ระเบิด ศึกกล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียม ทรูวิชั่นส์ขยับแนวรบใหม่ กระโดดร่วมวงขายกล่องรับสัญญาณแบบขายขาด ดัมพ์ราคาเหลือ 999 บาท สกัดดาวรุ่ง "จีเอ็มเอ็ม แซด" ชิงผู้บริโภคระดับกลางและล่าง ชูไฮไลต์พรีเมียร์ลีกโค้งสุดท้ายดึงคอบอล วางเป้ายอดขาย 50,000 กล่องต่อเดือนเฉพาะไตรมาส 2

นายอาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันภาพรวมตลาดจานดาวเทียมขายขาดมีอัตราการเติบโตลดลง เมื่อเทียบกับ 2 ปีก่อนที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ขณะที่การขายกล่องรับสัญญาณกลายเป็นแนวโน้มที่มาแรงและกำลังได้รับความนิยม จากผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นยุคที่ 2 ของธุรกิจทีวีดาวเทียมต่อจากยุคการขายขาดจานดาวเทียมในช่วงแรก

ปัจจุบัน ผู้เล่นในตลาดแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักคือ แบบบอกรับสมัครรายเดือนหรือเปย์ทีวี ส่วนใหญ่กลุ่มนี้เป็นผู้บริโภคระดับบนหรือพรีเมี่ยม ส่วนอีกกลุ่มคือไม่มีค่าสมาชิกรายเดือน เจาะกลุ่มระดับกลางและล่าง ซึ่งผู้เล่นส่วนใหญ่จะเป็นผู้ขายจานดาวเทียมพร้อมกล่องรับสัญญาณ ที่มีฐานผู้ชมอยู่ประมาณ 9 ล้านจาน

ทั่วประเทศ ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้ส่วนใหญ่จะมีทีวีมากกว่า 2 เครื่องต่อครัวเรือน ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่กำลังจะเกิดขึ้นที่ทรูฯจะก้าวเข้าไปเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ บริโภคในกลุ่มนี้

"การแข่งขันวันนี้ ทุกค่ายกำลังหันมาให้บริการการขายกล่องรับสัญญาณที่สามารถรับชมได้กับจานทุก แบบ ทุกสี และคอนเทนต์ที่เป็นเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะตัวของแต่ละองค์กร ทรูฯในฐานะผู้ที่มีคอนเทนต์หลากหลายทั้งกีฬา วาไรตี้ บันเทิง สารคดีและความรู้ จึงถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะเข้ามาเล่นในตลาดนี้"

นาย อาณัติกล่าวต่อว่า ด้วยโอกาสทางการตลาดดังกล่าว ทรูวิชั่นส์จึงได้เปิดกล่องรับสัญญาณแบบขายขาด 2 รุ่น ได้แก่ กล่องรับสัญญาณทรูไลฟ์ พลัส ในราคา 1,590 บาท พร้อมชมฟรีในแพ็กเกจทรู โนว-เลจ นาน 3 เดือน และกล่องรุ่นพิเศษราคา 999 บาท จำนวน 10,000 กล่อง ซึ่งจะทำเฉพาะช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน ซึ่งทั้ง 2 รุ่นสามารถติดตั้งได้กับจานทุกสีในบ้าน เพื่อรับชมช่องฟรีทูแอร์ได้ถึง 150 ช่อง และ 74 ช่องพิเศษจากทรูวิชั่นส์ ความแตกต่างคือ รุ่นราคา 999 บาท จะไม่มีช่องรายการ 48 ช่องจากทรูวิชั่นส์ ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญคือการขยายฐานผู้ชมระดับกลางและล่าง

"เดิมภาพลักษณ์ ของทรูวิชั่นส์คือ ซื้อยาก ราคาแพง แต่หลังจากมีการลอนช์โปรโมชั่น ทรูโนว-เลจ แพ็กเกจ ราคา 300 บาท เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พบว่าผู้บริโภคให้การตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ตัดสินใจเดินหน้าเจาะตลาดแมสด้วยกลยุทธ์การขายขาดกล่องรับสัญญาณอย่าง จริงจัง"

อาณัติกล่าวต่อว่า สำหรับเป้าหมายช่วงแรกนั้นตั้งเป้าว่าจะมียอดขายเฉลี่ยที่ 50,000 กล่องต่อเดือน ในช่วงไตรมาสที่ 2 นี้ หลังจากนั้นจะประเมินสถานการณ์จริงจากสภาพตลาดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าหลังจากสิ้นสุดโปรโมชั่นในช่วงไตรมาส 2 จะมีผู้บริโภคกลับเข้ามาเติมเงินแพ็กเกจทรูโนว-เลจถึง 20%

ปัจจุบัน ทรูวิชั่นส์มีฐานสมาชิกที่แข็งแกร่งประมาณ 2 ล้านราย ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มพรีเมี่ยม 25% (แพ็กเกจโกลด์ แพลตตินั่ม) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำรายได้ให้บริษัทเป็นสัดส่วนถึง 75%

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า การที่ทรูวิชั่นส์ตัดสินใจลงมาแข่งขันในตลาดขายกล่องรับสัญญาณ ส่วนหนึ่งมาจากการเปิดตัวกล่องรับสัญญาณ "จีเอ็มเอ็ม แซด" ของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ที่ประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าต้องการเจาะกลุ่มผู้ชมระดับกลางและล่าง กับระบบเติมเงินซื้อคอนเทนต์ตามต้องการในระดับราคาระหว่าง 250-400 บาทเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ทางแกรมมี่ก็เดินหน้าจัดบิ๊กอีเวนต์โรดโชว์ ทั่วประเทศเพื่อเข้าถึงผู้บริโภค ภายใต้ชื่อ "จีเอ็มเอ็ม เฟสติวัล ตอน ฟันซิตี้ สนุกกัน สนั่นเมือง" ซึ่งทำให้เจ้าตลาดทีวีดาวเทียมอย่างทรูวิชั่นส์จำเป็นต้องกระโดดเข้ามาสู่ ตลาดนี้

ส่วนหนึ่งเพื่อรับน้อง "จีเอ็มเอ็ม แซด" อีกส่วนก็เห็นโอกาสสำคัญกับตลาดนี้ ด้วยจำนวนผู้บริโภคมหาศาล ยิ่งกับการคาดการณ์ที่ว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะมีผู้ติดจานดาวเทียมเพิ่ม เป็น 15 ล้านครัวเรือน หรือคิดเป็น 30-40 ล้านคนทั่วประเทศ

ส่วน การเปิดตัวรุ่นพิเศษ 999 บาท เฉพาะช่วงไตรมาส 2 นี้ ประการสำคัญคือเพื่อสกัดดาวรุ่ง "จีเอ็มเอ็ม แซด" ที่ประกาศขายกล่องให้ได้ถึง 2 ล้านกล่อง

ในปีนี้ โดยเฉพาะในช่วงเมษายน-พฤษภาคม ก่อนที่จะมีการแข่งขัน "ฟุตบอลยูโร 2012" ซึ่งแกรมมี่เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดดังกล่าว

โดย ทรูฯใช้การถ่ายทอดสด "พรีเมียร์ลีก อังกฤษ" ในโค้งสุดท้ายซึ่งเหลืออีกประมาณ 4-5 แมตช์ มาเป็นไฮไลต์สำคัญในการดึงผู้บริโภคหรือคอกีฬามาซื้อกล่องรุ่นพิเศษนี้ ซึ่งแต่เดิมการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกจะมีอยู่ในเฉพาะแพ็กเกจที่เป็นซิ ลเวอร์, โกลด์ และแพลตตินั่มเท่านั้น