กสท. เดินเครื่องเอาจริงกำกับดูแล ทีวีดาวเทียม-เคเบิ้ลทีวี เสนอเนื้อหาไม่เหมาะสม

พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) และประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์(กสท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมบอร์ด กสท. เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีมติในการเริ่มต้นการกำกับดูแลเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมบนช่องรายการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ หรือ ช่องทีวีดาวเทียม และช่องเคเบิ้ลทีวี อย่างจริงจัง ภายหลังตั้งแต่ที่เริ่มให้ใบอนุญาตในวันที่ 30 มกราคม 2556 ทาง กสทช. ได้ให้การผ่อนผันมาโดยตลอด เนื่องจากเห็นว่าอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากการไม่มีผู้กำกับดูแล มาเข้าระบบกำกับดูแลภายใต้ระบบใบอนุญาตของ กสทช. โดยจากนี้ กสทช. จะเน้นการตรวจสอบ่องรายการที่มีการนำเสนอเนื้อหารายการที่ไม่เหมาะสม มีการเผยแพร่โฆษณาเกินจริง หรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการอาการและยา ในส่วนการลงโทษในระยะจะใช้วิธีการพิจารณาในเรื่องของการต่อใบอนุญาตเป็นหลัก ซึ่งจะดูเป็นกรณีไป เช่นอาจพิจารณาไม่ต่อใบอนุญาตให้ หรืออาจต่อระยะสั้นเป็นระยะเวลา 1 ปี และ 6 เดือน เป็นต้น

พ.อ.นที กล่าวว่า สำหรับการพิจารณาการนำเสนอเนื้อหารายการของ ละครชุด “ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น” ที่ออกอากาศบนช่อง จีเอ็มเอ็มวัน ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด(มหาชน) โดยในการประชุมบอร์ดครั้งนี้ ยังไม่มีการพิจารณาแต่อย่างใด เนื่องจากการพิจารณาดังกล่าวยังอยู่แค่ในระบบของ คณะอนุกรรมการด้านกำกับผังและเนื้อหารายการเท่านั้น ทั้งนี้การพิจารณาจะเป็นไปตามลำดับ และขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

กสท.ออกใบอนุญาต 52 คลื่นวิทยุ - 22 เคเบิลทีวี/ทีวีดาวเทียม...  พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธาน กสทช. และประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. เปิดเผยว่า ที่ประชุม กสท.วันนี้มีมติให้นำร่างประกาศมาตรฐานสัญญาการให้บริการทีวีแบบบอกรับสมาชิก เช่น เคเบิลทีวี และทีวีดาวเทียม ไปรับฟังความคิดเห็นกลุ่มย่อยกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ก่อนนำพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เพื่อเป็นมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคที่ใช้บริการให้ได้รับความยุติธรรมและไม่ถูกเอาเปรียบในการรับบริการชมทีวีทางเลือก
        พร้อมมีมติออกใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงเพิ่มเติม 52 ใบอนุญาต รวมได้ออกไปแล้ว 2,312 ใบอนุญาต และมีมติออกใบอนุญาตช่องรายการเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมเพิ่มเติม 22 ช่องรายการ ซึ่งที่ผ่านมาได้ออกใบอนุญาตช่องรายการไปแล้ว 752 ช่อง คิดเป็นร้อยละ 98 นอกจากนี้ ยังมีมติออกใบอนุญาตโครงข่ายระดับชาติในกิจการไม่ใช้คลื่นความถี่เคเบิลทีวี และทีวีดาวเทียมเพิ่มเติมอีก 2 ใบอนุญาต

ผอ.จิสด้าเผยคราบน้ำมันรั่วไหลมีขนาดเทียบเท่าเกาะเสม็ด มุ่งหน้าฝั่งระยอง

 สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า (GISTDA) ได้ภาพถ่ายผ่านดาวเทียม ซึ่งบันทึกภาพในช่วง 12 ชั่วโมง หลังเกิดเหตุน้ำมันดิบกว่า 50,000 ลิตร ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด รั่วไหลออกจากท่อส่งน้ำมันดิบลงสู่ทะเล ห่างจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง
        นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการจิสด้า อธิบายว่าคราบน้ำมันลอยห่างจากจุดเกิดเหตุแล้ว 10 กิโลเมตร มีรัศมีคราบน้ำมันกว้าง 2 กิโลเมตร เป็นขนาดใหญ่เทียบเท่ากับเสม็ด และมีทิศทางพุ่งไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่ฝั่ง จ.ระยอง บริเวณหาดแม่รำพึง เขาแหลมหญ้า โดยหากไม่มีการจัดการอย่างทันท่วงที คราบน้ำมันจะถึงฝั่งช่วงเช้าวันนี้
        ตลอดเมื่อวานนี้ กองทัพเรือภาคที่ 1 ส่งเฮลิคอปเตอร์ พร้อมเรือรบ เร่งสกัดกั้นและกำจัดคราบน้ำมัน ขณะที่บริษัท พีทีที โกลบอลฯ ออกแถลงการณ์จะเร่งขจัดคราบน้ำมันให้เร็วที่สุด ซึ่งก่อนหน้านี้นายประทีป เอ่งฉ้วน ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมการรั่วไหลของน้ำมันดิบได้ แต่ต้องเร่งสกัดไม่ให้คราบน้ำมันเข้ามายังชายฝั่ง เพื่อไม่ให้กระทบต่อสภาพแวดล้อมและการท่องเที่ยว

GISTDA เผยภาพถ่ายดาวเทียม คราบน้ำมันเหนือเกาะเสม็ดเริ่ม"หดดัว"
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA  ได้เผยภาพถ่ายดาวเทียมคราบน้ำมันรั่วบริเวณตอนเหนือของเกาะเสม็ด

    

จากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วประมาณ 50,000 ลิตร ในทะเล ห่างจากท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2556   สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  จึงได้ถ่ายภาพการเคลื่อนที่ของน้ำมัน โดยใช้ภาพจากดาวเทียมระบบเรดาร์ COSMO-SkyMed-3 เมื่อเวลา 06.09 น. ของวันที่ 1 สิงหาคม 2556 ทางด้านเหนือของเกาะเสม็ด แสดงให้เห็นอาณาบริเวณของคราบน้ำมันที่เป็นฟิล์มที่มีขนาดและปริมาณลดลงจากเมื่อวานนี้ จากประมาณ 9 ตารางกิโลเมตร เหลือ 5 ตารางกิโลเมตร และมีการหดตัวลงจนกระจายตัวไปไม่ถึงเกาะค้างคาว เกาะขาม และเกาะกุฎี 

