ReadyPlanet.com


ข่าวดาวเทียม,ข่าวเกียวกับจสนดาวเทียม 12 june2013


“พงศ์เทพ” เผยเด็ก ร.ร.เล็กเรียนทางไกลผ่านดาวเทียมผลการเรียนดีขึ้น

“พงศ์เทพ” เผยโรงเรียนขนาดเล็กที่สุพรรณเรียนการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมวังไกลกังวลทำให้ผลการเรียนสูงขึ้น ชี้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
      
       วันนี้ (20 มิ.ย.) นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังการเยี่ยมชมการจัดการศึกษาโรงเรียนวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า ตนได้รับคำเชิญจากนายขวัญแก้ว วัชรโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ให้มาเยี่ยมชมตัวอย่างการจัดการศึกษาของโรงเรียนวังไกลกังวลเพื่อเป็นต้นแบบให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ ซึ่งจากการเยี่ยมชมพบว่า มีการจัดการเรียนการสอนที่น่าชื่นชม เด็กมีระเยียบวินัยที่ดี และการจัดการเรียนการสอนได้ใช้ครูที่มีความเชี่ยวชาญมาเป็นผู้สอน

     นอกจากนี้โรงเรียนแห่งนี้ยังมีการจัดการเรียนสอนเพืิ่อถ่ายทอดการจัดการจัดการศึกษาผ่านระบบโทรทัศน์ไปยังโรงเรียนอื่น โดยเฉพาะโรงเรียนที่ขาดแคลนครูรวมถึงโรงเรียนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้และโรงเรียนขนาดเล็กที่ไม่สามารถควบรวมได้ เช่น โรงเรียนในจ.สุพรรณบุรี ได้ใช้ประโยชน์จากโทรทัศน์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมวังไกลกังวลด้วย ซึ่งทำให้ผลการเรียนของเด็กสูงขึ้น
      
       “การเรียนรู้ผ่านระบบโทรทัศน์ดาวเทียมเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ผู้บริหารโรงเรียนจะนำมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ซึ่งโรงเรียนที่ไม่ได้มีปัญหาขาดแคลนครูก็สามารถใช้ประโยชน์ได้ เพราะครูสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดการเรียนการสอนของตนเองได้ ทั้งนี้มีผลวิจัยว่าโรงเรียนที่คุณภาพการศึกษาไม่ถึงเกณฑ์เมื่อมาใช้การเรียนการสอนผ่านระบบดังกล่าวก็ทำให้ผลการเรียนของเด็กดีขึ้น” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
      
       นายพงศ์เทพ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการได้สนับสนุนจานดาวเทียมและอุปกรณ์รับสัญญาณระบบดังกล่าวให้โรงเรียนทั่วประเทศแล้ว ประมาณ 10,000 แห่ง ซึ่งขณะนี้ก็พบว่าบางแห่งก็ใช้ประโยชน์ไม่เต็มที่ เพราะอาจมีปัญหาชำรุด ดังนั้นจึงมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ไปซ่อมแซม แต่หากเกินความสามารถก็ให้ช่างผู้เชี่ยวชาญมาดำเนินการแก้ไข และหากไม่สามารถแก้ปัญหาได้ก็จะเสนอของบประมาณเพื่อจัดซื้อและนำมาทดแทนต่อไป
 



ผู้ตั้งกระทู้ ข่าวดาวเทียม :: วันที่ลงประกาศ 2013-07-02 07:36:30


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3311839)

นิเทศป.โทเนชั่นสุดล้ำ จัดการสื่อใหม่-ดิจิทัลทีวี
มหาวิทยาลัยเนชั่นร่วมกับ บริษัท เนชั่นบรอดแคสติ้ง เปิดหลักสูตรปริญญาโทนิเทศศาสตร์มหาบัณฑิตล้ำสมัย "การบริหารจัดการสื่อใหม่"

