีการถ่ายทอดสดทั่วประเทศ

องค์พระสันตะปาปา (โป๊ป) ฟรานซิส ทรงเรียกร้องให้ผู้ลี้ภัยชาวอิรักที่จำต้องทิ้งบ้านเรือนอพยพหนีภัยกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม หรือไอเอส ขอจง ‘ยืนหยัด’ และชาวอิรักเหล่านี้ได้อยู่ในใจของพระองค์ตลอดเวลา พร้อมกับตรัสว่า ชาวอิรักเหล่านี้เหมือนกับพระเยซูที่ต้องถูกบังคับให้ออกจากบ้าน และไม่มีห้องให้หลับนอน ‘ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีให้แก่ท่านเนื่องในวันคริสต์มาสอันศักดิ์สิทธิ์’ โป๊ปฟรานซิส ประทานพรแด่ชาวอิรักลี้ภัย



และเนื่องในคืนวันคริสต์มาสอีฟ พระสันตะปาปาได้ทรงเป็นประธานในการประกอบพิธีทางศาสนาภายในมหาวิหาร เซนต์ ปีเตอร์สบาซิลิกา (มหาวิหารนักบุญเปโตร) ในนครวาติกัน โดยมีคริสต์ศาสนิกชนมาร่วมในพิธีราว 5,000 คน โดยพระองค์ได้ทรงเรียกร้องให้คริสต์ศาสนิกชนจงแสดงความเข้าอกเข้าใจคนในครอบครัวและมิตรสหาย พร้อมทั้งตรัสว่าขณะนี้โลกต้องการความอ่อนโยน ความอบอุ่นและมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน

 

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 19:06:16


ความคิดเห็นที่ 26 (3758486)

“เลขาฯ รองประธาน กสทช.” ยืนยันดาวเทียมสื่อสารไม่ต้องประมูล

ร.ท.เจษฎา ศิวรักษ์ เลขานุการรองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
 
 
        เลขาฯ รองประธาน กสทช.ไม่เห็นด้วยกับข้อสงสัยของสำนักงานกฤษฎีกาตีความให้ประมูลดาวเทียมสื่อสาร แจงดาวเทียมใช้ความถี่ในการควบคุมดาวเทียมไม่ใช่คลื่นความถี่โทรคมนาคม การออกใบอนุญาตประกอบกิจการถูกต้องตาม กม. ด้าน “หมอลี่” ชี้ควรส่งเรื่องให้กฤษฎีกาตีความเพื่อความรอบคอบและไม่ถูกสอบจาก ป.ป.ช.
      
       ร.ท.เจษฎา ศิวรักษ์ เลขานุการรองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า จากกรณีที่ฝ่ายพัฒนากฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีพิมพ์แผ่นพับ "ไขข้อสงสัยปัญหากฎหมายเกี่ยวกับกิจการดาวเทียมสื่อสาร" มีความเห็นว่า กฎหมายระหว่างประเทศให้การยอมรับสิทธิในคลื่นความถี่ดาวเทียมเป็นหลัก ส่วนตำแหน่งวงโคจรเป็นเพียงเงื่อนไขประกอบการใช้คลื่นเท่านั้น ดังนั้นเมื่อรัฐได้รับสิทธิในคลื่นความถี่ดาวเทียมสื่อสารมาแล้ว ย่อมมีอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมายในการอนุญาตและกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งดาวเทียมมีคุณสมบัติในการส่งและรับคลื่นความถี่ จึงถือว่าใช้คลื่นความถี่ หาใช่แค่เป็นเหมือนกระจกสะท้อนคลื่น ดังนั้นเอกชนที่จะส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศจึงต้องประมูลสิทธิการใช้คลื่นความถี่นั้นตนเองไม่เห็นด้วย
      