นอกจากนี้เริ่มเห็นผิวน้ำสีอ่อนแทรกตัวอยู่ในอาณาบริเวณของฟิล์มนี้  แสดงถึงความหนาแน่นของฟิล์มน้ำมันที่ลดลง ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณที่ดีว่ามวลน้ำมันที่เป็นต้นกำเนิดของฟิล์มน้ำมันในบริเวณนี้ น่าจะมีปริมาณลดลงมาก แต่ยังคงมีหลงเหลืออยู่บ้างในบริเวณตอนเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะเสม็ด

สำหรับบริเวณชายฝั่งอ่าวเพด้านตะวันตกและแหลมหญ้า ซึ่งมีลักษณะที่คาดว่าอาจจะเป็นฟิล์มน้ำมันนั้น ยังไม่ได้รับรายงานจากการสำรวจภาคสนามว่าเกิดจากอะไร แต่จะได้เร่งดำเนินการสำรวจต่อไป

ฮือฮา"เมื่อโลกกำลังหายใจ"ภาพแอนิเมชั่นพัฒนาจากต้นแบบภาพดาวเทียมนาซา"(ชมภาพ)

LINE  PICTURE...http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1375342921

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ว่า นายจอห์น เนลสัน นักโปรแกรมเมอร์ชาวสหรัฐ ได้สร้างภาพแอนิเมชั่นเป็นลักษณะ "โลกกำลังหายใจ" ที่เหมือนหัวใจคนกำลังเต้นอยู่ โดยใช้ภาพจากองค์การบริหารการบินและอวกาศจากนาซา พัฒนาภาพดังกล่าวแสดงให้เห็นโลกลักษณะน่าทึ่งที่กำลังหายใจเหมือนมนุษย์ โดยเจ้าตัวกล่าวว่า เขาหวังว่าภาพนี้จะทำให้ผู้คนได้เห็น "โลก" ใน "มุมมองใหม่"

รายงานระบุว่า นายจอห์นได้ใช้ภาพของนาซาที่เป็นส่วนหนึ่งของภาพชุดส่วนหนึ่งของโครงการ "Blue Marble" Blue Marble : Next Generation ที่มีการถ่ายภาพโลกทุกๆ ปี จากศูนย์สังเกตการณ์ของนาซาที่บันทึกภาพเหล่านี้จากดาวเทียมต่างๆ ที่แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลบนพื้นผิวโลก พืชผักที่ตายแล้วกลับมาเขียวอีกครั้งในพื้นที่อเมริกาเหนือ และยุโรป รวมทั้งภาพฤดูแล้งและฤดูร้อนชื้นในหลายภูมิภาค และพื้นที่แถบซีกโลกตอนเหนือมีหิมะตก และการสร้างภาพแอนิเมชั่นนี้ยิ่งทำให้ภาพดังกล่าวของนาซามีมิติน่าชมยิ่งขึ้นไปอีก

จานดาวเทียมชู"เก่าแลกใหม่" ตีกันตลาดก่อน"ทีวีดิจิทัล"เกิด

    

จานดาวเทียมขยับสู้ศึกทีวีดิจิทัล ชูแคมเปญ "เก่าแลกใหม่" ดึงลูกค้า เปลี่ยนกล่องใหม่ "พีเอสไอ" ยอมรับยอดขายตกต่ำสุดรอบสิบปี เหตุคนรอทีวีดิจิทัล มั่นใจทีวีดาวเทียมยังมีอนาคต คาดปลายปีแข่งเดือดหลังทุกค่ายเปิดตัวเซต-ท็อป-บ็อกซ์ "ทูอินวัน" ลงตลาด

นายปราโมทย์ บุญนำสุข ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดีทีวี จำกัด ผู้ให้บริการจานดาวเทียมจานเหลือง "DTV" เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทได้เปิดตัวโปรโมชั่นให้ลูกค้านำกล่องรับสัญญาณดาวเทียม (Set-Top-Box) รุ่นเก่าของบริษัททุกรุ่นมาแลกสิทธิ์ซื้อกล่องรุ่นใหม่ราคาพิเศษ จำนวน 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น DTV HD1 ที่รับชมรายการความละเอียดสูง (HD) ได้ ลด 500 บาท ราคา 2,299 บาท จากปกติ 2,799 บาท, รุ่นดีคุ้ม ราคา 590 บาท จาก 790 บาท และรุ่นดีคุ้มพลัส ราคา 690 บาท จาก 890 บาท เนื่องจากกล่องรุ่นเก่ามีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี ทำให้รับชมรายการได้น้อยกว่ากล่องรุ่นใหม่

"ช่องรายการทุกวันนี้ในระบบ C-band และ KU-band มีเกิน 280 ช่องไปแล้ว กล่องรุ่นใหม่รองรับได้กว่า 400 ช่อง รองรับทีวีดิจิทัล 48 ช่องของ กสทช.ที่จะมีเร็ว ๆ

นี้ ซึ่งการที่ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียมต้องปฏิบัติตามกฎมัสต์แครี่ของ กสทช. ซึ่งบังคับให้กล่องดาวเทียมต้องเข้ารหัสล็อกสัญญาณไม่ให้ออกนอกประเทศได้ด้วย หากไม่เปลี่ยนเป็นกล่องรุ่นใหม่อาจเกิดปัญหาจอดำในรายการที่มีลิขสิทธิ์ ดังนั้นในแง่ลูกค้าเปลี่ยนกล่องจึงดีกว่า"

แม้ตามกฎมัสต์แครี่ของ กสทช. จะบังคับให้ทีวีดาวเทียมนำเฉพาะช่องทีวีดิจิทัลบริการสาธารณะ 12 มาออกเท่านั้น แต่ดีทีวีจะนำสัญญาณทีวีดิจิทัลทุกช่องมาให้ฐานลูกค้าเดิม 1.6 ล้านรายได้ดูฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม

สำหรับแผนการนำกล่องรับสัญญาณที่สามารถดูได้ทั้งทีวีดาวเทียมและทีวีดิจิทัล หรือกล่อง "คอมโบ" บริษัทกำลังรอดูความชัดเจนเรื่องการแจกคูปองส่วนลดที่กสทช.จะแจกให้ทุกครัวเรือนก่อนแต่ต้องยอมรับว่าในช่วงต้นปีตลาดทีวีดาวเทียมชะลอตัวมาก เนื่องจากประชาชนเริ่มรับรู้ว่าจะมีการเปลี่ยนผ่านระบบไปสู่ทีวีดิจิทัล ส่งผลให้ยอดขายกล่องทีวีดาวเทียมและทีวีหายไป จากปกติทั้งตลาดจะมียอดลูกค้าใหม่ราว 3 แสนกล่อง/เดือน แต่ในครึ่งปีที่ผ่านมา ยอดเหลือแค่แสนกว่ากล่อง/เดือนเท่านั้น