นายจักร์กฤษ เพิ่มพูล คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยเนชั่น เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ NBC หลอมรวมระหว่าง "วิชาการสายนิเทศศาสตร์" กับ "วิชาชีพ" ที่มาจากผู้เชี่ยวชาญการบริหารจัดการสื่อใหม่ ออกแบบหลักสูตรนิเทศศาสตร์มหาบัณฑิต "การบริหารจัดการสื่อใหม่" (Master of Communication Arts Program in New Media Management: NMM )ให้เป็นหลักสูตรแรกในประเทศไทยที่ใช้กรณีศึกษาจากโลกนิวมีเดียมาให้นักศึกษาระดับปริญญาโทได้เรียนรู้การบริหารจัดการให้พัฒนาและอยู่รอด ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของสื่อยุคใหม่

หลักสูตรนี้ เปิดครั้งแรกที่ ม.เนชั่น ลำปาง ปลายเดือนส.ค.นี้ โดยผู้สนใจที่อยู่ในพื้นที่ลำปางและจังหวัดในภาคเหนือ ลงทะเบียนเรียนหลักสูตรปริญญาโทนิเทศศาสตร์ที่ ม. ลำปาง ส่วนผู้สนใจที่อยู่ในกรุงเทพฯ และภาคกลาง สามารถเรียนร่วมกับลำปางผ่านระบบ i-Classroom ที่ศูนย์การศึกษานอกที่ตั้งที่ ม.เนชั่น บางนา และเรียนทางออนไลน์ย้อนหลังได้ตลอดเวลา

นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลักสูตรนิเทศศาสตร์มหาบัณฑิต การบริหารจัดการสื่อสมัยใหม่ ออกแบบให้ผู้เรียนมีความสะดวกในการเรียนทั้งในห้องเรียนที่ลำปางและเนชั่น บางนา หลังจากเรียนที่ลำปางระยะหนึ่งแล้ว จะเดินทางเข้ามาทัศนศึกษาที่กรุงเทพฯ เพื่อเรียนรู้จากผู้บริหารระดับสูงของบริษัทสื่อ-บันเทิงชั้นนำของประเทศ โดยเอ็นบีซี ร่วมกับ ม.เนชั่น พัฒนากรณีศึกษามากกว่า 10 กรณีศึกษาจากธุรกิจสื่อทุกด้านทั้งจากในและต่างประเทศพร้อมผู้บริหารระดับสูงร่วมถ่ายทอดประสบการณ์แบบเจาะลึก

กลุ่มบรอดแคสติ้ง จะใช้กรณีศึกษาธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิกรายใหม่ที่มาแรงสุด คือ บริษัท CTH จากธุรกิจเคเบิลทีวีท้องถิ่นสู่เคเบิลทีวีระดับชาติ ด้วยการใช้ King og Contents ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเป็นหัวหอก ซึ่งคุณวิชัย ทองแตง ประธานบริษัทซีทีเอชโฮลดิ้ง จะมาบรรยายพิเศษเอง นอกจากนี้มีเจ้าของเคเบิ้ลทีวีท้องถิ่นรายใหญ่ในนครราชสีมา KCTV คุณบำรุง วสันต์กรณ์ อดีตนายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย, คุณวิชิต เอื้ออารีวรกุล เจ้าของเจริญเคเบิลทีวี รายใหญ่ในกรุงเทพฯ เจ้าของแนวคิด "เคเบิลทีวีแนวดิ่ง ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์

ผู้เชี่ยวชาญจาก กสทช. จะมาถ่ายทอดกระบวนการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทยในรอบ 50 ปี ขณะที่ ดร.สิขเรศ ศิรากรานต์ เจ้าของวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก หัวข้อ Digital TV in Thailand จากมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียที่ได้ศึกษาบทเรียนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในแต่ละประเทศอย่างลึกซึ้ง

นายเดียว วรตั้งตระกูล ผู้บริหารของกลุ่มแกรมมี่ ที่ดูแลธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียมและแพลทฟอร์มมาตั้งแต่เริ่มต้น, ผู้บริหารจากทรูวิชั่นส์ที่กำลังถูกท้าทายจากการแข่งขันรายใหม่ ผู้บริหารของกลุ่มอาร์เอสที่ประสบความสำเร็จกับการปรับเปลี่ยนธุรกิจเพลงแบบเก่าขายซีดีสู่ธุรกิจเพลงแบบดิจิทัลขายผ่านการดาวน์โหลด ก้าวสู่การสร้างช่องโทรทัศน์ดาวเทียม, คุณเกรียงศักดิ์ ศิลากอง ผู้อำนวยการเทศกาลภาพยนตร์โลก ที่จะมาเปิดโลกธุรกิจภาพยนตร์ทั่วโลกที่กำลังไปสู่ยุคดิจิทัลเธียร์เตอร์