       ทั้งนี้ เนื่องจากความถี่ที่ดาวเทียมใช้คือความถี่ในการควบคุมดาวเทียมไม่ใช่คลื่นความถี่ด้านโทรคมนาคมที่เป็นช่วงความถี่ที่ต้องจัดให้เกิดการประมูล การออกใบอนุญาตประกอบกิจการให้กับดาวเทียมสื่อสารของ กสทช.เป็นการให้ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม ซึ่งได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาอนุญาตไว้แล้วตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 ต่อมาเมื่อ พ.ร.บ.กำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 (พ.ร.บ.กสทช.) ได้กำหนดให้กิจการดาวเทียมสื่อสารเป็นกิจการโทรคมนาคมที่จะต้องขอรับใบอนุญาต ในการพิจารณาอนุญาตในกรณีนี้จึงย่อมสามารถนำหลักเกณฑ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันมาใช้ในการพิจารณาอนุญาตในกิจการดาวเทียมสื่อสารได้
      
       "วงโคจรดาวเทียมสื่อสารในอวกาศเป็นทรัพยากรที่ทั่วโลกใช้ร่วมกัน สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) จึงจัดสรรให้ใช้ไม่ใช่นำมาประมูล การที่ กสทช.ออกใบอนุญาตให้ก็เพื่อให้ผู้ประกอบการดาวเทียมสื่อสารนำใบอนุญาต เป็นเอกสารประกอบสำหรับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที และ ITU ได้คุยกัน กสทช.เราทำหน้าที่เป็นองค์กรอิสระเพื่อให้เกิดการแข่งขัน บทบาทของเราไม่ใช่รัฐที่ต้องผูกขาดธุรกิจไว้ที่รัฐ เราเป็นองค์กรที่ต้องทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์"
      
       ด้าน น.พ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านคุ้มครองผู้บริโภคและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ กล่าวว่า ตนเองไม่เห็นด้วยมานานแล้วกับการให้ใบอนุญาตดาวเทียมสื่อสารเพราะทำให้รัฐบาลเสียรายได้ จากเดิมที่ต้องจ่ายค่าสัญญาสัมปทานให้รัฐผ่านกระทรวงไอซีทีมากกว่า 2% ตามเงื่อนไขสัญญาสัมปทาน กลับต้องมาจ่ายเป็นเพียงค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ กสทช.ไม่เกิน 2% ของรายได้ ซึ่งทำให้เอกชนอย่าง บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เริ่มทยอยนำดาวเทียมที่หมดสัญญาสัมปทานมาขอใบอนุญาตใหม่แล้วถึง 2 ดวง คือ ไทยคม 7 และไทยคม 8
      
       ดังนั้น หากปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป สุดท้ายไทยคมก็จะนำดาวเทียมที่ทยอยหมดสัญญาสัมปทานมาขอใบอนุญาตทั้งหมด จนทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้มหาศาล ซึ่งที่ผ่านมาสำนักกฎหมายโทรคมนาคมของ กสทช.ก็มีการตั้งคำถามเรื่องดังกล่าวเหมือนกัน แต่กรรมการ กสทช.ไม่มีใครนำเรื่องไปให้กฤษฎีกาตีความว่าดาวเทียมเข้าข่ายเป็นคลื่นความถี่หรือไม่
      
       ดังนั้น เพื่อความรอบคอบ เมื่อมีความเห็นท้วงติงมาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และเพื่อไม่ให้ถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้ามาตรวจสอบภายหลังถึงความไม่โปร่งใสในการให้ใบอนุญาต คณะอนุกรรมการฯ ต้องนำเรื่องเสนอต่อคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) หรือเลขาธิการ กสทช.ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมต่อคณะกรรมการ กสทช. เพื่อตัดสินใจว่าจะนำเรื่องดาวเทียมสื่อสารที่มีข้อข้องใจอยู่นี้ส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความให้แล้วเสร็จหรือไม่ ซึ่งตนเองคาดว่าเร็วๆ นี้คณะอนุกรรมการฯ จะต้องนำเรื่องเสนอเข้าที่ประชุมให้คณะกรรมการ กทค.พิจารณาหลังจากที่ยืดเยื้อมานาน
      