ด้านนายวรสิทธิ์ ลีลาบูรณพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด ผู้ให้บริการจานดาวเทียม PSI กล่าวว่า บริษัทมีโปรโมชั่นให้ลูกค้านำ Set-Top-Box รุ่นเก่ามาแลกซื้อกล่อง PSI O2 Digital ที่รับชมรายแบบ HD ได้ในราคา 1,690 บาท จากปกติ 2,490 บาท เพื่อจูงใจให้ลูกค้าเข้ามาสู่ระบบ HD มากขึ้น และตั้งเป้าลูกค้ารับชม HD 1 ล้านรายภายใน 10 เดือน

ส่วนเรื่องกล่องรับสัญญาณแบบคอมโบ ทางบริษัทคงไม่นำมาทำตลาด เพราะระบบดาวเทียมมีช่องดิจิทัลอยู่แล้ว ถ้าทำกล่องคอมโบจะทำให้มีช่องซ้ำซ้อน แต่จะผลิต Set-Top-Box ทีวีดิจิทัลออกมาวางขาย หลังจากเริ่มมีการออกอากาศอย่างเป็นทางการแล้ว เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่อยากดูแค่ 48 ช่องดิจิทัล

"PSI อยากให้มีการเร่งประมูลทีวีดิจิทัลให้เร็วที่สุด เพราะตลาดหลายส่วนได้รับผลกระทบ ลูกค้าชะลอกำลังซื้อในช่วง 3 เดือนแรก ยอดขายบริษัทตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี ลดลงไป 30-35% แต่พอถึง พ.ค.กำลังซื้อเริ่มกลับมา แต่ยังไม่ชดเชยพอกับยอดที่ตกไปเมื่อต้นปี จึงต้องปรับเป้าหมายยอดขายในปีนี้จากเดิม 3.5 ล้านกล่อง เหลือราว 2.8 ล้านกล่อง แต่ถ้าเริ่มออกอากาศทีวีดิจิทัลเมื่อใดจะเป็นผลดีกับบริษัท เพราะผลิตและขายกล่องทั้ง 2 ระบบ เชื่อว่าสุดท้ายลูกค้าก็จะเลือกทีวีดาวเทียม เพราะการรับสัญญาณแค่ให้บ้านมีจุดที่เห็นท้องฟ้าก็ดูได้ แต่ถ้าเป็นดิจิทัลทีวีต้องรอให้โครงข่ายขยายมาถึง"

นายมานพ โตการค้า ประธานบริษัท ไอพีเอ็มทีวี จำกัด ผู้จำหน่ายจานดาวเทียมจานส้ม IPM กล่าวว่า ในปลายปีนี้จะได้เห็นการแข่งขันที่รุนแรงอีกครั้ง โดยบริษัทได้เตรียมแคมเปญการตลาดไว้พร้อมรับมือกับกระแสทีวีดิจิทัล ซึ่งทำให้ยอดขายซบเซาในช่วงครึ่งปีแรก เมื่อ กสทช.จัดประมูลทีวีดิจิทัลช่องบริการธุรกิจแล้ว บริษัทมีแผนจะออกโปรโมชั่นให้ลูกค้านำ Set-Top-Box รุ่นเก่ามาแลกรุ่นใหม่ที่เป็นกล่องแบบคอมโบ หรือแบบ HD ตามที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งขณะนี้บริษัทได้เตรียมสั่งผลิตกล่องแบบคอมโบไว้แล้ว 1 แสนกล่อง

TCCเก็บลิขสิทธิ์ช่องดาวเทียม

TCCเก็บลิขสิทธิ์ช่องดาวเทียม"ไทยไทย"ปรับตัวรับผลิตทุกช่อง : ลูกทุ่ง 
 
          บริษัท จัดเก็บลิขสิทธิ์ไทย จำกัด หรือ TCC ในเครืออาร์เอส ร่อนหนังสือถึง 12 ช่องรายการเพลงทางทีวีดาวเทียมขอเก็บค่าลิขสิทธิ์เพลงเริ่ม 1 สิงหาคม  ที่ผ่านมา ด้านช่องลูกทุ่งไทยไทยเมินจ่าย หันหานักร้องอิสระ ปรับตัวรับจ้างผลิตรูปแบบรายการป้อนทุกสถานี
 
          สุทธิศักดิ์ ประศาสน์ครุการ กรรมการและผู้อำนวยการ บริษัท จัดเก็บลิขสิทธิ์ไทย จำกัด หรือ TCC เปิดเผยกับทีมข่าวบันเทิง "คมชัดลึก" ถึงการประกาศเก็บค่าลิขสิทธิ์เพลงทางช่องทีวีดาวเทียมที่เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมาว่า
 
          "บริษัทในฐานะองค์กรกลางในการบริหารลิขสิทธิ์ที่เผยแพร่ต่อสาธารณชนให้กับอาร์เอสและบริษัทในเครือทั้งหมด ปัจจุบันอาร์เอสเป็นเจ้าของสิทธิผลงานเพลงกว่า 20,000 เพลง ตั้งแต่อาร์เอสก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน หรือกว่า 36 ปี บริษัทในฐานะเป็นผู้บริหารสิทธิและบังคับใช้กฎหมาย จึงมีการบริหารและนำผลงานที่มีลิขสิทธิ์ทั้งหมดไปขึ้นทะเบียนกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเราเริ่มเก็บเมื่อวันที่1สิงหาคมที่ผ่านมาแล้ว"
 
          ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าได้แจ้งกับทางช่องทีวีดาวเทียมหรือไม่ และมีช่องใดบ้างกรรมการและผู้อำนวยการ บริษัท จัดเก็บลิขสิทธิ์ไทยบอกว่า
          "เราทำหนังสือแจ้งไปแล้วมีทั้งหมด 12 ช่องรายการเพลง เราสื่อสารให้ทุกช่องทุกคนรับทราบแนวทางนโยบาย แต่ช่องต่างๆ ไม่ขัดข้อง แต่เขาติดขัดตรงที่ไม่มีงบประมาณในการมาจ่ายเราซึ่ง ช่องรายการของอาร์เอสที่ออกอากาศก็ต้องซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนท์คนอื่นมาเหมือนกัน มุมของเรามองว่ากสทช.ต้องการควบคุมไม่ให้ช่องเหล่านี้ไปละเมิดลิขสิทธิ์ใครด้วย คอนเทนท์เรามีมูลค่าเจ้าของสิทธิ์ต้องการรักษาสิทธิ์"
 
          ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ามีทางออกอื่นหรือไม่เพราะตอนนี้หลายช่องก็ไม่นำเสนอข่าวนักร้องในเครืออาร์เอสด้วยสุทธิศักดิ์ บอกว่า
          "ถ้าเขาไม่นำเสนอข่าวสารนักร้องเราเขาก็มีสิทธิ์ เขาไปเปิดเพลงนักร้องอิสระก็ได้ ทุกคนยืนอยู่บนจุดยืนหน้าที่ของตัวเอง ช่องก็ต้องปกป้องประโยนช์ ผมก็ต้องปกป้องของผม ค่าลิขสิทธิ์คือต้นทุนอย่างหนึ่งในการทำธุรกิจที่มีอยู่ในงบดุล เมื่อมีนโยบายนี้อาร์สยามรู้ว่าจะมีช่องที่เคยเปิดเขาหายไปกี่ช่อง เขาต้องดิ้นรนของเขา ในช่องฟรีทีวีทุกวันนี้ใครนำไปใช้เขาก็จ่ายค่าลิขสิทธิ์ ถ้าผู้ใช้มีไม่มากในการค้า คุยกันได้แต่ไม่มีใครมาคุยกับเรา"
 
          สำหรับรายชื่อ 12 ช่องเพลง ที่บริษัทจัดเก็บลิขสิทธิ์ไทย จำกัด หรือ TCC ส่งหนังสือไปถึง ได้แก่ ช่องรายการ TRUE MUSIC, ช่องไทยไทย, ช่อง Channel(V) Thailand ช่องรายการ VERY ช่องรายการMajung ช่องรายการ PoP Channel ช่องรายการ ไทยไชโย, ช่องรายการ Hit Station ช่องรายการเวทีไท, ช่อง ยูทูเพลย์ ทีวี, Music Pool และช่องรายการ Hit Variety ซึ่งสถานีส่วนใหญ่ปฏิเสธการจ่าย
 
          ทางด้าน ภูธช อ่องลออ ผู้บริหารบริษัท ใจบุญ จำกัดผู้ผลิตรายการช่องไทยไทยลูกทุ่ง 24 ชั่วโมง ซึ่งออกอากาศ ทางทรูวิชั่นส์ ช่อง62, พีเอสไอทรูทีวี ช่อง75 กล่าวถึงการเก็บค่าลิขสิทธิ์ทางช่องทีวีดาวเทียมของTCCว่า
 
          "เราไม่ได้ขัดข้องเรื่องเก็บค่าลิขสิทธิ์การเปิดเพลง เราเข้าใจธุรกิจ แต่ธุรกิจก็น่าจะมีพันธมิตรกัน วิธีการจ่ายมีหลายวิธีทำไมไม่คุยกันในมิติอื่น ในทางธุรกิจ เรามีเพื่อน การเอาเพลงใหม่มาเปิดคุณต้องซื้อสื่อเปิด ทุกวันนี้คุณยังต้องซื้อ ถ้าคิดว่าสื่อที่คุณมีเพียงพอแล้วไม่ต้องพึ่งใคร ก็ไม่เป็นไร เราเปิดเพลงให้และเราก็ไม่ได้มีรายได้จากการเปิดเพลงของคุณ เรามีรูปแบบรายการ ที่เป็นเราเพราะเรารู้ว่าการทำสื่อทีวีจากนี้ไปต้องมีเนื้อรายการที่เราต้องสร้างเอง ตอนนี้ในช่องไทยไทยเราก็สร้างรายการ ที่แตกต่างจากช่องอื่น ไม่ใช่การเปิดเพลงใหม่ๆ อย่างเดียว"
 
          ผู้สื่อข่าวถามว่าจะกระทบกับการเปิดเพลงในช่องไหม และจะปรับตัวอย่างไรผู้บริหารหนุ่มบอกว่า
          "ไม่กระทบ ตอนนี้นอกจากผลิตรายการทางสถานีไทยไทยที่ผมมองว่าเราเป็นสื่อแขนงหนึ่งแล้ว เรารับผลิตรายการทุกรูปแบบให้กับทุกแพลตฟอร์มของกล่องรับสัญญาณ เราเปิดตัวการเป็นคอนเทนท์โพไวเดอร์ (ผู้จัดหาหรือจัดทำรายการรูปแบบต่างๆ) มาระยะหนึ่งแล้ว กับประสบการณ์ด้านรายการเด็ก รายการเกี่ยวกับสัตว์ การถ่ายทอดสด เราพร้อมเติมเต็มช่องทีวีที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่ที่กำลังมองหาผู้ผลิตรายการที่เป็นมืออาชีพ เรามีทีมงานที่มีประสบการณ์ด้านต่างๆ ซึ่งตอนนี้มีหลายช่องติดต่อเราเข้ามาแล้ว"

“THCOM” ฟุ้งครึ่งปีฟันกำไรพุ่ง 232% จากการขายแบนด์วิดท์เพิ่ม

“บมจ.ไทยคม” ประกาศผลกำไรเกินเป้ากว่า 232% ฟันรายได้ครึ่งปีแรกกว่า 521 ล้านบาท จากการขายแบนด์วิดท์ในต่างประเทศเพิ่ม ทั้งออสเตรเลีย และมาเลเซีย คาดครึ่งปีหลังกำไรจะโตต่อเนื่องเพราะเตรียมยิงดาวเทียมไทยคม 6 รองรับทีวีดิจิตอลที่จะเพิ่มขึ้นมาใหม่ และไทยคม 7 เตรียมปล่อยขึ้นสู่วงโคจรในปี 2557 คลุมพื้นที่ทั่วเอเชียแปซิฟิก
      
       นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยคม หรือ THCOM กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2556 มีกำไรสุทธิ 521 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้น 232% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีตัวเลขเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 371 ล้านบาท จาก 130 ล้านบาท เมื่อเทียบกับผลประกอบการในครึ่งแรกของปี 2555 โดยผลกำไรของงบเฉพาะกิจการส่วนใหญ่มาจากการขยายตัวของบริการดาวเทียมซึ่งเป็นพอร์ตหลักของบริษัท
      
        “ผลการดำเนินงานที่มีกำไรเพิ่มขึ้นนี้ มาจากการกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจ และการตลาดที่ชัดเจน โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อเพิ่มรายได้จากการทำตลาดในธุรกิจดาวเทียมทั้งบรอดคาสท์ และบรอดแบนด์ อีกทั้งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุน และค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ความสำเร็จด้านการเงินที่เกิดขึ้นดังกล่าวเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะสนับสนุนทิศทางการดำเนินธุรกิจดาวเทียมของไทยคม บริษัทฯ ยังคงเดินหน้ากลยุทธ์เทคโนโลยีใหม่สำหรับดาวเทียมไทยคม 6 ที่มีกำหนดปล่อยขึ้นสู่อวกาศ และเตรียมให้บริการในต้นปี 2557 และไทยคม 7 ที่จะมารองรับความต้องการใช้บริการในอนาคตแล้ว”
       