ขณะที่การเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจสื่อครั้งสำคัญของเครือเนชั่น จากสื่อสิ่งพิมพ์สู่สื่อโทรทัศน์-นิวมีเดีย มุ่งมั่นสู่การประมูลดิจิทัลทีวี ด้วยแนวคิดการปรับระบบทำงานของกองบรรณาธิการในรูปแบบ Convergence Newsroom ซึ่งกำลังพัฒนาไปสู่ Convergence นิวมีเดีย,การหารายได้ ฯลฯ

นายสุทธิชัย หยุ่น ประธานเครือเนชั่น นำทีมผู้บริหารระดับสูง เช่น คุณดวงกมล โชตนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทเนชั่น มัลติมีเดียกรุ๊ป จำกัด(มหาชน), คุณเทพชัย หย่อง บรรณาธิการอำนวยการเครือเนชั่น ฯลฯ ถ่ายทอดการบริหารจัดการ "สื่อเก่ากับสื่อใหม่" เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืนได้อย่างไร

รวมถึง "กูรู"ในแวดวงนิวมีเดีย เช่น คุณภาวุธ พงษ์วิทยาภานุ ผู้ก่อตั้ง Tarad.com บอกเล่าถึงการตลาดออนไลน์ที่กำลังเติบโต ร่วมด้วยคุณต่อบุญ พ่วงมหา อดีตผู้บริหารสูงสุด Sanook.com ปัจจุบันมาเป็นกรรมการผู้อำนวยการธุรกิจสื่อใหม่ของเครือเนชั่น, คุณชุตินธรา วัฒนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ เนชั่นบรอดแคสติ้ง ที่พัฒนาสื่อใหม่-โซเชียลมีเดียของเอ็นบีซี, คุณวันฉัตร ผดุงรัตน์และคุณอภิศิลป์ ตรุงคานนท์ ผู้บริหารเวบไซต์ pantip.com, คุณอำนาจ ตรีนารัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณานิวมีเดีย ของบริษัทเนชั่น บรอดแคสติ้งฯ

ธุรกิจโฆษณา ถูกท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงของ Media Lanscape ถ่ายทอดประสบการณ์โดยคุณสุภาณี เดชาบูรณานนท์ อดีตประธานกรุ๊ปเอ็ม ประเทศไทย, คุณวรรณี รัตนพล นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย และผู้บริหารสูงสุดของ IPG, คุณเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท สปา ฮักกุโคโด และอดีตรองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน)

ธุรกิจดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งและไอเอ็มซี มีผู้ชำนาญ เช่น คุณทรงพล ชัญมาตรกิจ ซีอีโอ ทีวีไดเร็ค ผู้บุกเบิกธุรกิจ Home Shopping , คุณอนุวัตร เฉลิมไชย นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยและผู้บริหารรุ่นใหม่ของกลุ่มเอสซีจี, คุณประภาส ทองสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการธนาคารซีไอเอ็มบี, คุณนงค์นาถ ห่านวิไล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ เอ็นบีซี, คุณศิวพร ชมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการบริษัท NINE บริษัทด้าน Edutaiment ของเครือเนชั่น, คุณเอี่ยมศรี บุญหชัยรัตน์ กรรมการอำนวยการฝ่ายปฏิบัติการรายได้ของ บริษัท เนชั่นบรอดแคสติ้งฯ ผู้สนใจดูรายละเอียดหลักสูตรได้ทาง www.nation.ac.th

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ข่าวดาวเทียม วันที่ตอบ 2013-07-02 07:41:35


ความคิดเห็นที่ 2 (3311840)