       "ต้องยอมรับว่าคณะอนุกรรมการฯ ก็มีความเห็นต่างกัน บางท่านก็เชื่อว่าดาวเทียมสื่อสารไม่ต้องประมูล บางท่านก็เชื่อว่าต้องประมูล ดังนั้นเชื่อว่าอนุกรรมการฯ จะส่งความคิดเห็นมาทั้ง 2 รูปแบบ เพื่อให้อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่คณะกรรมการ กสทช.ว่าจะส่งความเห็นต่างนี้ไปให้กฤษฎีกาตีความหรือไม่ ที่ผ่านมาเราก็รอว่าเมื่อไหร่อนุกรรมการฯ จะส่งเรื่องมาให้พิจารณาเสียที แต่เมื่อมีการตั้งข้อสังเกตมาจากสำนักงานกฤษฎีกา อนุกรรมการฯ ก็ต้องเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด"
      
       อย่างไรก็ตาม หากคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่าดาวเทียมสื่อสารคือคลื่นความถี่ที่ต้องประมูล ดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 จะมีผลย้อนหลังต้องดำเนินการประมูลตามมาตรา 45 ภายใต้ พ.ร.บ.กสทช. ซึ่ง กสทช.ก็ต้องมาหาทางออกร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้รัฐบาลมีรายได้ แม้ว่าจะไม่มีเอกชนรายใดเข้ามาประมูลแข่งก็ตาม

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 19:08:29


ความคิดเห็นที่ 27 (3758493)

"เบอร์ดิช" ซ้อมเข้ม ปรับตัวลุยศึกเทนนิสที่หัวหิน

โทมัส เบอร์ดิช" ลงฝึกซ้อมเป็นครั้งแรกนานกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อปรับสภาพร่างกายให้เข้ากับสภาพอากาศของเมืองไทย ขณะที่ "ฟาบิโอ ฟอจนินี" เพิ่งมาถึง รอซ้อมพรุ่งนี้...

28 ธ.ค. ความเคลื่อนไหวการแข่งขันเทนนิสรายการใหญ่ "เวิลด์ เทนนิส ไทยแลนด์ แชมเปียนชิพ 2015" ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และชิงเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3.2 ล้านบาท ที่สนามเซ็นเท็นเนียล ปาร์ค หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม-2 มกราคมนี้ ล่าสุด "โทมัส เบอร์ดิช" นักเทนนิสชาวเช็ก มืออันดับ 7 ของโลก ที่เดินทางมาถึงไทยเป็นคนแรก ได้ลงฝึกซ้อมเป็นครั้งแรก ภายในสนามฝึกซ้อม ของสนามแข่ง เซ็นเท็นเนียล ปาร์ค หัวหิน และใช้เวลาในการลงฝึกซ้อมกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง

ภายหลังจากการฝึกซ้อม เบอร์ดิช เปิดเผยว่า ได้มีโอกาสลงฝึกซ้อมเป็นครั้งแรก หลังจากเดินทางมาถึงไทย เพื่อเตรียมพร้อมร่วมการแข่งขันเวิลด์ เทนนิส ไทยแลนด์ แชมเปียนชิพ 2015 ซึ่งระหว่างการฝึกซ้อม ได้ใช้เครื่องเช็กระดับการเต้นของหัวใจอยู่ตลอดเวลา เพื่อเป็นการปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศ

เบอร์ดิช กล่าวต่อว่า แม้ว่าสภาพอากาศจะค่อนข้างร้อน แต่ได้พยายามวัดระดับการเต้นของหัวใจ และพยายามปรับสภาพร่างกายให้พร้อมกับการแข่งขันรายการนี้ แต่โดยรวมแล้ว สามารถปรับสภาพร่างกายให้เข้ากับสภาพอากาศได้ ส่วนตัวคิดว่ามีความฟิตเต็มที่ และคิดว่าทัวร์นาเมนต์นี้ จะเป็นการแข่งขันที่สนุกอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกดีใจที่มีโอกาสได้กลับมาลงแข่งขันที่เมืองไทยอีกครั้ง หลังจากเมื่อปีก่อนได้เข้าร่วมการแข่งขันเทนนิสไทยแลนด์ โอเพ่น 2013 ไปแล้ว

ส่วน ฟาบิโอ ฟอจนินี มือ 20 ของโลก จากอิตาลี พร้อมแฟนสาว ฟลาเวีย เพนเน็ตตา นักเทนนิสสาวมืออันดับ 12 ของโลกชาวอิตาลี ได้ออกเดินทางมามุ่งหน้ามายังประเทศไทยแล้วในช่วงเย็นวันเดียวกัน ด้วยสายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ เที่ยวบินอีเค 418 หลังจากต้องเลื่อนกำหนดการเดินทาง เดิมที่จะมาถึงประเทศไทยในช่วงเช้า ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินทีจี 921 เนื่องจากติดปัญหาด้านสภาพอากาศ

ด้านนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายกลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า หลังจากเบอร์ดิชเดินทางมาถึงเมืองไทยเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ที่ผ่านมา ก็เข้าพักที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ก่อนที่เบอร์ดิชจะลงฝึกซ้อมที่สนามซ้อมภายในสนามเซ็นเท็นเนียล ปาร์ค หัวหิน เป็นคนแรกไปแล้ว ขณะที่ ฟอจนินี เมื่อเดินทางมาถึงก็จะลงฝึกซ้อมในวันรุ่งขึ้น ส่วนนักหวดมือท็อป 20 โลกที่เหลือ จะทยอยเดินทางมาถึงเมืองไทยในวันที่ 29 และ 30 ธันวาคมตามลำดับ ทั้ง มิลอส ราโอนิค มือ 8 ของโลก จากแคนาดา, ดาบิด เฟร์เรร์ มือ 10 ของโลก จากสเปน, จอห์น อิสเนอร์ มือ 19 ของโลก จากสหรัฐฯ และ ริชาร์ด กาสเกต์ มือ 26 ของโลก จากฝรั่งเศส

สำหรับศึกเวิลด์ เทนนิส ไทยแลนด์ แชมเปียนชิพ 2015 จะมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันทางทรูวิชั่นส์ 3 ช่องทางคือ ทรู เทนนิส เอชดี (ช่อง 670), ทรูโฟร์ยู (ช่อง 2 และ 34, จานดาวเทียมช่อง 4 และ 34 รวมถึงกล่องทีวีดิจิทัลช่อง 24) และ รับชมผ่านทางแอพพลิเคชั่น ทรูวิชั่นส์ เอนีแวร์ โดยยังจะถ่ายทอดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ในต่างประเทศ อาทิ จีน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง ออสเตรเลีย รวมถึงประเทศในเอเชียตะวันออกกลาง ยุโรป และอเมริกา ด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 19:17:00


ความคิดเห็นที่ 28 (3758495)
เมื่อซอฟต์แวร์ แผนที่และดาวเทียม เชื่อมโลกกับยานยนต์


เปิดโลกยนตรกรรม : เมื่อซอฟต์แวร์ แผนที่และดาวเทียม เชื่อมโลกกับยานยนต์ : โดย...ยุทธพงษ์ ภาษี
 