       ทั้งนี้ การดำเนินงานครึ่งปีแรกนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของการให้บริการดาวเทียมไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) ที่มีการต่ออายุสัญญาเช่าใช้บริการกับลูกค้าหลักหลายราย ตั้งแต่ต้นปี 2556 ซึ่งส่งผลให้บริษัทเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ไทยคมมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการให้บริการแบนด์วิดท์ในต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย และมาเลเซีย รวมถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการให้บริการเสริมต่างๆ ของดาวเทียมไทยคม 5 ที่ช่วยสนับสนุนการสร้างกำไรในครึ่งปีแรกของปี 2556
       
       อย่างไรก็ตาม การเติบโตในด้านอื่นๆ ของบริษัทในอีก 12 เดือนข้างหน้า จะรวมถึงแผนการจัดส่งดาวเทียมดวงใหม่ คือ ดาวเทียมไทยคม 6 และดาวเทียมไทยคม 7 โดยดาวเทียมไทยคม 6 ประสบความสำเร็จในการขายช่องสัญญาณล่วงหน้าไปแล้วกว่า 66% ซึ่งมีกำหนดส่งขึ้นสู่วงโคจรตำแหน่ง 78.5 องศาตะวันออกอย่างเป็นทางการ โดยจะช่วยเสริมศักยภาพในการรองรับความต้องการใช้บริการสัญญาณดาวเทียมที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค รองรับสัญญาณดิจิตอลที่จะเพิ่มช่องความถี่ที่มากขึ้น ส่วนดาวเทียมไทยคม 7 ซึ่งมีแผนการปล่อยขึ้นสู่วงโคจรในปี 2557 จะเป็นการเพิ่มศักยภาพการให้บริการช่องสัญญาณ และขยายตลาดของบริษัทฯ ให้ครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

อัยการเล็งซื้อ "ดาวเทียม-เครื่องบินล่องหน" ติดตามจับโจรใต้ รับแพงแต่คุ้มค่าแน่
เมื่อเวลา 14.30 น. ที่กระทรวงกลาโหม ผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยทาง ดร.วิชญ์ จีระแพทย์ อธิบดีสำนักงานวิชาการอัยการสูงสุด กล่าวว่า ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้จะมีการตั้งสำนักอำนวยความยุติธรรมพิเศษขึ้นในพื้นที่เพื่อเร่งรัดการดำเนินการด้านคดีที่ค้างอยู่ นอกจากนี้จะเสนอให้จัดซื้อดาวเทียมเพื่อรายงานสถานการณ์ติดตามการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่เวลาผู้ก่อเหตุเหตุ โดยเจ้าหน้าที่จะส่งเครื่องบินล่องหน(drone )ลงไปบันทึกภาพเป็นหลักฐานแบบเรียลไทม์เหมือนหน่วยราชการลับในสหรัฐอเมริกาเคยใช้ได้ผลมาแล้ว แม้ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก แต่เมื่อเทียบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต้องบอกว่า คุ้มค่า จึงจำเป็นและเร่งด่วนที่หน่วยงานความมั่นคงจะต้องมีเครื่องมือตัวนี้ หากได้เครื่องมือเหล่านี้มาจะส่งผลให้การอำนวยความยุติธรรมมีประสิทธิภาพมากขึ้น และส่งผลต่อภาพรวมในพื้นที่ให้เกิดความสงบเรียบร้อยเร็วขึ้น

ไอที-นวัตกรรม   เตรียมยิงไทยคม7ปีหน้าช่องสัญญาณเริ่มเต็ม

ไทยคม เตรียมยิงดาวเทียมไทยคม 7 ในปีหน้า หลังช่องสัญญาณเริ่มเต็ม เชื่อปีนี้กำไรดีกว่าปีก่อนหลังช่องสัญญาณไทยคม 6 ยอดจองพุ่ง

นายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนการตลาดและงานขาย สำหรับประเทศไทยและกลุ่มอินโดจีน บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM เปิดเผยว่า ภายหลังดาวเทียมไทยคม 6 ที่เปิดตลาดในแอฟริกามียอดขายสัญญาณล่วงหน้าสูงจนเกือบเต็ม ทำให้มีการศึกษาแผนในการขยายช่องสัญญาณเพิ่มเติมในอนาคต โดยมีการเตรียมแผนส่งดาวเทียมไทยคม 7 ปล่อยขึ้นสู่วงโคจรในปี 2557 ซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพการให้บริการช่องสัญญาณและขยายตลาดของบริษัทฯให้กครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

"เรามีความจำเป็นที่จะเพิ่มช่องสัญญาณดาวเทียมให้มากขึ้นในเวเลาอันรวดเร็วเพื่อรองรับความต้องการของธุรกิจดาวเทียมที่ขยายตัวอย่างมาก ทั้งในไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก" นายเมฆินทร์ กล่าว

ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถทำกำไรได้ดีกว่าปีก่อน ที่มีกำไร 173 ล้านบาท หลังจากผลดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปีนี้มีกำไรสุทธิ 521 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้น 232% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของการบริการดาวเทียม รวมถึงในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯมั่นใจว่าจะสามารถรักษาผลกำไรไว้ได้ใกล้เคียงกับช่วงครึ่งปีแรก ภายหลังมียอดจองขายช่องสัญญาณล่วงหน้าได้แล้วกว่า 70% ของดาวเทียมไทยคม 6 ที่เปิดตลาดในแอฟริกา ภายใต้ชื่อ AFRICOM-1 และคาดว่าจะสามารถมียอดขายสัญญาณล่วงหน้าถึง 80% ในช่วงเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่จะส่งดาวเทียมไทยคม 6 ขึ้นสู่วงโคจร

"สำหรับดาวเทียมไทยคม 6 ที่ทำตลาดในแอฟริกามียอดพรีเซลสูงถึง 70% และจะสูงถึง 80% ก่อนส่งขึ้นสู่วงโคจร ซึ่งจะเป็นรายได้ที่สนับสนุนเราในช่วงครึ่งปีหลัง และจะทำให้ปีนี้สามารถทำกำไรได้มากขึ้นจากปีก่อน" นายเมฆินทร์ กล่าว