อินทัช ทุ่ม "แสนล้าน" ลุย 4 ธุรกิจหลัก

อินทัช เดินหน้าแผนลงทุนเฉียดแสนล้านบาทใน 3 ปี รุก 4 กลุ่มธุรกิจหลัก รองรับโอกาสตลาดในประเทศขยายตัว เชื่อโอกาสยังเปิดกว้างการลงทุน

กลุ่มอินทัชมั่นใจเสถียรภาพเศรษฐกิจไทย วางกลยุทธ์มุ่งเป็นเครื่องมือของอุตสาหกรรม จะทำให้ธุรกิจรอดพ้นหากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ

นายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น หรือ อินทัช จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเชื่อมั่นในเสถียรภาพของกลุ่มอินทัชและเศรษฐกิจของไทยที่จากการคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ หรือ จีดีพี ยังอยู่ระดับ 4.7% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ประกอบกับกลุ่มอินทัชได้วางตัวจะเป็นเครื่องมือของอุตสาหกรรมมากกว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ดังนั้น หากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้น บริษัทยังมั่นใจจะไม่กระทบต่อแผนการลงทุนหรือธุรกิจ

"ภาพธุรกิจที่ผูกติดกับการเมืองยังไม่หมดไป แต่จากผลสำรวจและความรู้สึกที่สัมผัสได้จากตลาดพบว่าความเข้าใจของสังคมดีขึ้น"

ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปลี่ยนแปลงจากผู้กำเนิดธุรกิจคอมพิวเตอร์ในประเทศไทย มาเป็นผู้ให้บริการโทรคม ภายใต้ 4 บริษัทหลัก คือ อินทัช, เอไอเอส, ไทยคม และ ซีเอส ล็อกซอินโฟ สร้างเงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้เกิน 10% ของตลาดหลักทรัพย์ไทย หรือมีมูลค่าเกิน 1 ล้านล้านบาท และ เกิดการสร้างงาน 12,000 ตำแหน่ง

"ความรู้สึกของผู้คนที่ได้สัมผัส และการสำรวจแบรนด์ของเราพบว่าคอร์ปอเรท อิมเมจของเราดีขึ้นตามลำดับ และก็เชื่อว่าจะดีขึ้นอีกเรื่อยๆ จากบริการและธุรกิจที่เราทำ"

ลงทุนเฉียดแสนล้าน

ส่วนการลงทุนยังคงยืนตามแผนที่เคยกล่าวก่อนหน้านี้ คือ 7 หมื่นล้านบาทภายในกรอบเวลา 36 เดือนสำหรับเอไอเอส ขณะที่ไทยคมจะอนุมัติเงินลงทุนตามแผนธุรกิจดาวเทียมแต่ละดวง ซึ่งปัจจุบันกำลังเตรียมแผนจะให้บริการดาวเทียมไทยคม 6 ภายในปีนี้ ลงทุน 160 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 4,800 ล้านบาท ส่วน ไทยคม 7 เป็นการเข้าไปร่วมกับพาร์ทเนอร์คาดใช้งบลงทุน 170 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5,100 ล้านบาท แบ่งจ่ายภายใน 15 ปี ส่วน ไทยคม 8 กำลังศึกษาและตัดสินใจขั้นสุดท้าย ยังไม่ตั้งงบลงทุน

ขณะที่ธุรกิจทีวีดิจิทัลยังเป็นการประมาณการลงทุน เพราะว่าต้องรอสรุปเงื่อนไขการประมูลจาก กสทช. แต่เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบลงทุนสำหรับการประมูลไลเซ่น และการจัดตั้งบริษัทเพื่อทำสตูดิโอรวมราว 2 พันล้านบาท

บริษัทมองว่า การลงทุนในประเทศยังมีโอกาสสูงกว่า และไม่เป็นการเสียโอกาสเพราะอุตสาหกรรมในประเทศก็ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการลงทุนต้องดูที่กำลังและความสามารถของตัวเองด้วย