                               คอนติเนนทอล ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำของโลก เตรียมจัดแสดงเทคโนโลยีแห่งอนาคต อิเล็กทรอนิกส์ ฮอไรซอน (Electronic Horizon) หรือ อีฮอไรซอน (eHorizon) ในงานซีอีเอสโชว์ (Consumer Electronics Show 2015 : CES) ซอฟต์แวร์นี้ทำให้ผู้ให้บริการรถบรรทุกสแกนเนียประหยัดนน้ำมันดีเซลได้ถึง 63 ล้านลิตร นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 จากการประมาณการของคอนติเนนทอล เฮลมุต มัตส์ชี กรรมการบริหารและหัวหน้ากลุ่มธุรกิจอุปกรณ์ภายในยานยนต์ของคอนติเนนทอล อธิบายการทำงานว่า โดยหลักการ เทคโนโลยี อีฮอไรซอน จะอาศัยแผนที่ดิจิทัลเพื่อช่วยเตรียมการเดินทางให้แก่ยานยนต์ โดยการตรวจเช็กสถานการณ์บนถนนล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการใช้น้ำมันได้มาก
 
                               ในงาน CES ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 6-9 มกราคม 2558 คอนติเนนทอลจะจัดแสดงเทคโนโลยี  อีฮอไรซอน ที่ได้รับการพัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรอย่างไอบีเอ็ม และบริษัทคลาวด์ Here โดยเทคโนโลยีใหม่ หรือที่รู้จักกันในนาม ไดนามิก อีฮอไรซอน ซึ่งจะเชื่อมคลาวด์ Here แผนที่ดิจิทัลแบบเรียลไทม์ และระบบคลาวด์ ของไอบีเอ็ม ซึ่งจะช่วยให้ทราบข้อมูลของเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เช่น สภาพอากาศ อุบัติเหตุ หรือการจราจรที่ติดขัด “ระบบคลาวด์ ไดนามิก อีฮอไรซอน จะเปลี่ยนแผนที่ดิจิทัลให้กลายเป็นผู้ให้บริการข้อมูลที่มีความแม่นยำสูงและอัพเดทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ขับขี่สามารถใช้ข้อมูลให้เป็นประโยชน์ได้มากกว่าการใช้เทคโนโลยีนี้นำทางเพียงอย่างเดียว
 
                               "ด้วยวิธีนี้ เราจะเดินทางด้วยรถยนต์หรือรถบรรทุกอย่างได้ปลอดภัย มีประสิทธิภาพและสะดวกสบายมากขึ้น” เฮลมุต กล่าวภายในงานคอนติเนนทอลจะโชว์ นวัตกรรมเด่น สำหรับการแสดงผล เทคโนโลยี การเชื่อมต่อ สาระบันเทิง การช่วยเหลือผู้ขับขี่ และการจัดการเครื่องยนต์ และจะแสดงให้เห็นว่า ส่วนประกอบและระบบเหล่านี้มีประโยชน์มากเมื่อเชื่อมต่อรถยนต์เข้ากับคลาวด์
 
                               อีฮอไรซอนซอฟต์แวร์พื้นฐานของการใช้งานที่หลากหลาย
 
                               ระบบนี้จะช่วยเหลือผู้ขับขี่ หรือพฤติกรรมตอบสนอง เช่น การเบรก หรือการบังคับพวงมาลัยเพื่อตอบสนองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบนถนนนั้น สามารถเตรียมการได้ล่วงหน้า และได้ก่อนที่ตัวเซ็นเซอร์ของรถยนต์จะบอกสถานการณ์นั้นอีก เช่น เตือนผู้ขับว่า เมื่อผ่านโค้งนี้ไปจะเจอกับรถที่จอดติดกันอยู่บนท้องถนน ระบบอัตโนมัติจะลดความเร็วลง แทนที่จะเหยียบเบรกเต็มแรงเมื่อตัวเซ็นเซอร์ส่งสัญญาณเตือนว่ามีรถติดอยู่ข้างหน้า ช่วยให้การขับรถในระบบอัตโนมัติเป็นเรื่องสะดวกสบายมาก เพราะ อีฮอไรซอน ทำหน้าที่เป็นแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมให้แก่เซ็นเซอร์รถยนต์”
 