“CTH” เร่งติดตั้งจานดาวเทียม โปรโมชันพรีเมียร์หมด ส.ค.นี้

“ซีทีเอช” ชี้สิ้น ส.ค.นี้หมดราคาแพกเกจโปรโมชันพรีเมียร์ลีก โวสิ้นปีลูกค้าอาจทะลุ 4 ล้านราย เร่งแก้ไขปัญหาติดตั้งจานดาวเทียมและกล่องรับสัญญาณให้ลูกค้าเต็มที่ พร้อมเพิ่มทีมติดอิสระอีก ยันเสร็จทันเปิดฤดูกาลใหม่ 17 ส.ค.นี้แน่

นายกฤษณัน งามผาติพงษ์�ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีทีเอช จำกัด ผู้บริหารลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกในไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้แพกเกจฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่บริษัทฯ จัดทำออกมานั้น พบว่าแพกเกจที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากที่สุดคือแพกเกจ 3 ปี ที่มีราคา 599 บาท�แต่จ่ายเพียง 24 เดือนสามารถดูได้นาน 36 เดือน เพราะเป็นแพกเกจที่มีความคุ้มค่า�ส่วนแพกเกจที่ได้รับความนิยมรองลงมาคือแพกเกจปีต่อปี�ที่มีราคา�748 บาท�จ่ายเพียง 10 เดือนแต่ดูได้นาน 12 เดือน�

อย่างไรก็ตาม แพกเกจโปรโมชันพิเศษนี้จะจบลงหลังจากสิ้นเดือนธันวาคมนี้ หลังจากนั้นจะเป็นแบบปกติ แต่ก็ยังมั่นใจว่าสมาชิกจะครบประมาณ 3.3 ล้านรายภายในสิ้นปีนี้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ และอาจจะถึง 4 ล้านรายก็ได้ โดยคาดว่ามีรายได้ไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาท �

ทั้งนี้ จากจำนวนสมาชิกใหม่ที่เข้ามาต่อเนื่องมีตัวเลขการจองขอติดตั้งจานดาวเทียมและกล่องรับสัญญาณหลักหลายแสนราย�ขณะนี้บริษัทฯ จึงติดตั้งกล่องรับสัญญาณและจานดาวเทียมไม่ทันตามออเดอร์�อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะพยายามเร่งทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้ทันการเปิดฤดูกาลแข่งขันในวันที่ 17 ส.ค.นี้

สาเหตุที่บริษัทฯ ติดตั้งกล่องรับสัญญาณและจานดาวเทียมไม่ได้ทันเพราะว่าบริษัทฯ ต้องแบ่งเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งเพื่อไปติดตั้งกล่องรับสัญญาณและจานดาวเทียมให้ลูกค้าเก่าที่มีอยู่แล้วประมาณ 2 ล้านราย ซึ่งดำเนินการติดตั้งให้ลูกค้าเก่าเสร็จแล้วเกือบ 1 ล้านราย

โดยบริษัทฯ พยายามปรับแผนการทำงาให้เร็วขึ้น ขณะนี้สามารถลดระยะเวลาการรอติดตั้งกล่องรับสัญญาณและจานดาวเทียมเหลือเพียง 1-2 สัปดาห์เท่านั้น�จากเดิมนานถึง 1 เดือน�เพราะบริษัทฯ ได้เพิ่มทีมงานติดตั้งเป็น 3,000 คน�จากเดิมมีอยู่ประมาณ 2,000 คน

อีกทั้งในเร็วๆ นี้บริษัทฯ จะได้รับความช่วยเหลือจากทีมติดตั้งกล่องรับสัญญาณอิสระทั่วประเทศที่เข้ามาช่วยติดตั้งกล่องรับสัญญาณและจานดาวเทียมให้ด้วย�จึงมั่นใจว่าบริษัทฯ จะติดตั้งกล่องรับสัญญาณและจานดาวเทียมให้ลูกค้าเก่าและใหม่ครบทุกรายภายใน 2-3 เดือนนับจากนี้

“PSI”ยันมือถือโมเดล กำ3ค่ายใหญ่ลงกล่อง
วันที่ 2013-08-13 22:25:29 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ธุรกิจ

tags : ทรูวิชั่น มือถือ แกรมมี่ ดาวเทียม อาร์เอส ทรู รากหญ้า บ้าน 

ชี้อนาคตตลาดกล่องรับสัญญาณดาวเทียมโมเดลเดียวกับค่ายสัญญาณมือถือ “พีเอสไอ” รับเละ ทรูวิชั่นส์- อาร์เอส รุมรัก ตบเท้าส่งคอนเท้นท์เข้าบ้าน ล่าสุดเตรียมผุดกล่องอีก 2 รุ่นเอาใจทรูวิชั่นส์ หวังเข้าถึงฐานสมาชิกรากหญ้า แย้มเจรจาร่วมแกรมมี่อีกราย มั่นใจคอนเท้นท์ดีอยู่ที่พีเอสไอ ดันสู่บัลลังก์เจ้าตลาดกล่องขายขาดด้วยแชร์ไม่ต่ำกว่า 80-90%

นายสมพร ธีระโรจนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดกล่องรับสัญญาณดาวเทียมถึงสิ้นปี2556นี้น่าจะเติบโตลดลงราว 30% สาเหตุสำคัญมาจากเรื่องของทีวีดิจิตอล ทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อกล่องและจานดาวเทียมลงไป

โดยในส่วนของพีเอสไอที่เป็นเจ้าตลาดครองส่วนแบ่งกว่า 80-90% ในกล่องแบบขายขาดนั้น พบว่าไตรมาสแรกยอดขายไม่ดีไตรมาสสองมีการทำตลาดให้ความรู้มากขึ้น รายได้เริ่มดีขึ้น เข้าสู่ไตรมาสสามจึงกลับมาดีอีกครั้ง และไปจนถึงไตรมาสสี่นี้ น่าจะส่งผลให้ยอดขายรวมทั้งปีต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ราวๆ 10% จากรายได้ที่มองว่าจะไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท

“มองในภาพรวมแล้วยอดขายกล่องอาจจะลดลง แต่ในแง่เซอร์วิส กล่าวคือ กลุ่ม ซอฟท์แวร์ การบริการหลังการขาย การเพิ่มคอนเท้นท์ที่บริการ มีการเติบโตที่ดีขึ้น ดังนั้นทั้งปีจึงอาจจะมีรายได้ต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย ขณะนี้รายอื่นๆในตลาดนั้นเชื่อว่ารายได้จะตกลงมากกว่าพีเอสไอค่อนข้างสูง เนื่องจากมีการทำกิจกรรมน้อย
อีกทั้งยังเป็นผู้เล่นใหม่ขณะที่เราอยู่ในตลาดนี้มานาน”