นอกจากนี้ บริษัทกำลังทำวิจัยและศึกษาตลาด รวมทั้งการเตรียมพร้อมด้านวิศวกรรมสำหรับการให้บริการ 4จี และ ไวร์ บรอดแบนด์ ที่จะเป็นการต่อยอดจากธุรกิจเดิมที่มี ซึ่งทั้งหมดยังไม่ตั้งงบลงทุน และการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ

ลุย4อุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม ทิศทางการลงทุนทั้งหมดจะอยู่ภายใน 4 อุตสาหกรรมหลักที่กลุ่มอินทัชให้ความสำคัญขณะนี้ คือ โทรคม, มีเดีย, ไอที และ ดิจิทัล คอนเทนท์ ภายใต้เป้าหมายทางธุรกิจสำคัญทั้งหมด 8 ด้าน คือ 3จี 2100 เมกะเฮิรตซ์, การได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการดาวเทียมประเภทที่ 3 จาก สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำหรับดาวเทียมไทยคม 7 มีแผนจะยิงขึ้นสู่วงโคจรในปี 2557

การสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยด้านธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ โทรคมนาคม และสื่อให้มีโอกาสเติบโตในฐานะเวนเจอร์ แคปปิตอล (Venture Capital), การให้บริการพื้นที่ในการจัดเก็บไฟล์ข้อมูลดิจิทัลในระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง กับลูกค้าองค์กร และบุคคลทั่วไป, การเข้าร่วมประมูลทีวีดิจิทัล 2 ช่อง คือ ช่องรายการเด็กและครอบครัว และ ช่องวาไรตี้ ซึ่งคาดว่าจะประมูลใบอนุญาตได้ภายในปีนี้ โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจ

พร้อมกันนั้น ปีนี้ อินทัช ยังเพิ่มโอกาสทางธุรกิจอีก 3 ด้าน ได้แก่ การก้าวสู่บริการ 4จี เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้บริการและเทคโนโลยีที่มีมากขึ้นในอนาคต, ธุรกิจดิจิทัล คอนเทนท์ และการให้บริการเครือข่ายบรอดแบนด์ความเร็วสูงแบบมีสาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการให้ครอบคลุมและมีศักยภาพมากขึ้น

ราคาหุ้น INTUCH ปิดตลาดวานนี้ (26 มิ.ย.) เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 2.16% อยู่ที่ 82.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,108.96 ล้านบาท

ส่วนราคาหุ้น THCOM ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 4.76% อยู่ที่ 33.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 346.74 ล้านบาท

ดันไวร์บรอดแบนด์เสริมโมบาย

นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าวว่า เอไอเอส กำลังเตรียมความพร้อมเปิดให้บริการ 4จี รวมถึงเปิดให้บริการเครือข่ายบรอดแบนด์ความเร็วสูงมีสาย (Wired Broadband) ซึ่งขณะนี้อยู่ขั้นตอนวิจัยด้านวิศวกรรมและศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค แต่ยังบอกกรอบเวลาที่ชัดเจนไม่ได้

ในเบื้องต้นที่ต้องลงทุนเพิ่มคือ เชื่อมไฟเบอร์ออปติคที่มีอยู่บ้างแล้วหลักหมื่นกิโลเมตรสู่ลูกค้าคอนซูเมอร์ ด้านโมเดลธุรกิจยังเปิดกว้างทั้งร่วมกับบริษัทในเครือ รวมทั้งหาคู่ค้าใหม่เข้ามาเสริมแล้วให้บริการร่วมกัน ทุกวันนี้เทคโนโลยีของแต่ละรายไม่ต่างกัน ที่จะเป็นตัวตัดสินคือการส่งมอบบริการสู่ลูกค้า เอไอเอสตั้งเป้าครองอันดับ 1 ตลาดต่อและในระยะยาว

"การเปิดให้บริการ 4จี และไวร์บรอดแบนด์ถือเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจเอไอเอสในอนาคต ทุกครั้งที่มีโอกาสเราจะไม่ปล่อยให้โอกาสนั้นให้ว่างเปล่า เมื่อ 4จีเปิดประมูลเราก็พร้อมเข้าร่วมเต็มที่" นายวิเชียร กล่าว