                               อีฮอไรซอน จะช่วยให้ข้อมูลเส้นทางแบบ 3 มิติ แก่ระบบการควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control System) ด้วยการใช้ข้อมูลที่แสดงข้อมูลเส้นทางภูมิประเทศบนแผนที่ดิจิทัลของ Here และสัญญาณจีพีเอสที่ถูกบันทึกไว้ในรถบรรทุก ดังนั้นระบบควบคุมความเร็วแบบอัตโนมัตินี้ก็จะสามารถใช้ข้อมูล และปรับความเร็วให้เข้ากับสถานการณ์บนถนนด้านหน้า ซึ่งจะช่วยลดการใช้น้ำมันได้เป็นอย่างมาก โดยสถิติลดการใช้น้ำมันที่กล่าวถึงข้างต้นทดสอบโดยคอนติเนนทอลและสแกนเนียตั้งแต่มีการเปิดตัวในปี 2555 โดยการประมาณการยังถูกคำนวณจากระบบเทคโนโลยีนี้ที่ถูกขายไปในระหว่างปี 2555 ถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2557 ข้อมูลสำคัญหลักๆ คือ ไมล์สะสมเฉลี่ยของรถบรรทุกต่อคันต่อปี อยู่ที่ 150,000 กิโลเมตร ใช้น้ำมันดีเซลโดยเฉลี่ย
ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 19:23:36


ความคิดเห็นที่ 29 (3758498)

ซุปเปอร์วีไอพีแอร์สตรีมอินเตอร์สเตท มะกันจัดตั้งเถ้าแก่ชัชลุยทั่วอาเซียน



ค่ายคาร์แมกซ์ พระราม 9 กรุ๊ป ของ “เถ้าแก่ชัช” ชัชชัย สิทธิเดชชาญชัย หนึ่งในผู้นำธุรกิจนำเข้ารถยนต์อิสระ มีโชว์รูมหรูพร้อมศูนย์มาตรฐานบนถนนพระราม 9

ได้รับการแต่งตั้งจาก “แอร์สตรีม” ในเครือ “กลุ่มธอร์” ผู้นำตลาดรถซุปเปอร์วีไอพี ทั้งที่เป็นรถตู้บ้านและรถกึ่งพ่วง อันเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของชาวอเมริกัน ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่ผู้เดียวในอาเซียน

 
 

เมื่อปลายปีที่แล้วได้เริ่มทำตลาดรุ่นแรก คือ รถกึ่งพ่วง “แอร์สตรีม ทราเวล เทรลเลอร์” ปรากฏว่าไปโลด

สำหรับต้นปีนี้ เตรียมช็อกตลาดด้วยนวัตกรรมใหม่ ซึ่งถือเป็นเรือธง “แอร์สตรีม อินเตอร์สเตท”

พร้อมเปิดตัวเป็นทางการต่อสาธารณชนในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ ที่ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี ช่วงกลางเดือน มี.ค.นี้

 
 

สำหรับ แอร์สตรีม อินเตอร์สเตท เป็นรถตู้หรูระดับซุปเปอร์วีไอพี โดยบอดี้พัฒนามาจาก “รถเบนซ์ สปรินเตอร์ใหม่” รุ่นโมเดลเชนจ์ปี 2015 ได้รับการสนับสนุนจากทางเบนซ์ที่เยอรมนี

ดังนั้นรถแอร์สตรีมรุ่นนี้เป็นสเปกไทย ศูนย์บริการถเบนซ์ที่เป็นทางการทุกแห่งพร้อมให้บริการหลังการขาย

ภายในห้องโดยสารตั้งใจให้เป็นรถสำหรับบุคคลระดับวีไอพี เจ้าของกิจการ ผู้บริหารระดับสูง นักการเมือง บรรดาเซเลบ รวมทั้งผู้ที่อยู่ในโลกบันเทิง และผู้รัก ครอบครัว ซึ่งชีวิตประจำวันส่วนใหญ่อยู่ในรถ ได้พักผ่อนแสนสบายเหมือนอยู่บ้าน