นายสมพร กล่าวต่อว่า การแข่งขันของเคเบิลทีวีและทีวีดามเทียมกำลังอยู่ในช่วงรุนแรงโดยเฉพาะในส่วนของคอนเท้นท์โพไวเดอร์ ที่มีการแข่งขันทางด้านคอนเท้นท์รายการสูงมาก ในส่วนของพีเอสไอ ถือเป็นแพลทฟอร์มการรับชมที่ได้ประโยชน์จากการแข่งขันดังกล่าวมากที่สุด จากความแข็งแกร่งที่มีฐานลูกค้ามากที่สุดในตลาด
ทำให้มีเจ้าของคอนเท้นท์ต่างๆสนใจเข้าร่วมกับทางพีเอสไอในการส่งช่องรายการต่างๆมาอยู่ในแพลทฟอร์มของพีเอสไอ

ดังเช่นในปีที่ผ่านมาได้จับมือกับทางบริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด กับการเปิดตัวกล่อง "พีเอสไอทรูทีวี"" ที่อัดแน่นไปด้วยช่องรายการดีๆ จากทรู วิชั่นส์และช่องเด็ดๆ จากพีเอสไอ รวมกว่า 93 ช่อง ดูฟรี ไม่มีรายเดือน ราคา 890 บาท เป็นการต่อยอดจากนโยบายการขยายตลาดผู้ชมไปให้ทั่วถึงยิ่งขึ้น
โดยวางเป้าหมายให้กล่องพีเอสไอทรูทีวีเป็นกล่องเดียวที่นำเอาความแข็งแกร่งของช่องรายการทั้งทรู วิชั่นส์ และช่องรายการฮิตจากพีเอสไอมารวมไว้ในกล่องเดียว

และล่าสุดในช่วงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ได้จับมือกับทางบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดตัวกล่อง PSI O2 Digital เพียงลูกค้าซื้อและติดตั้งกล่อง PSI O2 Digital ใหม่ ในราคา 2,490 บาท และในส่วนที่ต้องการเปลี่ยนรุ่นกล่องพีเอสไอเดิมมาเป็น PSI O2 Digital จะเสียค่าบริการที่ 1,690 บาท จะเริ่มจำหน่ายในช่วงปลายเดือนส.ค.นี้เป็นต้นไป โดยลูกค้าจะได้รับชมคอนเท้นท์รายการจากอาร์เอส 3 คอนเทนต์ ได้แก่

1. FIFA World Cup Brazil 2014 2. ฟุตบอลลาลีกาสเปน 2013 และ 3. ช่อง 8 เชื่อว่าจะมียอดขายกล่องรุ่น PSI O2 Digital ได้กว่า 1 ล้านกล่องตั้งแต่เริ่มขายไปจนถึงช่วงบอลโลกในเดือน ส.ค.ปีหน้า โดยกว่า 80% จะเป็นการเปลี่ยนกล่อง และ 20% เป็นการติดตั้งซื้อใหม่ จากฐานปัจจุบันพีเอสไอมีอยู่ 2.5 ล้านครัวเรือน หรือในสิ้นปีนี้น่าจะมีลูกค้าที่ใช้กล่องพีเอสไอรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 3
ล้านกล่องทั่วประเทศโดยแต่ละปีบริษัทมีรายได้จากการขายกล่องไม่ต่ำกว่า 2,000-3,000 ล้านบาทต่อปี

นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่จะมีความร่วมมือกับทางจีเอ็มเอ็มแซทในอนาคตด้วยเช่นกัน ซึ่งก็มีการพูดคุยกันอยู่ตลอด ส่วนจะเป็นในส่วนใดบ้างนั้น ต้องรอดูกันต่อไป จากความคืบหน้าล่าสุดที่ทางจีเอ็มเอ็มแซท คว้าสิทธิ์ถ่ายสดบอลยูโรฤดูกาลใหม่ได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายเดือนส.ค.นี้ ทางบริษัทยังมีความร่วมมือกับทางทรูวิชั่นส์ ที่จะเปิดกล่องใหม่อีก 2 รุ่น คือ 1. ทรู2 ซึ่งเป็นรุ่นที่2 ต่อจากกล่องพีเอสไอทรูทีวี และ2.กล่องในรูปแบบเอชดี ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายของทรูวิชั่นส์ที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มแมสแบบต้องเติมเงินก่อนจึงจะได้ดู จากปกติพีเอสไอจะขายกล่องขาดเท่านั้น
จึงต้องผลิตกล่องรุ่นพิเศษนี้ออกมาสำหรับฐานลูกค้าใหม่ของทรูวิชั่นส์

“ในอนาคตกล่องรับสัญญาณดาวเทียมจะมีโมเดลเช่นเดียวกับค่ายมือถือ หรือผู้ให้บริการสัญญาณมือถือในปัจจุบัน โดยภายในเครื่องจะมีช่องพื้นฐานไม่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้บริโภคที่จะเลือกใช้มากกว่า” นายสมพร กล่าวในที่สุด

"แกรมมี่" ไม่กลัวพรีเมียร์ลีกฟุ้งยอดต่อเดือนแสนกล่อง
วันที่ 2013-08-16 10:23:28 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ธุรกิจ

 ASTVผู้จัดการรายวัน – แกรมมี่ปลื้มรายได้ไตรมาสสองไปได้สวย ธุรกิจเดิมกำไรโต 50% ส่วนครึ่งปีหลังฝากความหวังไว้ที่โชว์บิซ และธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมและเพย์ทีวี ด้าน“จีเอ็มเอ็มแซท” โว ยอดขายกล่องทะลักเดือนละแสนกล่อง พรีเมียร์ลีกไม่กระทบยอดขาย ล่าสุด เปิด2แพกเกจใหม่ เริ่ม 199 บาทต่อเดือน หวังสิ้นปีมีฐานสมาชิกกว่า 2 ล้านราย เป็นแบบเพย์ทีวี 10%

นางสาวบุษบา ดาวเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้ในไตรมาสสองที่ผ่านมา พบว่ารายได้จากธุรกิจเดิม ที่ประกอบด้วย ธุรกิจเพลง ธุรกิจดิจิทัล ธุรกิจสื่อ ธุรกิจภาพยนตร์ ธุรกิจบริการรับจัดและบริหารกิจกรรม ธุรกิจแอนิเมชั่น และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง มีรายได้กว่า 2,166 ล้านบาท โตขึ้น 4% และมีกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 50% ส่วนรายได้จากธุรกิจที่เริ่มดำเนินการใหม่ ได้แก่ ธุรกิจโฮมช็อปปิ้ง และโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม มีรายได้ 544 ล้านบาท แต่ธุรกิจที่เริ่มดำเนินการใหม่ยังอยู่ในช่วงของการเริ่มลงทุน ส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิเท่ากับ 216 ล้านบาท