อย่างไรก็ดี บริการ 3จี คลื่น 2100 เมกะเฮิรตซ์ ของเอไอเอสยังไม่มีคู่แข่งรายใดสู้ได้ อีกทางหนึ่งการที่คู่แข่งออกมาทำกิจกรรมการตลาดช่วยเสริมให้บริษัทโดดเด่นมากขึ้น สำหรับกรณีคลื่น 1800 หวังว่าจะมีประมูลเกิดขึ้นโดยเอไอเอสพร้อมปฏิบัติตามที่ กสทช. กำหนด

สำหรับทิศทางตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบัน ต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนเครือข่ายไร้สายเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันก้าวสู่โมบายอินเทอร์เน็ตทั้งบนสมาร์ทโฟนและแทบเล็ต เห็นได้จากอัตราการเติบโตของจำนวนผู้ใช้บริการด้านดาต้าเอไอเอส สิ้นสุดไตรมาส 1 มีจำนวน 12.7 ล้านเลขหมาย เติบโต 4% จากเมื่อสิ้นปี 2555 ที่มี 12.2 ล้านเลขหมาย

ราคาหุ้น ADVACE ปิดตลาดวานนี้ (26 มิ.ย.) เพิ่มขึ้น 13.00 บาท หรือ 4.94% อยู่ที่ 276.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,366.45 ล้านบาท

อินทัช ทุ่ม "แสนล้าน" ลุย 4 ธุรกิจหลัก

ผู้แสดงความคิดเห็น ข่าวดาวเทียม วันที่ตอบ 2013-07-02 07:47:07


ความคิดเห็นที่ 3 (3311841)

"ไบโอแมส" ดาวเทียมเพื่อโลก

องค์การอวกาศแห่งยุโรป (อีเอสเอ) เตรียมการเพื่อจัดส่งดาวเทียมสำหรับใช้เพื่อการสำรวจโลกขึ้นสู่วงโคจรในปี 2020 ที่จะถึงนี้ เพื่อให้ทำหน้าที่สำรวจและจัดทำ "แผนที่ป่าไม้" ของโลกทั้งใบให้ละเอียดและครบถ้วนให้มากที่สุด

ดาวเทียมที่ว่านี้ถูกขนานนามเอาไว้ว่า "ไบโอแมส" ตัวดาวเทียมจะติดตั้ง "เรดาร์วิถีไกล" ที่สามารถยิงสัญญาณทะลุเมฆหนาๆ ลงมาเพื่อสำรวจและเก็บข้อมูลพื้นที่ป่าซึ่งไม่สามารถเข้าไปสำรวจทางภาคพื้นดินได้ อย่างเช่น พื้นที่ป่าทึบ บอเรียล ในรัสเซีย หรือพื้นที่ป่าฝน อะเมซอน ในอเมริกาใต้ เป็นต้น ข้อมูลที่ได้จะนำมาใช้เป็นฐานข้อมูลในการสร้างแผนที่ 3 มิติ ของพื้นที่ป่าอย่างละเอียดและครบถ้วน สำหรับให้นักวิจัยใช้เพื่อวัดปริมาณคาร์บอนที่กักเก็บเอาไว้ในพื้นที่ป่าเหล่านั้น ทำให้สามารถเข้าใจได้มากขึ้นว่า การตัดไม้ทำลายป่าจะสร้างความเสียหายให้กับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกอย่างไร มากหรือน้อยกว่าที่ประมาณการกันอยู่ในเวลานี้ และช่วยให้การกำหนดพื้นที่สำหรับการปลูกป่า การฟื้นฟูสภาพป่าเพื่อชะลอภาวะโลกร้อนดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แฮงค์ ชูการ์ท นักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา หนึ่งในคณะกรรมการที่ปรึกษาโครงการนี้เชื่อว่าโครงการมูลค่า 525 ล้านดอลลาร์นี้ จะยังประโยชน์ที่หาค่าไม่ได้ในการกำหนดนโยบายเพื่อสิ่งแวดล้อมโลก ที่เกี่ยวกับวัฏจักรคาร์บอนและภาวะโลกร้อนนั่้นเอง

 