 

โดยเบาะที่นั่งกว้างใหญ่ทำด้วยหนังแท้ มีถึง 11 ที่นั่ง สามารถตั้งโต๊ะนั่งคุยหรือทำงานได้ถึง 2 ตำแหน่งคือส่วนหน้ารถและด้านท้ายรถ

ด้านท้ายรถออกแบบเป็นโซฟาหรู สามารถดัดแปลงเป็นเตียงนอนใหญ่ให้นอนสบายๆได้ 2 คน

ภายในรถยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกทั้งห้องน้ำส่วนตัว (มีเครื่องทำน้ำอุ่น) ชุดครัวซึ่งมีตู้เย็น เตาอบไมโครเวฟ อ่างล้างจาน และเครื่องชงกาแฟ แถมมีระบบความบันเทิงเต็มเหนี่ยวด้วยโทรทัศน์ขนาดจอ 22 นิ้ว เครื่องเล่นบลูเรย์ สายต่อจานดาวเทียม พร้อมระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย

ด้านข้างรถออกแบบให้มีกันสาดไฟฟ้ายื่นออกมาเพื่อการพักผ่อน

สนนราคาพิเศษสุดเฉพาะช่วงนี้ รุ่นมาตร-ฐาน 7.99 ล้านบาท ส่วนรุ่นเอ็กซ์ตร้าลอง 8.39 ล้านบาท

 

การรับประกันเป็นแบบ 2+3 นั่นคือ เบนซ์ให้ประกัน 2 ปี หรือระยะทาง 200,000 กม. ส่วนแอร์สตรีมให้ประกันอีก 3 ปี หรือระยะทาง 57,000 กม.


ได้รับโควตาในไทยแค่ 100 คัน

พร้อมส่งมอบตั้งแต่งานบางกอกมอเตอร์โชว์เป็นต้นไป!!!

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 19:32:27


ความคิดเห็นที่ 30 (3758499)

ตรัง - กลุ่มชมรมประมงพื้นบ้าน จ.ตรัง ยังข้องใจโครงการติดแท็กสัญญาณดาวเทียมพะยูน 3 ตัว เกรงสร้างผลกระทบต่อสัตว์ทะเลหายาก ด้านหัวหน้าอุทยานฯ หาดเจ้าไหม ยืนยันทุกอย่างทำถูกต้อง


       
       วันนี้ (7 ม.ค.) ที่มูลนิธิอันดามัน อ.เมือง จ.ตรัง คณะกรรมการชมรมประมงพื้นบ้าน จ.ตรัง กว่า 30 คน นำโดย นายอะเหร็น พระคง ประธานชมรมประมงพื้นบ้าน นายอิสมาแอล เบ็ญสะอาด นายไมตรี วิเศษศาสตร์ นายแสวง ขุนอาจ ร่วมกับ นายสิงห์สยาม มุกดา ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์เมืองตรัง ได้จัดเวทีซักถาม นายมาโนช วงศ์สุรีย์รัตน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง ต่อกรณีที่อุทยานฯ และทีมนักวิจัยไทย-ญี่ปุ่น นำโดย ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน จ.ภูเก็ต ได้ดำเนินโครงการติดแท็กสัญญาณดาวเทียมพะยูน จำนวน 3 ตัว เพื่อศึกษาพฤติกรรมความเป็นอยู่ รวมทั้งแหล่งอาหารหญ้าทะเล และเส้นทางการอพยพย้ายถิ่นบริเวณท้องทะเลตรัง