ส่วนในครึ่งปีหลังนั้น มองว่าธุรกิจเดิมยังคงมีรายได้เติบโตต่อเนื่อง จากธุรกิจโชว์บิซที่มีการจัดคอนเสิร์ตใหญ่หลายรายการ อาทิเช่น คอนเสิร์ต GRAMMY HAPPY FACE TIVAL ตอน PARTY REUNION, คอนเสิร์ต ขนนก กับ ดอกไม้ ตอน SECRET GARDEN, คอนเสิร์ต บรรลุนิติภาวะ ๒๑ ปี ป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์, คอนเสิร์ต DJs on Stage vs The Star , คอนเสิร์ต 6.2.13 Dance Fever รวมถึงละครเวที ลัดดาแลนด์ ขณะที่ธุรกิจสื่อที่ได้รับอานิสงค์จากเม็ดเงินโฆษณาที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม และธุรกิจดิจิตอลเนื่องจากขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาบริการใหม่ขณะที่ธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียมมุ่งเน้นการทำตลาดจำหน่ายกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมแบบเพย์ทีวีเป็นหลัก

***จีเอ็มเอ็มแซท ปล่อย 2แพกเกจจับเพย์ทีวี***
ด้าน นายฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทพร้อมรุกตลาดกล่องแบบแบบเพย์ทีวีแบบเต็มตัว จากเดิมที่มีสปอร์ตแพกเกจ 200 บาทต่อเดือน และเอ็นเตอร์เทนเม้นท์แพกเกจ 300 บาทต่อเดือน ซึ่งจากความพร้อมทางด้านคอนเท้นท์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยทุนการซื้อลิขสิทธิ์คอนเท้นท์ในปีนี้รวมกว่า 1,500-2,000 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็น 1.คอนเท้นท์กีฬา ที่มีลีกไฮไลท์กว่า 6 ลีก ทั้งบุนเดสลีกา อาร์เจนติน่าลีก รวมถึงสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016, เวิล์ดคัพ 2018 2.คอนเท้นท์บันเทิง กับ Fox Internationalทั้งซีรีส์ สารคดี การ์ตูน กีฬา และข่าว และ3.โลคอล คอนเท้นท์แบบพรีเมี่ยม ที่มีเฉพาะในแพลทฟอร์ม จีเอ็มเอ็ม แซท เท่านั้น

ล่าสุดบริษัทได้ปรับแพกเกจใหม่ออกมาเป็น 2 แพกเกจ คือ 1.โกลด์ แพกเกจ ราคา 199บาทต่อเดือน และถ้าซื้อแบบรายปีจะอยู่ที่ราคา 1,499 บาท เฉลี่ยตกเดือนละ 125บาท ซึ่งสมาชิกจะได้รับชม 10 ช่องSD+3ช่องHD+4ช่องฟรีทูบ๊อกซ์+11ช่องจีเอ็มเอ็ม + 220ช่องฟรีทูแอร์ รวมแล้วดูได้กว่า 150 ช่อง 2.แพลทินัม แพกเกจ ราคา 499บาทต่อเดือน และถ้าซื้อแบบรายปี จะอยู่ที่ราคา 4,990 บาท เฉลี่ยตกเดือนละ 415บาทต่อเดือน ซึ่งสมาชิกจะได้รับชม 27ช่องSD+ 7ช่องHD+ 4ช่องฟรีทูบ๊อกซ์ + 11ช่องจีเอ็มเอ็ม + 220 ช่องฟรีทูแอร์ รวมแล้วดูได้กว่า 270 ช่อง และสำหรับลูกค้าเดิมที่ใช้บริการสปอร์ตแพกเกจ และเอ็นเตอร์เทนเม้นท์แพเกจอยู่ก่อนแล้ว จะถูกปรับขึ้นมาเป็น โกลด์แพกเกจ ซึ่งลูกค้าจะได้รับประโยชน์ในการรับชมช่องรายการได้เพิ่มขึ้นจากเดิม

อย่างไรก็ตามตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน บริษัทสามารถจำหน่ายกล่องจีเอ็มเอ็มแซทได้กว่า 5-6 แสนกล่องแล้ว โดยกว่า 5 หมื่นกล่องนั้น เป็นกลุ่มที่รับชมแบบซื้อแพกเกจ จนถึงสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีฐานสมาชิกที่รับชมแบบซื้อแพกเกจรวมกว่า 1-1.5แสนกล่อง เฉลี่ย50%เท่าๆกันจาก 2แพกเกจใหม่ ขณะที่เป้ายอดขายกล่องทั้งหมดในปีนี้วางไว้ที่ 1ล้านกล่อง รวมกับปีก่อน 1.5 ล้านกล่อง ส่งผลให้ทั้งปีนี้ จีเอ็มเอ็มแซทจะเข้าถึงสมาชิกได้ไม่ต่ำกว่า 2-2.5 ล้านกล่องได้ แบ่งเป็น กล่องแบบเอชดี 20% และกล่องเอสดี 80%ขณะที่ภาพรวมของรายได้นั้น เชื่อว่าจะทำได้ 2,000 ล้านบาทตามเป้า แบ่งออกเป็น ขายกล่อง 50% และแพกเกจเพย์ทีวี ขายคอนเท้นท์ และสปอนเซอร์รวมกันอีก 50%

***พรีเมียร์ลีกไม่สะเทือนยอดขายต่อเดือนที่ 1แสนกล่อง***
นายเดียว วรตั้งตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มงานแพลทฟอร์มและสปอนเซอร์ชิพ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมการขายกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท ในปีนี้ ค่อนดีต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะซบเซาลงในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา แต่พอเข้าไตรมาสสามถือว่าดีมาก เฉลี่ยมียอดขายต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 1แสนกล่อง สาเหตุมาจากการทำตลาดที่ดี มีคอนเท้นท์ที่ดี ทั้งคอนเท้นท์ต่างประเทศ และโลคอลคอนเท้นท์แบบพรีเมี่ยมที่มีเฉพาะในจีเอ็มเอ็มแซท รวมถึงเดือนส.ค.เป็นช่วงเปิดฤดูกาลของการแข่งขันในหลายๆลีกกีฬาดัง ดังนั้นถึงแม้ว่าช่วงที่ผ่านมา แพลทฟอร์มเพย์ทีวีอื่นๆจะทำตลาดอย่างหนัก อย่าง ซีทีเอช กับ พรีเมียร์ลีกก็ตาม ก็ไม่ได้ทำให้ยอดขายกล่องเติบโตลดลง