ผู้แสดงความคิดเห็น "ไบโอแมส" ดาวเทียมเพื่อโลก วันที่ตอบ 2013-07-02 07:49:15


ความคิดเห็นที่ 4 (3311842)

โฆษณาสื่อดิจิตอลรุ่ง งบเพิ่มจาก1%สู่5%ปีเดียว

สมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย เผยสัดส่วนการตลาดโฆษณาผ่านสื่อดิจิตอลทุกประเภทขยายตัวจาก 1% เป็น 5% ในเวลาเพียงปีเดียว แต่โทรทัศน์ดาวเทียมและเคเบิลมีโอกาสโตได้ด้วยจุดเด่นด้านจำนวนความถี่ในการเผยแพร่ด้วยงบประมาณที่ต่ำกว่า รวมถึงจำนวนผู้ชมมี่สูงถึง 44% ขณะที่มูลค่าตลาดงบโฆษณารวมฟรีทีวีครึ่งปีแรก 2556 ทะลุ 28,285 ล้านบาท

นายไตรลุจน์ นวะมะรัตน์ อุปนายกสมาคมมีเดียเอยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบัน สื่อโฆษณาเข้าถึงผู้บริโภคได้ในทุกช่องทางมากขึ้น โดยเฉพาะสื่อดิจิตอลโดยรวม ทั้งอินเทอร์เน็ต สมาร์ทโฟน ป้ายโฆษณา LED และอื่นๆ ถือว่าเริ่มมีบทบาทและส่งผลกระทบต่อสื่อโทรทัศน์มากที่สุด โดยเฉพาะในแง่ของเม็ดเงินโฆษณาซึ่งเมื่อ 2-3
ปีก่อนสื่อโทรทัศน์มีส่ส่วนแบ่งมากถึง 50-60% ในขณะที่สื่อดิจิตอลมีส่วนแบ่งเพียง 1% และขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 5% ในปี 2555

“ส่วนแบ่ง 5% แม้จะดูเป็นตัวเลขน้อย แต่ในความเป็นจริงแล้วมีมูลค่าค่อนข้างสูงเพราะเท่ากับแย่งส่วนแบ่งจากสื่อโทรทัศน์ถึง 20% ด้วยเหตุนี้สื่อโทรทัศน์จึงจำเป็นต้องปรับปรุงพัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและรอบด้าน เพราะสถานการณ์การแข่งขันในตลาดเริ่มเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดให้สื่อโทรทัศน์ต้องแข่งขันกับสื่อทุกประเภท”

สำหรับโทรทัศน์ดาวเทียมและเคเบิลซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 300 ช่องนั้น แม้จะยังคงมีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 6-7% แต่ก็ถือว่ามีแนวโน้มและส่งสัญญาณในทิศทางที่ดีขึ้นมาก เนื่องจากมีจำนวนผู้ชมเพิ่มมากขึ้นคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 44% ทั้งยังมีข้อได้เปรียบฟรีทีวีในแง่ของจำนวนความถี่ในการเผยแพร่โฆษณาเป็นจำนวนหลายครั้งภายใต้งบประมาณที่น้อยกว่ามาก

“พฤติกรรมการรับชมข้อมูลข่าวสารจากโทรทัศน์ดาวทียมและเคเบิลถือว่ามีความแตกต่างจากผู้ชมฟรีทีวีทั่วไป เนื่องจากมีกลุ่มผู้ชมเฉพาะอย่างชัดเจน จึงทำให้การโฆษณามีประสิทธิภาพและเห็นผลได้ในเวลารวดเร็ว โดยเจ้าของสินค้าและบริการใช้งบประมาณไม่มากนัก แต่สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดมากกว่า”

นายไตรลุจน์ กล่าวด้วยว่า โทรทัศน์ดาวเทียมละเคเบิลทีวีต้องถือว่าโทรทัศน์ภาคพื้นดินเป็นเพื่อนบ้านที่ไม่ใช่คู่แข่งขันกัน จึงจำเป็นต้องพัฒนารายการให้ได้มาตรฐานทัดเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นรายการข่าว ละคร เกมโชว์ และวาไรตี้ ประการสำคัญจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการทำตลาดเพื่อเพิ่มความสนใจจากผู้ให้งบประมาณโฆษณา
ด้วยการเน้นความแปลกใหม่และแตกต่างของทุกรายการไม่ให้เหมือนรายการของฟรีทีวีและโทรทัศน์ภาคพื้นดินทั่วไป