       
       สำหรับการเปิดเวทีครั้งนี้ มี นายสนิท องศารา ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 5 (นครศรีธรรมราช) พร้อมเจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานแห่งชาติ เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย ขณะที่คณะกรรมการชมรมประมงพื้นบ้าน จ.ตรัง ต่างมีการแสดงความเห็นที่หลากหลาย และแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยต่อการติดแท็กพะยูน พร้อมยื่นข้อเสนอให้มีการยุติโครงการดังกล่าวทันที เพราะเกรงเกิดผลกระทบต่อพะยูนมากไปกว่านี้ เนื่องจากเห็นว่าเครื่องมือที่นำมาติดที่ส่วนหางของพะยูนนั้นต้องผูกติดอยู่ตลอดเวลา กลายเป็นการทรมานสัตว์ให้ไม่สามารถใช้ชีวิตตามธรรมชาติได้ อีกทั้งมีชาวบ้านพบเห็นพะยูนบางตัวป่วย และบาดเจ็บ ซึ่งคาดว่าสาเหตุอาจจะมาจากโครงการดังกล่าว โดยทางคณะกรรมการชมรมประมงพื้นบ้าน จ.ตรัง มีมติให้ย้าย นายมาโนช วงษ์สุรีย์รัตน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ออกจากพื้นที่ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้
      
       ด้าน นายอิสมาแอล เบ็ญสะอาด กรรมการชมรมประมงพื้นบ้าน จ.ตรัง กล่าวว่า ขอให้ยุติโครงการทั้งหมดไว้ก่อนแล้วค่อยหาทางออกร่วมกันเพื่อหาวิธีที่จะอนุรักษ์พะยูนให้คงอยู่ต่อไป แต่หากทางอุทยานฯ ยังไม่ยอมฟังเสียงประชาชน ทางชมรมจำเป็นต้องเดินหน้าทุกรูปแบบเพื่อกดดันให้ยุติโครงการนี้

 
  
       ขณะที่ นายอะเหร็น พระคง ประธานชมรมประมงพื้นบ้าน จ.ตรัง กล่าวว่า สิ่งที่ชมรมออกมาเคลื่อนไหวนั้นไม่ได้ต้องการต่อรองเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เพียงแค่ต้องการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พะยูนอย่างจริงจัง และชมรมได้ดำเนินการดูแลทรัพยากรธรรมชาติในท้องทะเลตรังมาอย่างยาวนาน โดยไม่เคยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ มีการใช้เงิน และอุปกรณ์ส่วนตัวตลอดมา เพราะทุกคนคิดว่าทะเล และทรัพยากรมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตเป็นอย่างมาก
      
       ด้าน นายมาโนช วงษ์สุรีย์รัตน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง กล่าวชี้แจงว่า ก่อนที่ตนและทีมงานจะดำเนินโครงการติดแท็กดังกล่าว ได้มีการศึกษาค้นคว้าวิเคราะห์ข้อมูลรอบด้าน และวิธีการที่ใช้ก็เป็นรูปแบบเดียวกับที่หลายประเทศยอมรับ ส่วนงบประมาณที่ใช้ในโครงการนี้ก็เป็นงบประมาณยุทธศาสตร์ จ.ตรัง ประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งตนได้ทำเป็นรายงานไว้ทั้งหมดว่ามีค่าใช้จ่ายอย่างไร พร้อมที่จะให้ทุกคนได้พิสูจน์ว่าสิ่งที่ได้กระทำนั้นนับเป็นประโยชน์ โดยจะทำให้ได้ทราบถึงวงจรชีวิตพะยูนเพื่อหาทางอนุรักษ์ต่อไป
      
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นจากการประชุม ทางคณะกรรมการชมรมประมงพื้นบ้าน จ.ตรัง และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จะร่วมกันลงสำรวจพื้นที่ทะเลตรัง เพื่อตรวจสอบดูว่าพะยูนตัวที่ถูกติดแท็กนั้นดำรงชีวิตอยู่อย่างไรในขณะนี้

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2015-01-09 19:38:03


ความคิดเห็นที่ 31 (4049440)

ประโยค "OH MY GOD" กลายเป็นชื่ออาหารเสริมผู้ชาย เพราะสาวๆชอบอุทานออกมา >..<

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คันหู วันที่ตอบ 2016-07-25 15:07:42



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.