สื่อทีวี5เดือนแรกปี56ทะลุ28,285 ล้าน
บริษัท นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช ประเทศไทย ระบุว่า ตลาดงบโฆษณาเดือนพฤษภาคม ปี 2556 เพียงเดือนเดียวมีมูลค่ารวม 9,757 ล้านบาท ตกลง 1.90% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปี 2555 ที่มี 9,946 ล้านบาท โดยสื่อทีวีมีมูลค่า 6,008 ล้านบาท เพิ่ม 1.90% จากเดิมที่มี 5,896 ล้านบาท สื่อวิทยุมีมูลค่า 542 ล้านบาท เพิ่ม 0.18% จากเดิมมูลค่า 542 ล้านบาท สื่อหนังสือพิมพ์มูลค่า 1,233 ล้านบาท ตกลง 3.45% จากเดิม 1,277 ล้านบาท และ สื่อนิตยสารมูลค่า 425 ล้านบาท ตกลง 9.77% จากเดิมมูลค่า 471 ล้านบาท

ส่วนสื่อรองอย่างสื่อโรงหนังมูลค่า 579 ล้านบาท ตกลง 31.64% จากเดิมมูลค่า 847 ล้านบาท สื่อกลางแจ้งมูลค่า 348 ล้านบาท ตกลง 9.61% จากเดิมมูลค่า 385 ล้านบาท สื่อเคลื่อนที่มูลค่า 276 ล้านบาท เพิ่ม 13.58% จากเดิม 243 ล้านบาท สื่ออินสโตร์มูลค่า 260 ล้านบาท เพิ่ม 10.17% จากเดิมมูลค่า 236 ล้านบาท สื่ออินเทอร์เน็ตมูลค่า 86 ล้านบาท เพิ่ม 75.51% จากเดิมมูลค่า 49 ล้านบาท

สำหรับตลาดรวมช่วงมกราคม-พฤษภาคม หรือ 5 เดือนแรกปี 2556 เทียบกับช่วงเดียวกันปี 2555 พบว่า ตลาดรวม 5 เดือนแรกปี 2556 อยู่ที่ 45,627 ล้านบาท เพิ่ม 1.10% จากเดิมมูลค่า 45,129 ล้านบาท โดยสื่อทีวีมูลค่า 28,285 ล้านบาท เพิ่ม 3.57% จากเดิมมูลค่า 27,309 ล้านบาท สื่อวิทยุมูลค่า 2,452 ล้านบาทเท่าเดิม สื่อหนังสือพิมพ์มูลค่า 5,900 ล้านบาท ตกลง 3.18% จากเดิม 6,094 ล้านบาท สื่อนิตยสารมูลค่า 2,080 ล้านบาท ตกลง 2.58%
จากเดิมมูลค่า 2,135 ล้านบาท

สื่อโรงหนังมูลค่า 2,455 ล้านบาท ตกลง 17.67% จากเดิมมูลค่า 2,982 ล้านบาท สื่อกลางแจ้งมูลค่า 1,711 ล้านบาท ตกลง 8.40% จากเดิมมูลค่า 1,868 ล้านบาท สื่อเคลื่อนที่มูลค่ารวม 1,329 ล้านบาท เติบโต 22.60% จากเดิมมูลค่า 1,084 ล้านบาท สื่ออินสโตร์มูลค่า 1,053 ล้านบาท เพิ่ม 8.22% จากเดิมมูลค่า 973 ล้านบาท สื่ออินเทอร์เน็ตมูลค่า 363 ล้านบาท เพิ่ม 55.13% จากเดิมมูลค่า 234 ล้านบาท

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษณาสื่อดิจิตอลรุ่ง งบเพิ่มจาก1%สู่5%ปีเดียว วันที่ตอบ 2013-07-02 07:53:57



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.